ตำรวจสอบสวนกลางนำกำลังบุกทลายโกดังเก็บรถรับจำนำกลางเมืองสองแคว รวบเครือข่ายนายทุนปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหด 120% ต่อปีตรวจสอบพบมีเงินหมุนเวียนเกือบ 50 ล้านบาท
วันที่ 29 ต.ค.64 ที่โกดังไม่มีเลขที่หมู่ 5 ถนนมิตรภาพ ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมนายทุนรับจำนำรถคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด 120% ต่อปี โดยยึดรถของกลางทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ได้เป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางโดยกองบังคับการปราบปรามได้ทำการสืบสวนหาข้อมูลผ่านทางออนไลน์จนกระทั่งทราบว่าเพจเฟสบุ๊กชื่อ "รับจำนำรถ พิษณุโลก อนุมัติง่าย วงเงินสูง carformoney” มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบให้กับบุคคลทั่วไป โดยให้ลูกหนี้นำรถมาค้ำประกัน ต่อมากองกำกับการ กองบังคับการปราบปรามได้ทำการตรวจสอบจนกระทั่งพบว่าเพจดังกล่าวมีการรับจำนำรถ เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจริง
เมื่อทำการสืบสวนโดยละเอียดจึงทราบว่ากลุ่มนายทุนได้นำรถที่ได้จากการรับจำนำ มาเก็บรักษาไว้ที่โกดังแห่งนี้และเมื่อเฝ้าสังเกตการณ์พบว่ามีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ขับเข้าออกบริเวณโกดังฯ แทบทุกวัน ลักษณะมีพิรุธ ต้องสงสัยจึงได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาล จากนั้นนำหมายคันศาลจังหวัดพิษณุโลกที่ 201/2564 ลง 13 ก.ย.2564 มาตรวจค้นโกดังไม่มีเลขที่ดังกล่าว ในวันที่ 14 ก.ย.2564 ผลการตรวจค้น พบรถยนต์ 84 คัน รถจักรยานยนต์ 79 คัน รวม 163 คัน จอดซุกช่อนอยู่ภายในโกดังดังกล่าว โดยมีนายแชมป์ อายุ 30 ปี, นายเขตฯ อายุ 38 ปี และนายเวฟ อายุ 20 ปี (ขอสงวนชื่อสกุล) แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองโกดัง
จากการสืบสวนสอบสวน นายเขต และนายเวฟ ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นลูกจ้างของนายแชมป์ มีหน้าที่รับรถจากลูกค้ามาเก็บรักษาไว้ภายในโกดัง เมื่อลูกค้าจะไถ่รถคืนก็จะนำรถไปส่งมอบตามจุดที่นัดหมาย ได้ค่าตอบแทนเป็นรายเดือน เดือนละ 15,000 บาท
ด้านนายแชมป์ และนายหยิม รับสารภาพว่า ตนร่วมกันปล่อยดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกค้าทั่วไปผ่านเพจเฟสบุ๊กดังกล่าวจริง คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน คิดค่าจอดรถจักรยานยนต์ 300-500 บาท รถยนต์ 2000 บาท ต่อครั้ง โดยหักดอกเบี้ยและค่าจอดจากการกู้เงินครั้งแรกกับลูกค้าทันที โดยนายหยิม ทำหน้าที่เป็นนายทุน ส่วนนายแชมป์ เป็นผู้จัดการเรื่องการติดต่อ โอนเงินและทวงเงินกับลูกค้า โดยนายแชมป์ จะได้ส่วนแบ่งจากนายหยิม คิดเป็นร้อยละ 3 ของกำไรที่ได้รับ ส่วนโกดังนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่น ซื่งพวกตนได้เช่ามาเก็บรักษารถจำนำจริง โดยเจ้าของคิดค่าเช่าเดือนละ 33,000 บาท
ส่วนของผู้ที่นำรถมาจำนำส่วนใหญ่ให้การว่า ได้ติดต่อเพจดังกล่าว เพื่อกู้เงินโดยมีเงื่อนไขว่าต้องส่งมอบรถเพื่อค้ำประกันเงินกู้ โดยผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ย ร้อยละ 10 ต่อเดือน และจะมีการนัดหมายส่งมอบรถกัน โดยมีนายเวฟเป็นผู้มารับรถ ส่วนการโอนเงินต้นและชำระดอกเบี้ยนั้นจะทำธุรกรรมผ่านบัญชีธนาคารที่กลุ่มผู้ต้องหาให้ไว้
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าบัญชีธนาคารที่กลุ่มนายทุนใช้ในการกระทำความผิดตั้งแต่ 1 ม.ค.2563 ถึงปัจจุบันนั้นมียอดเงินหมุนเวียนรวม 49,416,460 บาทตามนโยบายของรัฐบาลเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเปิดให้มีการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ที่เหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายคือผู้นำรถมาจำนำ (ลูกหนี้) และกลุ่มผู้ที่รับจำนำรถ (เจ้าหนี้) แม้การรับจำนำรถเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจะเป็นความผิดก็ตาม
แต่มูลหนี้ที่เกิดขึ้นลูกหนี้ยังมีภาระที่ต้องชำระคืนจึงเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้และลูกหนี้มีการเจรจาประนอมหนี้และคืนรถให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ได้รับมอบอำนาจและสามารถคืนรถให้แก่ประชาชนได้จำนวน 46 คัน (ทำสัญญาประนอมหนี้หรือสัญญาเงินกู้ฉบับใหม่) อยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยของบริษัทไฟแนนซ์, เจ้าหนี้และลูกหนี้จำนวน 104 คัน อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของตัวรถจากศูนย์พิสูจน์หลักฐานและกรมการขนส่งทางบก จำนวน 13 คัน
ส่วนทางคดีอาญานั้นได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ให้นายหยิมฯ, นายแชมป์, นายเขต และนายเวฟ “ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้” ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปสำนวนการสอบสวนเสนอพนักงานอัยการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลางของฝากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบว่าปัจจุบันมีมิจฉาชีพที่อาศัยช่วงที่ประชาชนมองหาแหล่งเงินกู้แอบอ้างเป็นผู้ให้บริการเงินกู้โดยใช้ข้อความชวนเชื่อ กู้ง่าย ได้เงินเร็ว ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ตำรวจสอบสวนกลางขอแนะนำให้ประชาชน ตรวจสอบแหล่งเงินกู้ซื่งเป็นผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจสิ้นเชื่อจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ www.bot.or.th ให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการเหล่านั้นได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง ก่อนตัดสินใจกู้เงิน
โดยเช้าวันนี้มีผู้ที่นำรถมาจำนำนำเอกสาร มาขอคืน เป็นรถยนต์ 15 คันรถจักรยานยนต์ 8 คันรวมทั้งสิ้น 23 คันโดยผู้เสียหายส่วนใหญ่วางไปนานแล้วรับสารภาพว่าต้องการเงินด่วน บางคนก็มาจำนำถึง 3 รอบ เพื่อนำเงินไปลงทุนทำนา
ด้านผู้เสียหายชาว จ.พิจิตร รายหนึ่งกล่าวว่า ตนเป็นชาวจังหวัดพิจิตร ได้ทราบเรื่องจากเงินกู้จากเพจ จึงได้เปิดเข้ามาดูและโทรสอบถาม เห็นกระบวนการในการให้เงินกู้ค่อนข้างง่าย แต่เป็นการจำนำโดยนำรถมาจอด จึงได้นำรถมาไว้ เนื่องจากมีความจำเป็นเพราะช่วง covid เจอปัญหาทางด้านการเงิน หมุนเงินไม่ทัน เพจปล่อยเงินกู้จึงเป็นทางเลือกในการนำรถมาจำนำไว้ สำหรับตัวเองมียอด การขอเงินกู้จำนวน 2 แสนบาท ซึ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 20,000 บาททุกเดือนยอมรับว่าดอกเบี้ยค่อนข้างโหดแต่ก็มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ทำให้ต้องมากู้เงินดังกล่าว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี