ศาลฏีกาฯวินิจฉัย'ปารีณา'เป็นกมธ.ในสภาฯไม่ได้ หลังถูกสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ทนายชี้จับตากระทบงบฯปี 65 หรือไม่ อาจจะส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ
9 พ.ย.64 จากกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.ราชดำเนินใน สนามหลวง ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรก คดีหมายเลขดำ คมจ. 1/2564/ เพื่อสอบคำให้การคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้วินิจฉัยกรณีกล่าวหา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีถูกดำเนินคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนเพื่อใช้ประกอบกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่ และทำเกษตรกร ในจ.ราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม ( อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'ปารีณา'มาศาลนัดแรก! ยันบริสุทธิ์ไม่ได้รุกป่าราชบุรี ย้ำซื้อที่ดินต่อจากเกษตรกร)
ภายหลังนายทิวา การกระสัง ทนายความประจำตัว กล่าวว่า วันนี้ศาลนัดฟ้องคดีที่1/2564 ซึ่งถือเป็นคดีแรกเกี่ยวกับเรื่องความผิดจริยธรรมนักการเมือง โดยศาลได้นัดพิจารณาคำร้อง 2 คำร้อง คือ คำร้องที่ 1 คำร้องที่ป.ป.ช.ยื่นว่าน.ส.ปารีณา ไม่สามารถทำหน้าที่กรรมาธิการวิสามัญงบประมาณ 2564-65 ได้ เนื่องจากถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนคำร้องที่ 2 เป็นคำร้องที่น.ส.ปารีณา ผู้คัดค้าน ยื่นคำร้องต่อศาลว่าที่ป.ป.ช.ไต่สวนจริยธรรม โดยไม่ผ่านกรรมาธิการว่าด้วยจริยธรรม หรือคณะกรรมาธิการจริยธรรมของรัฐสภา เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
โดยศาลวินิจฉัย คำร้องแรก ผู้คัดค้านซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่สามารถทำหน้าที่กรรมาธิการวิสามัญได้ ประเด็นนี้มีข้อโต้แย้งว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 139 บัญญัติว่า คณะกรรมการวิสามัญนั้น สภาฯสามารถตั้งส.ส.หรือบุคคลภายนอกก็ได้ แต่กรรมาธิการสามัญนั้น จะตั้งส.ส.เป็นกรรมาธิการสามัญไม่ได้ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรตีความว่ากรรมธิการสามัญสามารถตั้งบุคคลภายนอกได้ และตั้งส.ส.ที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ เช่นกรณีของคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นคนแรกที่ปฏิบัติหน้าที่กรรมาธิการงบประมาณ เมื่อปี 2562-63 ได้ ซึ่งกรณีของน.ส.ปารีณาสามารถเทียบเคียงกับกรณีนี้ได้เช่นเดียวกัน และที่ผ่านมาไม่เคยมีศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลฎีกาวินิจฉัยในประเด็นนี้ ดังนั้นการปฏิบัติหน้าของน.ส.ปารีณา ในการปฏิบัติหน้าที่กรรมาธิการงบประมาณ ถือว่ามีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย ดังนั้นจึงเป็นบรรทัดฐานว่า ต่อไปนี้ผู้ที่เป็น ส.ส.ซึ่งถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จะไม่สามารถทำหน้าที่กรรมาธิการทั้งสามัญและวิสามัญ
ส่วนประเด็นที่ 2 ศาลวินิจฉัยว่า รัฐธรรมนูญไม่ตัดอำนาจของ ป.ป.ช.ที่จะไต่สวนคดีจริยธรรมโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของสภาก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ศาลกำหนดให้สืบพยานในช่วง เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2565 โดยสืบพยานผู้ร้องและผู้คัดค้านฝ่ายละละ 10 ปาก ขั้นตอนจะเป็นการตรวจพยานเอกสาร พยานบุคคลและทำบันทึกข้อเท็จจริงว่าพยานแต่ละปากเกี่ยวข้องกับประเด็นที่จะสืบพยานอย่างไร มีประเด็นข้อต่อสู้คดีอย่างไร ยื่นต่อศาลก่อนวันนัดสืบพยานไม่น้อยกว่า 14 วัน
เมื่อถามว่า ถ้าอยากทราบประเด็นการปฎิบัติหน้าที่กรรมาธิการงบประมาณปี 2564-2565 มีผลสมบูรณ์หรือไม่จะต้องทำอย่างไร นายทิวา ทนายความ กล่าวว่า ต้องไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยน่าจะเป็นองค์กรผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาสามารถดำเนินการยื่นได้ เพื่อวินิจฉัยว่า การที่สภาผู้แทนราษฎรยกมืออนุญาตให้น.ส.ปารีณา เป็นกรรมาธิการวิสามัญ ทำให้การทำหน้าที่ดังกล่าวมีผลไม่สมบูรณ์ หรืองบประมาณปี 2564-2565 เป็นโมฆะบังคับไม่ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ เมื่อยังไม่มีการตีความก็ยังถือว่างบประมาณปี 2564-2565 มีความสมบูรณ์
ด้าน น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ตนน้อมรับคำวินิจฉัยของศาล และจะเป็นบรรทัดฐานของรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2560 ตลอดไป ว่า ส.ส.ที่ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว จะไม่สามารถเป็นกรรมาธิการสามัญและวิสามัญได้ ซึ่งในอดีตคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และปํจจุบันก็คือตนเอง ซึ่งคำวินิจฉัยก็จะผูกพันทุกองค์กร เป็นบรรทัดฐานใหม่ ที่เราจะต้องปฏิบัติตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่ถึงแม้จะถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ยังคงเป็นส.ส.และปกติที่ผ่านมาก็ได้ลงพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี