26 ตุลาคม 2564 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ “โควิด” ผ่านทางเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้...
26 ตุลาคม 2564
จำนวนติดเชื้อใหม่ของไทยเมื่อวานนี้ หากรวม ATK ด้วย ได้แซงอินเดียไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 311,371 คน ตายเพิ่ม 4,823 คน รวมแล้วติดไปรวม 244,761,554 คน เสียชีวิตรวม 4,969,035 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ รัสเซีย สหราชอาณาจักร อเมริกา ตุรกี และยูเครน
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 94.51 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 92.51
...สำหรับสถานการณ์ไทยเรา
เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 8,675 คน สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก
หากรวม ATK อีก 3,525 คน จะขึ้นเป็นอันดับ 6 ของโลก
ที่น่าสนใจคือ ยอดติดเชื้อใหม่ของเมื่อวานนี้ ไทยแซงอิหร่านไปเรียบร้อยแล้ว และหากรวม ATK ด้วยก็แซงอินเดีย จนเป็นที่ 2 ของเอเชีย เป็นรองเพียงตุรกีเท่านั้น
และไม่ว่าจะเป็นแค่ยอดที่รายงานทางการ หรือจะรวม ATK ก็ยังคงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
...ช่วงเวลาที่แต่ละประเทศจะเห็นโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น (endemic disease)
บางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ได้มีนักวิชาการวิเคราะห์ข้อมูลวิชาการและคาดการณ์ว่ามีโอกาสที่การระบาดจะคงที่ ทรงตัว อยู่ในภาวะสมดุลการระบาด (epidemic equilibrium) ในลักษณะที่มีจำนวนการติดเชื้อแต่ละวันรวมถึงจำนวนการป่วยการตายที่ไม่แกว่งขึ้นลง ได้ในช่วงกรกฎาคมปีหน้าเป็นต้นไป เพราะประชาชนจำนวนมากจะมีระดับภูมิคุ้มกันจนอยู่ตัวแล้ว อย่างไรก็ตามงานวิชาการดังกล่าวก็ยังมีข้อโต้แย้งอยู่บ้างว่าไม่ได้มีการพิจารณาความเสี่ยงจากพฤติกรรมของคนจากการดำเนินชีวิตในกิจการกิจกรรมที่เสี่ยง ที่จะทำให้ระบาดหนักขึ้นมากได้ ดังที่เห็นในช่วงที่ผ่านมา เช่น ฟุตบอลยูโร ฯลฯ
สำหรับเมืองไทยนั้น ได้เคยเล่าให้ฟังตั้งแต่หลายเดือนก่อนแล้วว่า น่าจะมีโอกาสเผชิญการระบาดไปเรื่อยๆ อย่างน้อยที่สุดก็กลางปีหน้า อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดผลลัพธ์ของการควบคุมโรคระบาดได้คือ การจัดซื้อจัดหาและแจกจ่ายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ให้ครอบคลุมประชากรทุกช่วงวัย
ข้อจำกัดที่เราทราบกันดีเรื่องวัคซีนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ส่งผลต่อสถานการณ์ระบาดรุนแรงที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และด้วยปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากกิจการกิจกรรมต่างๆ การเปิดเมืองเปิดท่องเที่ยวเปิดประเทศ ก็อาจทำให้ช่วงเวลาที่จะเกิดสมดุลการระบาดของเรานั้นนานไปกว่ากลางปีหน้าได้ ถ้าไม่ระมัดระวังกันให้ดี
สิ่งที่รัฐควรทำคือ การเพิ่มศักยภาพระบบการตรวจคัดกรองโรคมาตรฐาน RT-PCR ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และให้ประชาชนเข้าถึงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและไม่ติดกฎเกณฑ์
ส่วนประชาชนอย่างพวกเราทุกคน สิ่งที่ทำได้คือป้องกันตัวเองและครอบครัว ทำในสิ่งที่เราทำได้อย่างเต็มที่
ใส่หน้ากากนะครับ สำคัญมาก
อยู่ห่างคนอื่นเกิน 1 เมตร ช่วยลดอัตราติดเชื้อลงได้ 5 เท่าครับ
ด้วยรักและห่วงใย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี