ศธ.กาง 4 มาตรการ‘แก้หนี้ครู’ ลุยลดดอกเบี้ย ใช้บำเหน็จตกทอด ตั้งบอร์ดคุมปล่อยกู้
8 พฤศจิกายน 2564 นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ ที่มี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธาน และมีผู้แทนธนาคารออมสิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนจากกระทรวงการคลัง เข้าร่วมประชุม ว่า ที่ประชุม ได้หารือถึงมาตรการในการแก้ปัญหาหนี้สินครู เรื่องที่คิดว่าสามารถดำเนินการได้ทันทีมี 4 เรื่อง ดังนี้
1.การลดดอกเบี้ย ซึ่งสถาบันการเงินยินดีให้ความร่วมมือ
2.การหาแนวทางช่วยเหลือ ผู้ที่มียอดหนี้จำนวนสูง โดยจะไปดูแนวทางว่าหุ้นต่างๆ หรือเงิน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่สมาชิกมีอยู่จะสามารถนำมาลดยอดหนี้ได้หรือไม่ ดีกว่าให้เงินแช่อยู่ รวมถึงอาจจะไปหารือกับ กบข.เพื่อผลักดันโครงการปล่อยกู้เงิน กบข. นำวงเงินที่มีอยู่เป็นประกัน รวมถึงดูว่าเงินจาก โครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาในกรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) ซึ่งอยู่ที่สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่ต้องไปดูว่าจะทำอย่างไร ที่จะยกมาช่วยลดยอดหนี้ให้เหลือน้อยลงได้ ดังนั้นในเร็ว ๆนี้จะเชิญ สกสค.มาหารือ เพื่อหาแนวทางที่จะนำเงินส่วนนี้มาใช้เป็นหลักประกันได้อย่างไร
3. ค่าธรรมเนียมที่ผู้กู้ไม่จำเป็นต้องจ่าย โดยเฉพาะเงินประกันเงินกู้ที่แต่ละปีผู้กู้ต้องจ่ายจำนวนมาก ซึ่งอาจไม่จำเป็น เพราะหากผู้กู้มีหุ้นหรือมีเงิน ช.พ.ค. - ช.พ.ส. และเงินกบข.ก็สามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ โดยไม่ต้องทำประกันยอดหนี้อีก
4. ปัจจุบันครูเป็นหนี้ค่อนข้างมาก การควบคุมการกู้เงินยังไม่มีระบบที่ชัดเจน ที่ผ่านมาจะมีเพียงใบรับรองเงินเดือน ซึ่งบางรายใช้วงเงินดังกล่าวในการกู้หลายที่ ดังนั้นต่อไปการปล่อยกู้จะต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเครดิตบูโร ที่จะต้องรวบรวมข้อมูลทางการเงิน ว่า ครูแต่ละไปกู้เงินไว้ที่สถาบันการเงินใดบ้าง และมีเงินเหลือติดบัญชีเงินเดือนจำนวนเท่าไร และสามารถกู้ได้อีกเท่าไร เพื่อให้ครูมีเงินเดือนเหลือพอใช้ในแต่ละเดือน
นายสุทธิชัย ระบุว่า การดำเนินการตรงนี้จะมีโปรแกรมเฉพาะ เพื่อคำนวณให้ผู้กู้มีเงินเหลือไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ต่อเดือน เพื่อการดำรงชีวิต ตามที่กฎหมายกำหนด ตรงนี้เป็นการควบคุมการกู้เงิน ขณะเดียวกันจะมีการหักเงินเดือน ณ ที่จ่าย โดยจะมีระเบียบว่าการจะหักได้ก่อนต้องเป็นเงินชำระหนี้เงินกู้เป็นลำดับแรก และหลังจากกู้ไปแล้วผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหา โดยคณะกรรมการชุดนี้ ประกอบด้วย ตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตัวแทนสหกรณ์ออมทรัพย์ ตัวแทนจากสถาบันการเงิน มาร่วมเป็นกรรมการฯเพื่อช่วยหาแนวทางแก้ไขปัญหาในการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งตรงนี้สามารถดำเนินการได้ทันที ขณะนี้กำลังพิจารณารายชื่อคณะกรรมการ เพื่อดำเนินการต่อไป
“4 ข้อนี้เราก็ขับเคลื่อนไปตามมาตรการได้มากแล้ว ดังนั้นอีก 1 สัปดาห์จะมาอัพเดทการบ้านที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งในวันนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้ย้ำให้เร่งดำเนินการ โดยเรื่องใดที่ทำได้ก่อนก็ให้เร่งทำให้เร็วที่สุด อาทิ กรณีการลดดอกเบี้ย หากทำแล้วเห็นผล ก็ให้ทำได้ทันทีเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับครู ซึ่งแต่ละเรื่องไม่เหมือนกันหากเรื่องใดที่ต้องปรับแก้ระเบียบ ก็อาจต้องใช้เวลา” นายสุทธิชัย กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี