ตำรวจกองบังคับการปฎิบัติการพิเศษร่วมกับตำรวจภูธรอำเภอเขมราฐ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนอาก้ายิงต่อสู้ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 เสียชีวิตคาที่ 2 นาย บาดเจ็บอีกหลายนายขณะเข้าตรวจยึดยาบ้าในพื้นที่เขมราฐ เมื่อปี 2546 และหลบหนีไป 18 ปี ผู้ต้องหาปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานเอาผิดมือปืนรายนี้ได้แน่นอน

วันที่ 30 ต.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปฎิบัติการพิเศษร่วมกับตำรวจภูธรอำเภอเขมราฐ ได้เข้าจับกุมตัวนายอ้วน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ชาวอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 563/2546 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2546 โดยกล่าวหาว่าร่วมกันจำหน่ายและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ฆ่าผู้อื่นและฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฎิบัติหน้าที่โดยเจตนา ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฎิบัติการตามหน้าที่และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต โดยจับกุมตัวได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองกบ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ขณะเข้าไปตรวจสุขภาพและรับยารักษาโรค

ก่อนจับกุมตัว ผู้ต้องกับพวกอีกหลายคนได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนอาก้า ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 เสียชีวิตคาที่ 2 นาย (ยศสิบตำรวจโทกับร้อยตำรวจเอก) บาดเจ็บอีกหลายนาย 1 ในจำนวนผู้บาดเจ็บ คือ พ.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น สารวัตรสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ปัจจุบันเลื่อนยศเป็น พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ขณะเข้าตรวจยึดยาบ้าจำนวน 30,000 เม็ด ในพื้นที่อำเภอเขมราฐ เมื่อปี 2546 สมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร และหลบหนีไป 18 ปี เหลืออีก 2  ปีก็จะหมดอายุความ แม้นายอ้วน จะไปศัลยกรรมใบหน้า แต่ก็ไปไม่รอดมาถูกจับกุมตัวจนได้

พ.ต.อ.ชัยกฤต โชติวรรณ ผกก.สภ.เขมราฐ เปิดเผยว่า แม้ผู้ต้องหาจะปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานว่าจะสามารถเอาผิดมือปืนรายนี้ได้แน่นอน