เตือนฝนถล่มปลายตุลาคม
‘บิ๊กป๊อก’สั่งการ
ผู้ว่าฯนนทบุรีกำชับเฝ้าระวัง
23-30ต.ค.น้ำเจ้าพระยาขึ้นสูง
‘โคราช’ขยายวงท่วมอีก4ชุมชน
ชาวบ้านเดือดร้อนนับหมื่นคน
ปภ.รายงาน 15 จว. ประสบอุทกภัย มท.1 สั่งผู้ว่าฯ 14 จังหวัดภาคใต้ รับมือฝนถล่ม ส่วนโคราช ยังอ่วม ประกาศเขตภัยพิบัติ 31 อำเภอ พ่อเมืองโคราช เร่งระบายน้ำคาด 1-2 วัน น้ำในเมืองลดลง ส่วนผู้ว่าฯ นนทบุรี เตรียมพร้อมรับมือแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูง ขณะที่“บิ๊กแจ๊ด” สั่งล่ามือมืดเปิด ประตูระบายน้ำที่สามโคก
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานว่า ร่องมรสุมพาดผ่าน
ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนล่างและประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ตั้งแต่วันที่ 17–19 ตุลาคม 2564 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ใน10 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ศรีสะเกษ สระแก้ว ชลบุรี สมุทรปราการ นครปฐม และกาญจนบุรี รวม 40 อำเภอ 138 ตำบล 612 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,468 ครัวเรือน
สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 6 จังหวัด รวม 32 อำเภอ 127 ตำบล 574 หมู่บ้าน 11,609 ครัวเรือน ได้แก่ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ นครปฐม และสระแก้ว
พายุคมปาซุยังกระทบอีก2จังหวัด
ส่วนอิทธิพลพายุ ‘คมปาซุ’ซึ่งอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความอากาศต่ำ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ตั้งแต่วันที่ 15-7 ตุลาคม 2564 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากใน6จังหวัด ได้แก่ ตาก เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ ลพบุรี ปราจีนบุรี และนครนายก รวม 12 อำเภอ 33 ตำบล 112 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,326 ครัวเรือน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 2 จังหวัดได้แก่ ลพบุรี และปราจีนบุรี
‘เตี้ยนหมู่’ทำน้ำท่วมอยู่7จังหวัด
สำหรับผลกระทบจากพายุ ‘เตี้ยนหมู่’ซึ่งเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน–7 ตุลาคม 2564 ทำให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวม 33 จังหวัด รวม 226 อำเภอ 1,201 ตำบล 8,220 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 334,179 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 14 ราย (ลพบุรี 11 ราย เพชรบูรณ์ 2 ราย ชัยนาท 1 ราย) ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 26 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 7 จังหวัด รวม 31 อำเภอ 244 ตำบล 1,363 หมู่บ้าน 70,580 ครัวเรือน ได้แก่ ขอนแก่น มหาสารคาม สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี
ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายในหลายพื้นที่ แต่ยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ อยู่ระหว่างเร่งระบายน้ำ ซึ่งปภ.ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยสำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป
มท.1สั่ง14จว.ใต้รับมือฝนถล่ม
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ได้ติดตามลักษณะอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ มีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออก เลื่อนไปพาดผ่านภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุก และอาจมีพายุหมุนเขตร้อน เคลื่อนเข้าใกล้ประเทศไทย และต่อเนื่องถึงอ่าวไทยตอนบนและภาคใต้ได้ ส่งผลให้ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้น อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในบางแห่ง จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการ 14 จังหวัดภาคใต้ จ.เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ พร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น
แจ้งเตือนปชช.-พร้อมช่วยเหลือ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ได้กำชับให้ติดตามปริมาณฝนโดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยประสบอุทกภัยน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม เขตเศรษฐกิจ พื้นที่ท้ายเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ฝาย และเชิงเขา ให้ฝ่ายปกครอง รีบแจ้งเตือนประชาชน โดยใช้ทุกช่องทางสื่อสาร และเร่งอพยพประชาชนตามแผนเผชิญเหตุ ให้การช่วยเหลือได้ทันทีหากเกิดเหตุ ผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 และสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567
ห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำตก-ถ้ำ
รมว.มหาดไทย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้บริเวณชายฝั่งและสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น น้ำตก หรือถ้ำ ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการในการแจ้งเตือนและห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่ในช่วงที่มีฝนตกหนัก ส่วนพื้นที่ติดทะเล ชายหาดต่างๆ ให้แจ้งเจ้าของเรือนำเรือเข้าที่กำบัง และห้ามเดินเรือในช่วงที่มีคลื่นลมแรงโดยเคร่งครัด หากพบว่ามีเรือขนาดเล็กอยู่นอกชายฝั่งที่อาจเป็นอันตราย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรือดังกล่าวกลับเข้าฝั่งทันที และให้กำชับสถานประกอบการ โรงแรมพื้นที่ชายทะเล แจ้งเตือนให้นักท่องเที่ยวระมัดระวัง ห้ามลงเล่นน้ำในช่วงที่มีคลื่นลมแรงโดยเด็ดขาด
เยียวผู้ประสบภัยเมื่อเหตุคลี่คลาย
“หากสถานการณ์ในพื้นที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ให้รีบอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัย หรือศูนย์พักพิงที่จัดเตรียมไว้ทันที และจัดชุดปฏิบัติการจากหน่วยราชการ มูลนิธิ อาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสา เข้าคลี่คลายสถานการณ์ พร้อมทั้งให้ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในด้านต่างๆและเมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิต ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร สาธารณประโยชน์ หรือสาธารณูปโภค โดยให้เข้าช่วยเหลือและฟื้นฟูตามระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
โคราชจมประกาศภัยพิบัติ31อำเภอ
ขณะที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่ม จ.นครราชสีมา สรุปสถานการณ์อุทกภัยช่วงวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าเกิดขึ้น 12 อำเภอ รวม 58 ตำบล 280 หมู่บ้าน1 เทศบาลนคร 12 ชุมชน 7,403 ครัวเรือน ได้แก่ อ.โนนสูง อ.คง อ.เมืองยาง อ.ประทาย อ.สีคิ้ว อ.พิมาย อ.ด่านขุนทด อ.โนนไทย อ.สูงเนิน อ.ขามทะเลสอ อ.ปักธงชัย และ อ.เมือง
ทั้งนี้ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครราชสีมา ได้ประกาศพื้นที่ประสบสาธารณภัย (อุทกภัย) รวม 31 อำเภอ 218 ตำบล 2,164 หมู่บ้าน 23ชุมชน ได้แก่ อโนนสูง อ.ด่านขุนทด อ.ปักธงชัย อ.วังน้ำเขียว อ.โชคชัย อ.ครบุรี อ.ปากช่อง อ.เสิงสาง อ.พิมายอ.โนนไทย อ.จักราช อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.พระทองคำ อ.เทพารักษ์ อ.แก้งสนามนาง อ.เมือง อ.ชุมพวง อ.สูงเนิน อ.ขามสะแกแสง อ.คง อ.ห้วยแถลง อ.บ้านเหลื่อม อ.หนองบุญมาก อ.บัวใหญ่ อ.สีคิ้ว อ.ประทาย อ.โนนแดง อ.ขามทะเลสอ อ.สีดา อ.เมืองยาง และ อ.ลำทะมนชัย
ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวรวม14แห่ง
อย่างไรก็ดี ทางจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่ประสบอุทกภัย 14 แห่ง ใน 6 อำเภอ 10 ตำบล มีผู้อพยพทั้งสิ้น 410 คน ปัจจุบันมีประชาชนอพยพ 2 แห่ง 2อำเภอ 2ตำบล ได้แก่ อ.โนนสูง(วัดด่านติง 7 คน ต.จันอัด) และ อ.โนนไทย (ศาลา SML 15 ราย ต.กำปัง) นอกจากนี้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานยังได้เข้าช่วยอพยพ นายโยธิน เมธชนันท์ อดีต ผวจ.นครราชสีมา และครอบครัว ออกจากบ้านพักในหมู่บ้าน VIP เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ที่ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1.5 เมตร อีกด้วย
มวลน้ำท่วมบ้านกว่า4,000หลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์น้ำในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ยังคงท่วมพื้นที่โดยมีบ้านเรือนกว่า 4,000 หลังคาเรือน อาทิ ชุมชนมิตรภาพ ซอย 4 , ชุมชนเกาะลอย ชุมชนหลัง รพ.มหาราชนครราชสีมา , ชุมชนวัดศาลาลอย , ชุมชนท้าวสุระ ฯลฯ ส่วนถนนสุรนารี 4 ช่องทางจราจรมีน้ำท่วมขัง ขณะที่น้ำจากคลองส่งน้ำชลประทานซึ่งล้นท่วมถนนระยะทาง 1 กิโลเมตร ระดับน้ำ 50 เซนติเมตร เริ่มลดลง คาดว่า 1-2 วัน จะเข้าสู่ภาวะปกติ แต่มวลน้ำที่ท่วมบ้านท่าตะโก , บ้านตะคองเก่า , บ้านคนชุม , บ้านประโดก-โคกไผ่ และถนนสี่แยกประโดก โดยเฉพาะวัดท่าตะโก ระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตร ต้องใช้เรือสัญจรเพียงอย่างเดียว
ถนนมิตรภาพ-ถนนช้างเผือกท่วม
อีกด้านหนึ่งที่ถนมิตรภาพ ตั้งแต่ตลาดประปา โรงเรียนสุรนารีวิทยา 1 และวิทยาลัยอาชีวศึกษา ถูกน้ำท่วมทั้งหมด สำหรับถนนช้างเผือก เส้นทางเข้า รพ.มหาราชฯ และ รพ.จิตเวชราชนครินทร์นครราชสีมา มวลน้ำลำตะคอง เอ่อเข้าท่วมผิวถนน เป็นระยะทางยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ระดับน้ำสูง 50-60 เซนติเมตร รถเล็กยังสัญจรไม่ได้ โดยทหารกองทัพภาคที่ 2 และหน่วยกู้ภัยฮุก 31 ได้นำรถบรรทุก และรถกระบะยกสูง คอยให้บริการรับส่งและขนย้ายผู้ป่วย รวมถึงบุคลากรการแพทย์
ขณะที่ถนนสุรนารายณ์ มีน้ำท่วมขังระยะทาง 200 เมตร ช่วงหน้าโรงแรมดิอิมพีเรียล โฮเทลแอนด์คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ รถทุกชนิดต้องใช้ช่องทางขวาสุด เนื่องจากน้ำท่วมสูง 40 เซนติเมตร ส่วนชุมชนมหาชัย-อุดมพร มีท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ถูกน้ำทะลักดันฝาท่อ จนน้ำพวยพุ่งเหมือนน้ำพุ
พ่อเมืองโคราชสั่งเร่งระบายน้ำ
ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัยผวจ.นครราชสีมา กล่าวว่า สถานการณ์น้ำที่ล้อมบริเวณ รพ.มหาราชฯยังท่วมสูงอยู่ แม้จะลดลงบ้าง ส่วนการตรวจสอบมวลน้ำด้านบนจากบ้านละลมหม้อลดลงมากแล้ว ขณะที่อ่างเก็บน้ำลำตะคอง ที่เต็มความจุแล้ว ทางชลประทานแจ้งว่า ยังไม่ปล่อยน้ำลงมา ต้องรอให้มวลน้ำในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา และรอบๆ เมือง ลดลงก่อน ขณะนี้ได้สั่งการให้เร่งระบายน้ำที่ประตูข่อยงาม ท้ายลำน้ำ แม้จะยังมีน้ำแช่นนานในจุดที่ลุ่มต่ำ แต่จุดอื่นๆ คาดว่า 1-2 วันนี้ น้ำจะลดลงจากตัวเมือง ไปยัง อ.เฉลิมพระเกียรติ เข้าท่วม อ.จักราช และ อ.พิมาย ซึ่งจะท่วมรอบ 2-3 แต่ได้แจ้งเตือนไปแล้ว
เมืองนนท์พร้อมรับน้ำเจ้าพระยา
วันเดียวกัน นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผวจ.นนทบุรี เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 23–30 ตุลาคมนี้ จากข้อมูลคาดว่าน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะเพิ่มสูงขึ้น อาจมีฝนตกหนักในพื้นที่ จึงสั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เตรียมพร้อมรับมือ และช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีพื้นที่ติดแม่น้ำและริมคลอง ต้องสำรวจแนวคันกั้นน้ำให้รองรับน้ำที่จะเพิ่มระดับสูงขึ้น และตรวจสอบความแข็งแรงของแนวคัน และประสานแขวงทางหลวงนนทบุรี ทางหลวงชนบทนนทบุรี สำรวจท่อระบายน้ำและถนนในความรับผิดชอบ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังถนน ส่วน รพ.และสถานีอนามัยต่างๆ ให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เจ็บป่วย หรือประสบเหตุฉุกเฉิน
แจ้งหมู่บ้านเตรียมพร้อมรับน้ำ
นอกจากนี้ได้ประสานไปยังโครงการหมู่บ้านจัดสรรทุกแห่ง ให้เตรียมเครื่องสูบน้ำให้พร้อมหากเกิดสถานการณ์น้ำท่วมขังสำรวจและรายงานพื้นที่ประสบสาธารณภัย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประสานการไฟฟ้าฯ แก้ไขปัญหาการจ่ายไฟฟ้า เมื่อเกิดปัญหาไฟฟ้าดับ หรือขัดข้อง หรือหม้อแปลงชำรุดให้แล้วเสร็จภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องจักรและประตูระบายน้ำต่างๆ สามารถปฏิบัติงานได้ต่อเนื่อง
ปทุมฯวุ่นมือมืดย่องเปิดประตูน้ำ
ที่ จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึกคืนที่ผ่านมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี รับแจ้งว่ามีผู้ไม่หวังดี ลอบเปิดประตูระบายน้ำคลองบางนา ต.บางโพธิ์เหนือ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบชาวบ้านมุงดูที่บริเวณประตูระบายน้ำดังกล่าว ซึ่งพบว่ามีน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลทะลักเข้าพื้นที่ จนต้องรีบปิดประตูระบายน้ำทันที เพื่อป้องกันน้ำท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน แต่ก่อนหน้านี้น้ำได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายไปแล้วหลายหลัง
‘บิ๊กแจ๊ด’ฉุนสั่งล่าตัว-รับผิดชอบ
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ภายหลังได้รับแจ้งจากประชาชนว่าประตูระบายน้ำคลองบางนาได้เปิดขึ้นจนน้ำทะลักเข้ามาในบ้านเรือนประชาชน จึงรีบลงพื้นที่ตรวจสอบ เพราะหากแก้ปัญหาล่าช้าหมู่บ้านหลายแห่งอาจประสบปัญหาน้ำท่วมเกิดความเสียหายอย่างมาก เท่าที่สอบถามช่างที่เฝ้าประตูระบายน้ำแห่งนี้ เชื่อว่าน่าจะมีคนมาแอบเปิดประตูระบายน้ำ ดังนั้นเหตุที่เกิดขึ้นจะต้องมีคนรับผิดชอบโดยประสานตำรวจเข้ามาตรวจสอบเพื่อหาตัวคนที่ลอบเปิดประตูระบายน้ำดังกล่าว
ขณะที่นายมนตรี ลังกาพินธุ์ นายอำเภอสามโคก กล่าวว่า เพื่อตัดปัญหาในเบื้องต้นได้ประสานชลประทาน จ.ปทุมธานี ตัดระบบไฟฟ้าหลังจากที่ประตูระบายน้ำปิดแล้ว เพื่อไม่ให้ใครมาแอบเปิดได้อีก เพราะปัญหานี้เกิดจากคนมาแอบเปิดประตูระบายน้ำแน่นอน เท่าที่ถามจากช่างเกี่ยวกับระบบ ทราบว่าไม่สามารถจะเปิดขึ้นเองได้ จึงให้เจ้าหน้าที่ตัดระบบไฟฟ้าเพื่อให้ชาวบ้านไม่ต้องกังวลอีก
‘อัศวิน’จับตาน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูง
ส่วน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำเหนือไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ว่า กรมชลประทานวัดปริมาณน้ำผ่าน กทม.เฉลี่ย 3,103 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองตลาดกทม.อยู่ที่1.85 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ยังต่ำกว่าระดับคันกั้นน้ำของ กทม.อยู่ 1.15 เมตร จึงยังไม่ส่งผลกระทบ โดยพื้นที่ กทม.มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง ไม่มีรายงานจุดเร่งการระบายน้ำในถนนสายหลัก
อย่างไรก็ดี ช่วงวันที่ 23-30 ตุลาคมนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ประมาณ 0.2-0.4 เมตร จึงขอให้ชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ 11 ชุมชน 239 ครัวเรือน ใน 7เขต ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี