รบ.โชว์ยอดติดเชื้อ-ตายลด
ฉีดวัคซีนเข้าเป้า
ป่วยใหม่ 9,351/ดับ 56 ศพ
รักษาหายเกินหมื่นต่อเนื่อง
จับตา 5 จว.ใต้ยังระบาดหนัก
วอนปชช.ร่วมพลิกโฉมปท.
ศธ.ชี้เปิดเทอม 1 พ.ย.ไร้ปัญหา
ไทยติดเชื้อโควิดรายวัน 9,351 ราย เสียชีวิต 56 ศพ หายป่วยกลับบ้านอยู่ที่ 10,098 ราย ยอดฉีดวัคซีนทะลุ 70 ล้านโดสแล้ว ขณะที่“กทม.”เปิดจองสิทธิ์รับวัคซีนโควิดสูตรไขว้ “SV+AZ” สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย พร้อมกับอนุญาตให้ 63 โรงเรียนในกรุงเทพฯเปิดเรียนได้ โดยยึดมาตรการป้องกันโควิดครอบจักรวาล ขณะที่ปลัดศธ.เชื่อเปิดเทอม 1 พฤศจิกายนไม่มีปัญหา มอบคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละจังหวัด ด้านโฆษกรัฐบาลชี้รัฐบาลเดินหน้าฉีดวัคซีน ทำให้ยอดติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง พร้อมรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันพลิกโฉมประเทศ
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) รายงานสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่ต่ำกว่าหลักหมื่น และเสียชีวิตต่ำกว่าหลักร้อยต่อเนื่อง
ติดเชื้อ9,351-หายเกินหมื่นต่อเนื่อง
โดยวันนี้พบผู้ติดเชื้อใหม่ 9,351 ราย จำแนกเป็นผู้ติดเชื้อทั่วไปในประเทศ 9,206 ราย ติดเชื้อจากผู้เดินทางต่างประเทศ 6 ราย และติดเชื้อในเรือนจำ/ที่ต้องขังเพิ่ม 139 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,821,619 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 รวม 1,850,482 ราย หายป่วยเพิ่ม 10,098 ราย หายป่วยสะสม 1,703,301 ราย หายป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 รวม 1,730,727 ราย
ตาย56-โคมา2,432-ใส่ท่อหายใจ546
วันนี้มีผู้เสียชีวิต 56 คน เสียชีวิตสะสม 18,661 คน เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 รวม 18,755 ส่วนผู้ป่วยรักษาอยู่ 101,000 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 43,389 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 57,611 ราย อาการหนัก 2,432 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 546 ราย สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,351 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลไม่รวมเรือนจำ 1,511 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 1,945 ราย จังหวัดอื่นจำนวน 67 จังหวัด จำนวน 5,750 ราย และเรือนจำ/ที่ต้องขัง 139 ราย นอกจากนี้ ยังมีรายงานยอดผลตรวจด้วยชุดตรวจ ATK วันที่ 24 ตุลาคม จำนวน 3,924 ราย
รายงานระบุต่อว่า ผู้เสียชีวิต 56 คน แบ่งเป็น ชาย 31 คน หญิง 25 คน เป็นคนไทย 55 คน เมียนมา 1 คน อายุน้อยสุด 26 ปี มากสุด 91 ปี โดยจำนวนผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 32 คน น้อยกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 17 คน ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 7 คน ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวหรือปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรง โดยเฉพาะความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไต โรคอ้วน ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อยังคงติดมาจากในพื้นที่ คนรู้จัก และคนในครอบครัว โดยกทม.ยังมีผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ 5 คน ส่วนผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศ 6 ราย พบว่ามาจากกัมพูชา 4 ราย สวิตเซอร์แลนด์และมาเลเซีย ประเทศละ 1 ราย
5จว.ใต้ติด5ใน10อันดับสูงสุดปท.
ศบค.รายงานด้วยว่า สำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่สูงสุด อันดับ 1 คือ กรุงเทพมหานคร 929 ราย 2.สงขลา 682 ราย 3.นครศรีธรรมราช 582 ราย 4.ปัตตานี 511 ราย 5.ยะลา 487 ราย 6.เชียงใหม่ 461 ราย 7.สมุทรปราการ 294 ราย 8.ชลบุรี 289 ราย 9.ขอนแก่น 269 ราย และ10.นราธิวาส 265 ราย ส่วนจ.น่าน และอำนาจเจริญ วันนี้ไม่พบรายงานมีผู้ติดเชื้อ ขณะที่รายงานจำนวนผู้รับวัคซีนสะสมข้อมูลวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – วันที่ 23 ตุลาคม รวม 70,279,624 โดส แบ่งเป็น จำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 39,881,034 ราย และเข็มที่ 2 สะสม 28,276,165 ราย เข็มที่ 3 สะสม 2,122,425 ราย
กทม.เปิดจองสิทธิ์ฉีดไขว้คนยังไม่ฉีด
นพ.ชวินทร์ ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักอนามัย เปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 1 SINOVAC และเข็มที่ 2 AstraZeneca สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย และมีที่พักอาศัยในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันนี้ (24 ตุลาคม)เป็นต้นไป และจะปิดรับลงทะเบียนเมื่อมีผู้จองสิทธิ์ครบตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรร
ทั้งนี้ ผู้ประสงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดลงทะเบียนจองสิทธิ์ได้ทาง LINE OA วัคซีนสำนักอนามัย หรือสแกน QR CODE ในภาพ จากนั้นเลือกวัน เวลา และสถานที่ที่สะดวกเข้ารับวัคซีน ดังนี้ 1. ศูนย์ฉีดวัคซีนไทยร่วมใจ ธนาคารไทยพาณิชย์ SCB สำนักงานใหญ่ เปิดให้บริการฉีดวัคซีนระหว่างวันที่ 28 - 30 ต.ค. 64
2. ศูนย์ฉีดวัคซีนไทยร่วมใจ เอสซีจี SCG สำนักงานใหญ่ บางซื่อ เปิดให้บริการฉีดวัคซีนระหว่างวันที่ 26 ต.ค. - 1 พ.ย. 64 โดยแบ่งเป็น 4 รอบเวลา ได้แก่ เวลา 08.00 - 10.00 น. เวลา 10.00 - 12.00 น. เวลา 12.00 - 14.00 น. และเวลา 14.00 - 16.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร 0 2203 2883
กทม.ไฟเขียว63รร.เปิดเรียนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยรายชื่อ 63 โรงเรียนแรก ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดการเรียนการสอนได้ โดยขอให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด มีรายชื่อดังนี้
เขตคลองเตย 1.โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ 2.โรงเรียนนานาชาติติแอปเปิ้ลทรี 3.โรงเรียนนานาชาติ บี เอส บี บริติช ไพรแมรี่ 4.โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเยาวรักษ์ (คิดดี้แคร์) เขตคลองสาน 5..โรงเรียนานาชาติอินเตอร์เนชั่นแนลไพโอเนียร์ส 6.โรงเรียนไทยซิกข์นานาชาติ กรุงเทพ เขตคลองสามวา 7.โรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา เออร์ลี่ เยียรส์ แคมปัส เขตคันนายาว 8.โรงเรียนเตรียมวิทย์พัฒนา เขตจตุจักร 9.โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์ เขตดุสิต 10.วชิราวุธวิทยาลัย 11.โรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูว์ส ดุสิต
เขตดอนเมือง 12.โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ กรุงเทพฯ เขตตลิ่งชัน 13.โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ เค็นชิงตัน เขตบางกะปิ 14.โรงเรียนนานาชาติแอ็ดเวนต์รามคำแหง เขตบางเขน 15.โรงเรียนนานาชาติกีรพัฒน์ เขตบางขุนเทียน 16.โรงเรียนนานาชาติรอยส์ รอยัล เขตบางแค 17.โรงเรียนกสิณธรอาคาเดมี่
18.โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า
เขตบางคอแหลม 19.โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ เขตบางซื่อ 20.โรงเรียนพิริยะโยธิน
เขตบางนา 21.โรงเรียนประชาคมนานาชาติ 22.โรงเรียนนานาชาติเบิร์คลีย์ 23.โรงเรียนบางกอกพัฒนา
24.โรงเรียนนานาชาติ มอนเตสซอรี่ อะแคเดอมี่ แบงค็อก เขตบางรัก 25.โรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูว์ส สาทร เขตบึงกุ่ม 26.โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ คินเดอร์แบร์ อคาเดมี เขตประเวศ 27.โรงเรียนนานาชาติ บีคอนเฮาส์ แย้มสอาด 28.โรงเรียนนานาชาติชาร์เตอร์ เขตพญาไท 29.โรงเรียนอาร์บิสนานาชาติ
เขตภาษีเจริญ 30.โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ธนบุรี 31.โรงเรียนนานาชาติบริติชโคลัมเบีย เขตมีนบุรี 32.โรงเรียนประถมนานาชาติบรอมส์โกรฟ 33.โรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา 34.โรงเรียนนานาชาติ บรอมส์โภรฟ เขตยานนาวา 35.โรงเรียนอนุบาลบ้านสานฝัน 36.โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ 37.โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ ลา เปติท อีโคล แบงค็อก เขตลาดกระบัง 38.โรงเรียนมาเรียลัย เขตลาดพร้าว
39.โรงเรียนสันติสุขวิทยา
เขตวังทองหลาง 40.โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์กรุงเทพฯ 41.โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ เพรพ มอนเตสซอรี่ 42.โรงเรียนฝรั่งเศสนานาชาติ กรุงเทพ 43.โรงเรียนนานาชาติรีเจ้นท์-พระราม 9 เขตวัฒนา
44.โรงเรียนสี่พี่น้องนานาชาติ 45.โรงเรียนนานาชาติ บางกอก พรีแพราธอรี แอนด์เซ็กเคินเดอรี่ 46.โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ เอบีซี แพทเวยส์ 47.โรงเรียนนานาชาติ ไบร์ทสกายส์ 48.โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ แอนนาเบลส์ เออร์ลี่ เยียร์ส 49.โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ คิดส์ คิงดอม 50.โรงเรียนนานาชาตินิสท์ 51.โรงเรียน ดิ อมริกัน สคูล ออฟ แบงค็อก สุขุมวิท 52.โรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูร์ส กรุงเทพฯ 53.โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ คิดส์ อะคาเดมี่ 54.โรงเรียนนานาชาติ ติเออร์ลี่เลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์
เขตสะพานสูง 55.โรงเรียนนานาชาติ เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ เขตสาทร 66.โรงเรียนนานาชาติ เรนทรี
เขตสวนหลวง 57.โรงเรียนนานาชาติเซ็นจูเรี่ยน กรุงเทพฯ 58.โรงเรียนนานาชาติคริสเตียน กรุงเทพฯ
เขตห้วยขวาง 59.โรงเรียนนานาชาติ เดอะรีเจ้นท์ กรุงเทพ 60.โรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรี่กรุงเทพ ชิตี้แคมปัส 61.โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ เพรพ 62.โรงเรียนสมาคมไทย-ญี่ปุ่น 63.โรงเรียนนานาชาติ เคไอเอส
เปิดเรียน1พย.ทำได้-จว.กำหนดเงื่อนไข
นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) กล่าวถึงการเปิดภาคเรียน 1 พฤศจิกายนว่า หลักเกณฑ์การพิจารณาเปิดภาคเรียนนั้น มอบให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากบางพื้นที่แม้อยู่ในพื้นที่สีแดง ปัจจุบันมีพื้นที่สีแดง 23 จังหวัด เช่น จ.นครราชสีมา แต่อำเภอที่มีโรงเรียนอยู่กลับเป็นพื้นที่สีขาว ดังนั้น ต้องให้ในแต่ละพื้นที่เป็นผู้พิจารณาเอง ขณะนี้ไม่น่าห่วงเรื่องการเปิดภาคเรียน เพราะการเปิดเรียนทำได้ตามปกติ แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการและรูปแบบการเปิดภาคเรียนมากกว่าว่าจะเปิดแบบไหน เรียนออนไลน์หรือออนไซต์
นราฯกำหนดครูต้องฉีด85%ถึงเปิดได้
นายสุภัทรกล่าวต่อว่า จากการติดตามพบว่า บางพื้นที่มีเงื่อนไข เช่น จ.นราธิวาส กำหนดให้สัดส่วนครูต้องได้รับวัคซีน 100% จึงจะเปิดภาคเรียนได้ ก็คาดว่าการเปิดภาคเรียนในจ.นราธิวาสจะทำได้ประมาณวันที่ 15 พฤศจิกายน ซึ่งส่วนนี้คำนวณตามระยะเวลาการรับวัคซีนเข็มที่ 2 ที่ต้องห่างจากเข็มแรกประมาณ 3 สัปดาห์ ส่วนเกณฑ์การเปิดภาคเรียนในพื้นที่อื่น พื้นฐานกำหนดให้ครูต้องรับวัคซีนอย่างน้อย 85% หรือรับ 2 โดส หรือบางที่จะกำหนดให้นักเรียนรับวัคซีน หรือผู้ปกครองรับวัคซีนด้วยก็ได้
ฉีดวัคซีนนร.2.2ล้านคนไม่พบปัญหา
“ส่วนการฉีดวัคซีนในนักเรียน 2.2 ล้านคนที่ผ่านมาก็เรียบร้อยดี ไม่พบปัญหา มีแค่รายเดียวที่มีอาการแพ้ แต่ภายหลังก็พบว่ามีอาการไส้ติ่งอักเสบร่วมด้วย ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้น ส่วนปัญหาน้ำท่วม เชื่อว่าไม่มีผลกระทบกับการเปิดเทอม เพราะขึ้นอยู่กับรูปแบบ อาจมีเรื่องรับวัคซีนที่อาจช้าลงเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องของการขนส่ง ซึ่งก็ช่วยไม่ได้ แต่วัคซีนที่จัดสรรไปให้เด็กคือ วัคซีนที่ดีที่สุด และปลอดภัย โดยขณะนี้ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้มีการลงทะเบียนฉีดวัคซีนไปแล้ว 60-65% ทั้งนี้ ต้องหวังพึ่งผู้นำศาสนาร่วมให้ความรู้ความเข้าใจ เพราะการจะบังคับหรือเอามาตรการสาธารณสุขไปเปลี่ยนวิถีชีวิต คงไม่สามารถทำได้ แต่ในบางพื้นที่ เมื่อฉีดวัคซีนเด็ก ผู้ปกครองก็สมัครใจร่วมรับวัคซีนด้วยเช่นกัน ต้องขึ้นอยู่กับความเข้าใจ”นายสุภัทรกล่าว
ฉีดไฟเซอร์นร.12เกิน50%แล้ว
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังรัฐบาลประกาศนโยบายเดินหน้าเปิดประเทศรับการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดูแลด้านสาธารณสุขของประชาชนไทย ซึ่งขณะนี้ยอดฉีดวัคซีนสะสมของไทยเกินกว่า 70ล้านโดสแล้ว แบ่งเป็น เข็มที่ 1 สะสม 39,836,306 โดส คิดเป็น 55.28% ของประชากรไทยทั่วประเทศ เข็มที่ 2 สะสม 28,293,679 โดส คิดเป็น 39.26% ของประชากรไทยทั่วประเทศ หรือคิดเป็น 56.59% ของกลุ่มเป้าหมายประมาณ 50 ล้านคน (หรือ 70% ของประชากรไทยทั่วประเทศ) เข็มที่ 3 สะสม 2,072,629 โดส และเข็มที่ 4 สะสม 1,631 โดส รวม 70,204,245 โดส
นอกจากนี้ ในส่วนภาพรวมการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กนักเรียนอายุ 12 ขึ้นไป (นักเรียนชั้น ป.6/ม.1/นักศึกษา ปวช. 1-3/ปวส. 1-2) ฉีดสะสมแล้ว 2,032,794 คน คิดเป็น 53.78% (จากจำนวนที่ประสงค์ฉีดวัคซีน 3,779,871 คน) เตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ในรูปแบบ On-Site ต่อไป
ลุยฉีดทำยอดติดเชื้อลดต่อเนื่อง
นายธนกรกล่าวต่อว่า รัฐบาลเดินหน้าฉีดวัคซีนตามแผน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงต่อเนื่อง เห็นผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะจำนวนผู้เสียชีวิตต่ำกว่า 100 ราย มากว่าครึ่งเดือนแล้ว ส่วนยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่มีจำนวนลดลงต่อเนื่องต่ำกว่าหมื่นรายหลายวันติดต่อกันแล้ว ส่วนยอดผู้ป่วยหายกลับบ้านมีจำนวนเพิ่มขึ้น ยอดผู้เสียชีวิตลดลง สะท้อนความบริหารสถานการณ์โควิด -19 ของรัฐบาลและความร่วมมือร่วมใจของบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนทุกภาคส่วนได้เป็นอย่างดี
ขอความร่วมมือปชช.พลิกโฉมปท.
“นายกฯย้ำการดำเนินการและการออกมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล คำนึงถึงประโยชน์โดยรวมของประเทศเป็นสำคัญแม้มาตรการบางอย่างอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนบ้าง โดยพยายามดูทั้งความปลอดภัยด้านสุขภาพและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไป แนวทางเปิดประเทศ หรือกิจกรรมช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปลายปีนี้ ไม่ว่าจะจัดโดยภาครัฐหรือเอกชน ต้องสอดคล้องกับมาตรการสาธารณสุขป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ลดความเสี่ยงแพร่ระบาดระลอกใหม่ ให้ความสำคัญกับการควบคุมการระบาดของโควิด โดยเฉพาะการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมไม่ต่ำว่าร้อยละ 70 ของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและมาตรการควบคุมดูแลทางสาธารณสุขที่เป็นระบบ ขอให้คนไทยทุกคนและทุกภาคส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการ “พลิกโฉมประเทศ” ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล Universal Prevention และ COVID-19 Free Setting อย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจสู่การเปิดประเทศที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน”นายธนกรกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี