21 ตุลาคม 2564 ในโลกโซเชียล ได้แชร์ภาพของนายวินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระยันตระ อมโรภิกขุ อดีตพระภิกษุผู้อื้อฉาว เดินทางกลับมายังประเทศไทยในรอบหลายปีเพื่อร่วมพิธีเนื่องในวันครบรอบ 70 ปี เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีลูกศิษย์ รวมไปถึงพระสงฆ์เข้าร่วมในพิธีและก้มกราบไหว้ฆราวาส ท่ามกล่าวเสียงวิพากษ์วิวจารณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่
ล่าสุด เพจเฟชบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว2 โพสต์ภาพและข้อความว่า อดีตพระยันตระทำพิธีครบรอบอายุ 70 ปี มีเหล่า พส. ที่เลื่อมใสเข้าร่วมงานกันคับคั่งก่อนกลับได้ก้มกราบขอพรและถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก แปลกดีเรื่องแบบนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับเพิกเฉยไม่วิ่งหาแสง
ขณะที่นายวินัย ละอองสุวรรณ หรืออดีตพระยันตร ให้สัมภาษณ์กับรายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ว่า อาตมายังเป็นพระและนักบวชอยู่ มีแต่รูปแบบภายนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ยังใช้นมัสการเหมือนเดิม ซึ่งตนเองกลับมาเมืองไทยมาเยือนมาตุภูมิ เป็นแดนเกิดของอาตมา โดยเฉพาะตนอยู่ปากพนัง นครศรีธรรมราช ยังมีญาติเยอะ ตั้งใจมาเยี่ยมคณะศิษย์ ที่มีความศรัทธาอยู่ ทุกคนดีใจเมื่ออาตมามาถึง ไม่มีอื่นใด
ทั้งนี้ อาตมาเดินทางกลับมาจากสหรัฐอเมริกา เพื่อมาเยี่ยมลูกศิษย์ที่ยังศรัทธา ยืนยันว่ายังเป็นพระอยู่เหมือนเดิม ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์นั้นก็เป็นธรรมดาของโลกที่จะมีทั้งคนรักและคนไม่รัก อาตมาไม่เคยเรียกร้องให้ใครมากราบไหว้ หน่วยงานเข้าใจกันไปเอง ส่วนเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นสีเขียวนั้น เป็นการออกแบบด้วยเอง ใส่สบายๆ อยู่แบบธรรมชาติ เพราะไม่ได้เป็นองค์กรใดๆ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นสายเขียวอย่างที่ใครกล่าวอ้าง อย่างไรก็ตาม อดีตพระยันตระ จะมีกำหนดกลับสหรัฐฯ ในวันที่ 27 ต.ค. นี้
"อาตมาเป็นพระเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่ปลงผม ไม่ปลงหนวด ปล่อยธรรมดา เพราะอยู่อเมริกาอาตมาอยู่ป่า จะมาที่วัดมาบางคราวในวันสำคัญทางศาสนา"
เมื่อถามว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ศรัทธาท่านสายเขียว กล่าวว่า เข้าใจโลกเป็นธรรมดา คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ จะให้คนทุกคนเข้าใจเราทั้งหมดไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมดา หลวงวิจิตรวาทการท่านกล่าวว่า ทำดีแต่อย่าให้เด่น เพราะไม่มีใครอยากให้เด่นเกิน พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่ามีลาภก็เสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศ มีสุขก็มีทุกข์ มีบวกมีลบก็เป็นเรื่องธรรมดา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอดีตพระยันตระ เป็นพระรูปงาม นามเพราะ มีจิตวิทยาสูงในการพูดคุย ทำให้มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย พร้อมกับเดินทางไปหลายประเทศ จนกระทั่งตกเป็นข่าวอื้อฉาวที่สุดในวงการสงฆ์เมื่อ 27 ปีก่อน หรือช่วงปี 2537 ถูกสีกากลุ่มหนึ่ง ทำหนังสือร้องเรียนขึ้นทูลสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก รวมทั้งยังร้อนเรียนโดยตรงไปยังอธิบดีกรมการศาสนาในขณะนั้น ถึงการปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมกับความเป็นพระของพระยันตระ อมโร ถึงขั้นปาราชิกขาดจากความเป็นพระ
โดยเฉพาะการล่วงละเมิดเมถุน ถูกกล่าวหามีบุตรสาวด้วยกัน จนกระทั่งมีการท้าให้ตรวจดีเอ็นเอ แต่พระยันตระไม่ยินยอม และดื้อดึงต่อสู้คดีจนยืดเยื้อเป็นปีๆ จนกระทั่งมีคำสั่งให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุ แต่ยันตระไม่ยอมรับมติสงฆ์ ยังคงอ้างความเป็นพระอยู่อย่างบริบูณ์ พร้อมกับเปลี่ยนจีวรเป็นสีเขียว และลี้ภัยไปอยู่สหรัฐอเมริกานับเป็นสิบปี รอจนสิ้นอายุความ จึงเดินทางกลับไทยเป็นระยะๆดังกล่าว
ขอบคุณข้อมูลเพจ อีซ้อขยี้ข่าว 2,รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี