หน.สำนักปลัด และเพื่อนร่วมงานข้าราชการสาว อบต.แห่งหนึ่งที่บุรีรัมย์ช็อกหลังทราบข่าวข้าราชการสาวภรรยาอดีตรองนายก อบต.ถูกแจ้งจับฐานหลอกยืมเงินชาวบ้าน ผู้สูงอายุ แถมนำโฉนดและคู่มือรถปลอมวางค้ำประกันรวมเกือบ 30 ล้านบาท ชี้เป็นคนนิสัยเรียบร้อย พูดจาเพราะและทำงานดีไม่เคยมีปัญหา ไม่คาดคิดจะเกิดเรื่องแบบนี้ ขณะตำรวจจ่อออกหมายเรียก
ความคืบหน้ากรณีที่ชาวบ้านหลายหมู่บ้านใน ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เกือบ 20 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ได้ทยอยนำเอกสารหลักฐานการกู้ยืมเงิน โฉนดที่ดินปลอม และคู่มือรถยนต์ที่ถูกปลอมแปลงขึ้นเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีกับนางอี๋ (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ข้าราชการสาวระดับปฏิบัติการประจำ อบต.แห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งได้ชิงลาออกจากราชการไปแล้วเมื่อกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งยังเป็นภรรยาของอดีตรองนายก อบต.ดังกล่าวด้วย
โดยชาวบ้านที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ได้กล่าวหาว่า นางอี๋ ได้มาหลอกล่อขอยืมเงินกับชาวบ้าน ญาติพี่น้อง ผู้สูงอายุ รวมถึงเพื่อนร่วมงานที่ อบต.โดยอ้างว่าตัวเองเดือดร้อนจำเป็นต้องใช้เงินมาอ้อนวอนขอยืมเงิน โดยใช้โฉนดที่ดินและคู่มือรถที่ปลอมแปลงขึ้นมาหลอกวางค้ำประกันเพื่อให้ชาวบ้านตายใจว่าจะไม่ ซึ่งคาดว่ามีชาวบ้าน ผู้สูงอายุ และเพื่อนร่วมงาน ถูกหลอกยืมเงินรายละตั้งแต่หลักแสน ถึงหลักล้านบาทยอดรวมเกือบ 30 ล้านบาท
ล่าสุดวันที่ 3 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง อบต.ที่ข้าราชการสาวคนดังกล่าวเคยทำงานเพื่อสอบถามเพื่อนร่วมงานซึ่งก็บอกตรงกันว่า นางอี๋ เป็นคนนิสัยดีเรียบร้อย พูดจาเพราะและทำงานดีไม่เคยมีปัญหาเรื่องงาน แต่เรื่องส่วนตัวหรือปัญหาทางการเงินไม่มีใครทราบมาก่อน เพิ่งมาทราบข่าวตอนที่มีชาวบ้านไปแจ้งความต่างก็ตกใจเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะตอนที่นางอี๋ มายื่นใบลาออกก็ระบุเหตุว่าจะไปประกอบธุรกิจส่วนตัวไม่มีใครระแคะระคายว่าจะเกิดปัญหาเรื่องเงิน
นายไวพจน์ พุ่มพฤก หัวหน้าสำนักงานปลัด บอกว่า นางอี๋ทำงานที่ อบต.แห่งนี้มากว่า 10 ปีแล้ว จากที่ได้ร่วมงานก็เป็นคนนิสัยดี เรียบร้อย พูดจาไพเราะ มีสัมมาคาราวะ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องงาน แต่เรื่องส่วนตัวหรือปัญหาทางการเงินนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะตอนที่มายื่นใบลาออกก็ระบุเหตุผลแค่ว่าจะไปประกอบธุรกิจส่วนตัวเท่านั้นก็เพิ่งจะมาทราบก็ตอนที่มีชาวบ้านไปแจ้งความและเป็นข่าวก็ยังช็อกเพราะไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เนื่องจากขัดกับนิสัยใจคอที่เห็น
แต่เรื่องที่กู้ยืมเงินคนใน อบต.นั้นก็พอทราบเพราะเจ้าหน้าที่ก็มีการกู้ยืมเงินสหกรณ์ ซึ่งก็ต้องผลัดกันค้ำก็ถือเป็นเรื่องธรรม แต่ที่ไปกู้ยืมเงินบุคคลภายนอกจนเป็นหนี้หลายล้านบาทนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงตามที่ถูกกล่าวหาก็อยากให้นางอี๋ กลับมาเคลียร์ให้จบก็เสียหายอนาคตการงาน
ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ อยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหายเนื่องจากมีผู้เสียหายหลายคน จากนั้นจะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ หากไม่มาตามหมายเรียกก็จะออกหมายจับตามขั้นตอน ทั้งนี้จะรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องประกอบสำนวนคดี ส่วนที่ชาวบ้านระบุว่าผู้ถูกกล่าวหานำโฉนดปลอมมาวางค้ำประกันเงินที่กู้ยืมนั้นก็อยู่ระหว่างส่งไปตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครราชสีมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี