‘ดีเอสไอ-ก.ล.ต.’ผนึกกำลังเสริมเขี้ยวเล็บ ด้านอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
10 พฤศจิกายน 2564 ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พร้อมด้วย นายศักรินทร์ ร่วมรังษี รองเลขาธิการฯ , นายเอนก อยู่ยืน ผู้ช่วยเลขาธิการฯ , นางวิไลลักษณ์ เจนอนันต์พร ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบตลาดทุน 2 , นางพัฒนพร ไตรพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบตลาดทุน 1 และนายสุเมธ วิเชียรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายคดี เข้าพบนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสได้รับตำแหน่ง และร่วมประชุมหารือถึงแนวทางทำงานร่วมกัน
ทั้งนี้ มีพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ , นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน , ร้อยตำรวจเอก ปิยะ รักสกุล ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ , ร้อยตำรวจเอก สุขวัฒน์ เทพแปง รองผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน , นายธีรศักดิ์ มาตาเดิม ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวน ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินและการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และนายพัลลภ เกิดเทพ ผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศ ร่วมประชุมหารือถึงการบูรณาการการทำงานเชิงรุกในการป้องกันปราบปรามการแลกเปลี่ยนข้อมูล และองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวโน้มการกระทำความผิดเกี่ยวกับตลาดทุนในปัจจุบัน
สืบเนื่องจาก ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 โดยได้ปฏิบัติงานร่วมกันในเรื่องหลักทรัพย์ ตลาดหลัก ทรัพย์ สัญญาซื้อขาย การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ฯลฯ ที่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ตลอดจนการฉ้อโกงประชาชน อาชญากรรมข้ามขาติมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการพัฒนาการทำงานตาม MOU ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงได้ประชุม โดยมีข้อหารือดังนี้
1) แนวทางการบูรณาการการทำงานร่วมกันภายใต้บันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เกี่ยวกับการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปราม บังคับใช้กฎหมายในคดีการกระทำความผิดในตลาดทุนที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อสังคมและประชาชนจำนวนมาก
2) พิจารณาเพิ่มพระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 และพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ในบัญชีท้ายประกาศ กคพ. ออกตามความในมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
3) ร่วมมือกันในการพัฒนาความรู้ความเชี่ยวชาญของบุคลากรทั้งสองหน่วยงาน ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะให้สถาบันการสอบสวนคดีพิเศษเป็นหน่วยงานสนับสนุนการจัดหลักสูตร จัดหาวิทยากร และใช้สถานที่ในการดำเนินการ
4) เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเชิงรุกเพื่อเป็นการป้องกันและเฝ้าระวัง โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษขอบูรณาการแลกเปลี่ยนข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ กับสำนักงาน ก.ล.ต. ในเรื่อง AI-Enforcement, Corporate Surveillance และ E-Link ซึ่งจะได้หารือวิธีการเชื่อมโยงข้อมูลต่อไป
5) สำนักงาน ก.ล.ต. มีนโยบายในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการเฝ้าระวังป้องกันการกระทำความผิดเกี่ยวกับตลาดทุน และอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางในการตั้งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เพื่อบูรณาการการทำงานเชิงรุกและป้องกันการกระทำความผิดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี