สุรัสวดี เป็นชื่อประตูระบายน้ำในหนองหาน จ.สกลนคร เหมือนนามสกุลคุณปลอดประสพ รมว.วิทยาศาสตร์ฯและประธานคณะครรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กบอ.) ตั้งชื่อตั้งแต่สมัยเป็นอธิบดีกรมประมง ในฐานะหน่วยงานดูแลหนองหานแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืด
โครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำมีความยืดโยงเกี่ยวข้องกับหนองหานและประตูระบายน้ำสุรัสวดี อย่างแยกไม่ออก
ลุ่มน้ำก่ำประกอบด้วยแหล่งน้ำหลักคือหนองหาน กับ แม่น้ำก่ำ โดยมีต้นน้ำจากเทือกเขาภูพานไหลลงมาเก็บในหนองหาน บึงน้ำจืดขนาดใหญ่ ถัดจากนั้นก็จะต่อเป็นแม่น้ำก่ำ ซึ่งไหลผ่านพื้นที่ลุ่มน้ำไปออกแม่น้ำโขงที่อ.ธาตุพนม จ.นครพนมด้วยความยาว 123 กิโลเมตร
ใครที่เห็นภาพ “ตัวยึกยือ” ลายพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คงพอนึกออกได้ว่า ด้านหัวของตัวยึกยือ หมายถึงหนองหาน ลำตัวหรือกระดูกสันหลังหมายถึงลำน้ำก่ำ ข้อปล้อง หมายถึง อาคารบังคับน้ำหรือประตูน้ำ ขอบลำตัว หมายถึง คลองระบายน้ำที่คู่ขนานไปกับลำน้ำ ส่วนหาง หมายถึงแม่น้ำโขง
ฤดูน้ำหลาก พื้นที่ลุ่มน้ำก่ำเผชิญภัยน้ำท่วม ทั้งจากระดับน้ำในลำน้ำก่ำสูง หรือจากกระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่สูงกว่าทะลักเข้ามา หรืออาจเกิดได้ทั้งสองกรณี ในหน้าแล้งน้ำในลำน้ำก่ำไหลลงแม่น้ำโขงที่มีระดับต่ำกว่า ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำ เดือดร้อนทั้งขึ้นทั้งล่อง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานพระราชดำริให้พิจารณาสร้างประตูระบายน้ำ 7 แห่งในลำน้ำก่ำ ทั้งเอาไว้เก็บน้ำในลำน้ำแทนปล่อยลงแม่โขงไปเสียสิ้น ขณะเดียวกันสามารถระบายน้ำออกได้เป็นชั้นๆ บล็อกๆตามแต่เหตุจำเป็น โดยไม่ทำให้น้ำท่วม
ประตูระบายน้ำท้ายสุดคือ ประตูธรณิศนฤมิตนั้นจะออกแบบให้มีความจุได้มากถึง35.60 ล้านลูกบาศก์เมตรจากที่เก็บกักในลำน้ำทั้งสิ้น 68 ล้านลูกบาศก์เมตร และระบายได้มากถึง 1,200 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เป็นกลไกควบคุมน้ำในหน้าฝน ขณะเดียวกันในหน้าแล้ง หากน้ำเหนือปตร.ธรณิศนฤมิตน้อยลงหรือเหือดแห้ง ก็สามารถสูบน้ำจากแม่น้ำโขงเข้ามาเติม เฉลี่ย 3 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน
พระราชดำรินี้ ทำให้พื้นที่กลางน้ำกับปลายน้ำ ลงตัวพอสมควร กระนั้นก็ยังมีเรื่องน่าห่วงช่วงหน้าแล้งอยู่ดี เพราะยังไงๆก็มีโอกาสขาดแคลนน้ำ เป็นแต่ว่ามากหรือน้อย
ทางออกนั้นก็มีอยู่ คือต้องได้รับการหนุนช่วยจากต้นน้ำคือหนองหาน โดยผ่านประตูระบายน้ำสุรัสวดี
องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) เคยทำการศึกษาว่า หนองหานสามารถพร่องน้ำในหน้าแล้งช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม เพื่อรองรับน้ำในหน้าฝน คล้ายๆกับเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ ได้มากถึง 100 ล้านลูกบาศก์เมตร
ปริมาณน้ำนี้แหละที่จะบรรเทาความเดือดร้อนในฤดูแล้งของพื้นที่ลุ่มน้ำก่ำ
น่าเสียดายที่ว่า ความร่วมมือในระดับนโยบายระหว่างกรมประมงกับกรมชลประทานยังไม่มี ทั้งที่สังกัดกระทรวงเกษตรฯด้วยกัน ต่างจากความร่วมมือบริหารจัดการน้ำต่างกระทรวงระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)กับกรมชลประทานที่แทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน
คุณธีระ วงศ์สมุทร โปรดเร่งบูรณาการความร่วมมือนี้ให้สำเร็จก่อนเกษียณจากเก้าอี้รมว.เกษตรฯ เพื่อเป็นผลงานโบแดงปิดท้าย และเกิดอานิสงส์ถ้วนทั่วทุกฝ่าย
พอใจ สะพรั่งเนตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี