“แรงงานต่างด้าว” หรือ “แรงงานข้ามชาติ” เป็นอีกกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งก็ไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ที่เมื่อมีการพัฒนาก้าวหน้าไปในระดับหนึ่ง งานหลายอย่างคนท้องถิ่นไม่ทำ จึงจำเป็นต้องมีแรงงานเหล่านี้เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาด แต่ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 การปกป้องสุขภาพของคนในประเทศก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้อธิบายเกี่ยวกับการนำเข้าแรงงานต่างด้าวแบบ “วิถีใหม่ (New Normal)” เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เตรียมตัว
- บันทึกความตกลงร่วม (MOU) ว่าด้วยกระบวนการนำเข้าแรงงานต่างด้าวแบบวิถีใหม่ ที่จะเริ่มต้นในวันที่ 1 ธ.ค. 2564 เป็นต้นไป มีที่มาที่ไปอย่างไร? : จริงๆ แนวคิดการทำ MOU เราคิดมาตลอดตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 ที่โควิดเริ่มระบาด ท่านนายกฯพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความห่วงใยประชาชนเพราะวัคซีนมันยังไม่มีในโลกนี้ เราเลยต้องปิดด่านทั้งประเทศ MOU ก็ต้องยกเลิกทั้งหมด สถานการณ์วันนั้นแรงงานที่มีอยู่ในประเทศไทย ที่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งภาคเกษตร ทั้งภาคในมาตรา 33 (สถานประกอบการในระบบประกันสังคม) มีอยู่ 2.5 ล้านคน
ช่วงที่ล็อกดาวน์ 3 เดือน สถานการณ์มันทำให้กิจการปิด ระหว่างนั้นโกลาหล มีการปิดด่าน คนงานก็กลับกัน ธุรกิจต่างๆ ก็ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล โดยเฉพาะประกันสังคมก็เยียวยา 62% แต่หลังจากเราแก้ปัญหาโควิดได้เป็นศูนย์ มันทำให้เราต้องเปิดกิจการใหม่ แต่พอเราจะเปิด ปีใหม่เกิดคลัสเตอร์ 2 ที่สมุทรสาคร ก็เลยทำให้เราต้องแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายในไทย มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 29 ธ.ค. 2563 เราเปิดให้ถึงเดือน เม.ย. 2564 ประมาณ 5 แสนคน ที่ขึ้นทะเบียนใต้ดินขึ้นบนดิน
ที่เราเปิดเพราะเราไม่จับ จับเมื่อไรผึ้งแตกรัง นโยบายท่านนายกฯ เลยให้เปิดที่ผิดขึ้นมาให้ถูกต้อง แล้วเข้าสู่ระบบประกันสังคม เพื่อที่เวลาเจ็บป่วยจะได้ไม่ต้องใช้เงินภาษีประชาชน ใช้เงินประกันสังคมเงินประกันต่างๆ อันนี้จบไป เราก็คิดว่า 5 แสนคนเพียงพอในวันนั้น แต่พอสถานการณ์เดือนเม.ย.พ.ค. มิ.ย. (2564) มันหนัก เราก็คิดเรื่อง MOU แล้วแต่ไม่สามารถเปิดออกมาได้ เพราะวันนั้นใครพูดเรื่อง MOU นำเข้าต่างด้าว ทุกคนจะต้องพูดว่าในประเทศยังติดกัน 1-2 หมื่นคน จะเปิดได้อย่างไรแต่ท่านนายกฯ ประกาศเปิดประเทศใน 120 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564
ท่านนายกฯ ได้สั่งการผมมาแล้ว ให้คิดเรื่องแรงงานที่จะต้องขาดแคลน ผมก็ตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาอีกอนุฯ หนึ่ง ถอยหลังไปจากช่วงนี้ประมาณ 3 เดือน ก็เป็นการพิจารณาเรื่องของการนำเข้า MOU มีสภาหอการค้า มีสภาอุตสาหกรรม มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่กฎหมาย ตม. (ตรวจคนเข้าเมือง) อะไรต่างๆ รวมกันหมด พิจารณากันว่าถ้าเข้า MOU หลักการขนาดไหน ศบค. ถึงอนุญาต
- อะไรคือสาระสำคัญของ MOU นี้? : มีการถกเถียงกันว่าถ้าได้วัคซีนแล้ว 2 เข็มต้องกักตัวหรือไม่กัก? ข้อสรุปในที่ประชุมคือให้กัก 7 วัน SWAB ทั้งเข้าและออกโดยวิธี PCR ค่าใช้จ่ายเป็นของใคร? ต้องตกผลึกในรายละเอียดให้ได้ก่อน เราก็สรุปว่าถ้าไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดเข็มเดียวกักตัว 14 วัน ค่าใช้จ่ายกักตัวเป็นของนายจ้าง เราถัวเฉลี่ย สถานที่กักตัวเราไม่สามารถไปกำหนดได้ ต้องให้เอกชน แต่เราเป็นศูนย์กลาง คุยกับผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดให้ เพื่อพิจารณาว่าจะเอาสถานที่นี้กักตัว
ได้ไหม ตามแนวชายแดน
ผู้ประกอบการเสนอว่าเอาไปกักตัวที่โรงงานได้ไหม? มีการทำ Bubble & Seal ผมไม่ให้! เพราะไม่สามารถควบคุมได้ว่าข้างทางจะหลุด-ไม่หลุด ถ้าหลุดมาก็เป็นคลัสเตอร์ ก็มีการถกเถียงกัน 2 เดือนกว่า ก็ได้ข้อสรุปว่ากักตัวชายแดน ค่ากักตัว 500-1,000 บาท แต่กักตัว 1 คนต่อห้อง ค่าใช้จ่ายมันเยอะไป 2 คนได้ไหม? ก็ไปหารกัน สรุป MOU ก็ตกผลึกแล้วแต่ยังประกาศไม่ได้ เพราะเรารอเปิดประเทศ 1 พ.ย. 2564 แล้วจะดูสถานการณ์ว่าพอเปิดประเทศ ตามชายแดนคนต่างด้าวอยากเข้ามาทำงาน
พอเราดูสถานการณ์ 7 วันแรก เรารู้แล้วว่าเดี๋ยวมันจะทะลัก เราก็เชิญ NGO (องค์กรพัฒนาเอกชน) ของภาคแรงงานข้ามชาติมาคุย ให้ประกาศกลับไปที่ชายแดนให้หมดว่าเดี๋ยวรัฐบาลจะให้เข้า MOU แต่ต้องสิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย. 2564 ให้หมดมติ ครม. วันที่ 28 ก.ย. 2564 ถามว่าทำไมต้องมีมติ ครม. นี้? สมมุติคุณมีพนักงาน 1,000 คน มีคนต่างด้าวผิดกฎหมาย 10 คน มีคนต่างด้าวผิดนายจ้างอีก 10 คน แล้วผมให้คุณเอาเข้า MOU ผมก็ต้องจับคุณอยู่ดีเพราะคุณผิด ผมต้องให้คุณกวาดบ้านตัวเองให้สะอาดก่อน
คุณเอาขึ้นทะเบียน ผมให้ขึ้นทะเบียน คนผิดขึ้นให้ถูก ตอนนี้ลงทะเบียนประมาณ 1 แสนคน แต่จะหมดวันที่ 30 พ.ย. 2564 นะ หลังจบวันที่ 30 พ.ย. 2564 ก็เป็นการนำเข้า MOU แล้วคุณก็ดูว่าที่ขึ้นทะเบียนแล้วพอหรือไม่พอ ไม่พอเอาเข้าเท่าไร
มาแจ้งรายชื่อที่กรมการจัดหางาน แล้วก็จะมีอนุฯ ขึ้นมาพิจารณาว่าบริษัทคุณพอ-ไม่พอ ถ้าไม่พอเราให้เอาเข้า สมมุติต้องการ 100 คน บริษัทต้องการเมียนมาเราก็ส่งรายชื่อไปที่เมียนมาผ่านสถานทูตเขา
เขาจะมีเอเย่นต์ฝั่งโน้น หารายชื่อมาให้เรา 100 คน พอเขาส่งมาเราก็เชิญนายจ้างมาจ่ายค่าใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) 1,900 บาท 2 ปี พร้อมทั้งประกันโควิด เพราะถ้าเหยียบแผ่นดินเข้ามาแล้วตรวจเจอโควิด จะเอาเงินที่ไหนรักษา ก็ต้องเอาประกัน นี่คือสิ่งที่เราวางแผนไว้ทั้งหมด ไม่ให้เสียเงินภาษีพี่น้องประชาชนเลย MOU มันเลยเกิดขึ้นโดยการเสนอเข้า ศบค. เห็นด้วยในการให้เอาเข้า MOU
เพราะ 2 เดือนที่แล้วเราตั้งอนุฯ เราสำรวจแล้วมันขาดแคลนประมาณ 3 แสนคน มัน Make Sense (สมเหตุสมผล) กับปี 2562 ซึ่งคนออกจากระบบท่องเที่ยว-บริการ ประมาณ 2-3 แสนคน เราคิดว่าการเข้า MOU ครั้งนี้เป็นการจัดระบบแรงงานต่างด้าวให้อยู่ในระบบให้ถูกต้อง ที่ผ่านมาเราต้องยอมรับว่าเราแก้ปัญหามติ ครม. ต่างๆ เพื่อเราเปิด MOU ไม่ได้เราก็ต้องเอาคนที่มีอยู่ให้ขึ้นให้หมด เพราะฉะนั้นนายจ้างไปไม่รอด ไม่มีคนงาน แถมเจ็บป่วยก็ไม่รู้จะเอาสตางค์ที่ไหนรักษา รัฐบาลก็รักษาทุกคนอีก นี่คือการนำเข้า MOU
- นอกจากเมียนมาที่มีการประสานงานผ่านสถานทูตแล้ว ลาวกับกัมพูชา ซึ่งเป็นอีก 2 ประเทศที่มีผู้เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยจำนวนมาก ทางการของทั้ง 2 ประเทศมีการประสานกับฝ่ายไทยแบบเดียวกันหรือไม่? : เราประสานไปทางสถานทูตทั้งหมดแล้ว
- สถานที่กักตัวแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดน ตอนนี้มองไว้ที่ไหนบ้าง? : มี 5 จังหวัด คือ หนองคาย ตาก ระนอง สระแก้ว และมุกดาหาร
- คิดว่าอะไรจะเป็นอุปสรรคต่อแนวทางนี้ที่ต้องเร่งแก้ไข? : ทางโน้นเขาพร้อมเข้ามาทำงานอยู่แล้ว ถ้าเราจะช้าก็คือสถานที่กักตัว มันใช้เยอะ จะบอกว่าเป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานทั้งหมดก็ไม่ใช่ เพราะต้องร่วมกับคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด แล้วก็การหาที่กักตัวเราก็ไมได้เป็นคนอนุญาตว่าจะใช้ตรงนั้นตรงนี้ก็พูดไม่ได้ เราก็ต้องถามจังหวัดว่าเขาให้หรือไม่
บางครั้งเรายังคิดว่าถ้ามันไม่ไหวจริงๆ อาจจะต้องคุยกับทางจังหวัดว่าอาจจะต้องกันพื้นที่ Bubble Zone ชายแดน แล้วก็กักตัววิธีไหนที่รวมอยู่ได้หลายคน ภารกิจผมคนเดียวผมพร้อมอยู่แล้ว แต่นี่ต้องประสานกับคนอื่นด้วย ตำรวจเขาพร้อมอยู่แล้วแค่ตีวีซ่า ที่สำคัญคือกักตัว โรงพยาบาลตรวจ SWAB สาธารณสุขกำหนดอีก มันกลายเป็นว่าต้องบูรณาการร่วมกัน ผมก็เลยให้ปลัดกระทรวงตั้งผู้ตรวจราชการกระทรวง 5 คน ไปประจำ 5 จังหวัด ระดับซี 10 ด้วยกันไปคุยกับผู้ว่าฯ ถึงจะคุยกันให้จบ
- คิดว่ากฎหมายที่มีอยู่เกี่ยวกับการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองและลักลอบทำงานเป็นอย่างไร? : ตอนนี้ผมประสานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เข้ามูลฐานความผิดฟอกเงินไปเลย ยึดทรัพย์ไปเลยพวกที่นำพา แต่นายจ้างที่อยู่ในกิจการโทษมันแรงนะ ปรับ 1 หมื่น-1 แสนบาทต่อหัว มันแรงนะไม่ใช่ถูก แล้วผมบอกว่าหลังจากนี้ผมจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
- ดูจาก MOU แล้วถือเป็นแนวคิดที่ดี แต่จะเกิดปัญหาในการใช้จริงหรือไม่? เพราะค่าใช้จ่ายต่างๆ บริษัทหรือองค์กรขนาดใหญ่อาจจะรับได้ แต่ในความเป็นจริงยังมีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่ใช้แรงงานต่างด้าวเช่นกัน หรือกิจการที่เล็กมากๆ เช่น ร้านอาหารริมทาง รวมไปถึงลูกจ้างทำงานภายในบ้าน ก็พบการจ้างแรงงานต่างด้าวประมาณ 1-2 คน จะเป็นภาระค่าใช้จ่าย เกิดความเหลื่อมล้ำ เกิดผลกระทบอะไรหรือไม่? : ผมเรียนว่ามันเป็นเรื่องที่สถานการณ์ไม่ปกติ สถานการณ์วันนี้มันเป็นเรื่องของโรคระบาด
ถ้าเราไม่มีมาตรการกักตัว ไม่มีการตรวจ SWAB วัคซีนเราให้ฟรี รัฐบาลให้ฟรี โดยให้ผมเตรียมไว้ 4-5 แสนโดส วัคซีนเราจัดการให้ฟรีหมดเลย แต่เรื่องค่ากักตัวกับค่า SWAB มันต้องให้ฝ่ายนายจ้างช่วย สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม แถลงข่าวพร้อมผมบอกว่ายินยอม ให้เหตุผลว่า ไม่เช่นนั้นธุรกิจเขาก็เดินไม่ได้ แต่ถ้าเกิดในบ้านเราต้องการคนงานต่างด้าวทำงานบ้าน เราโอนเงินไปชายแดนวันนี้ให้เข้าหลบเข้ามาโดยผิดวิธี คุณก็ต้องเสียเงินเป็นหมื่นหรือเปล่า? แถมเข้ามาไม่รู้ว่าติด- ไม่ติดเชื้อ ไปติดลูกคุณอีก มันคุ้มหรือเปล่า? มันก็ไม่คุ้มใช่ไหม?
- แสดงว่าเอาเข้าจริงๆ แล้ว ต้นทุนการนำเข้าแรงงานระหว่างถูกกับผิดกฎหมายก็ไม่ต่างกันมาก? : นี่คือการคัดกรองอย่างดีที่สุด คุณยอม เสียเงินค่าคัดกรองเพิ่มไม่กี่พันบาท กับความปลอดภัยของครอบครัวคุณ ของลูกคุณ คุณว่าคุ้มไหม? การเข้ามาแบบผิดมันเหมือนเล่นการพนัน คุณวัดดวงคุณโดนจับคุณสูญ คุณอาจจะถูกกว่ากัน 3-4 พันบาทแต่ถ้าเกิดเข้ามาแล้วคุณก็ผิดกฎหมาย คุณโดนจับทีค่าปรับเท่าไรรู้ไหม? 1 หมื่น-1 แสนบาทต่อหัวโดนครั้งที่ 2 5 หมื่น-2 แสนบาท จำคุกอีกไม่เกิน1 ปี ห้ามจ้างลูกจ้างต่างด้าวอีก 3 ปี
- นอกจากเรื่องแรงงานต่างด้าว ทางกระทรวงแรงงานยังมีมาตรการช่วยเหลือ SME อันนี้เป็นอย่างไร? : การที่เราประชาสัมพันธ์ให้ SME ที่มีลูกจ้าง 200 คนลงมา เราดูกราฟการตกงานและจ้างงานช่วงโควิด ถ้าโควิดระบาดหนัก SME ร่วงเลย ออกจากงานเยอะ แต่พอรัฐบาลมใส่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ใส่คนละครึ่งเข้าไป SME กระโดดขึ้นมาอีก คืออ่อนไหวกับทั้งการกระตุ้นและการระบาด แรงงานในระบบประกันสังคมมาตรา 33 มี 11 ล้านคน เป็น SME 5.6 ล้านคน นายจ้าง
ในระบบประกันสังคมมี 4.9 แสนกว่าราย เป็น SME ประมาณ 3.94 แสนราย
แปลว่ารายใหญ่มีอยู่ประมาณแสนเดียว ที่เหลือ เป็น SME หมด ทำอย่างไรจะรักษาการจ้างงานไว้ได้ ต้องพยุงการจ้างงาน SME ผมคิดนโยบายไปเสนอท่านนายกฯ ท่านก็โอเค บริษัท A มีลูกน้อง 200 คน ให้หัวละ 3,000 บาทไปเลย ให้เจ้าของนะไม่ใช่ลูกจ้าง ให้ 6 แสนบาทต่อเดือน 3 เดือนก็คือ 1.8 ล้านบาท แต่ 3 เดือนนี้ คุณห้ามเอาคนออกเกิน 5% เช่น มี 100 คน ห้ามเอาออกเกิน 5 คน แต่ถ้ารับเข้าผมจ่ายเพิ่มให้ แต่ต้องเป็นคนไทย เพราะเป็นเงินกู้ของรัฐบาลไทย มันต้องเกี่ยวพันกับการช่วยเหลือการจ้างงานคนตกงานคนไทย เพราะหนี้สินเงินกู้มันก็ต้องชดใช้โดยคนไทย
ฉะนั้นบริษัท A จ้างพนักงาน 100 คน แต่ช่วงนี้มีการกระตุ้น SME จ้างเพิ่มอีก 10 คน ผมก็จ่ายให้อีก 3 พันบาท เพื่อกระตุ้นการจ้างงานด้วย มันทั้งกระตุ้นและรักษาการจ้างงานไปในตัว นโยบายนี้มันจะทำให้ภาค SME แข็งแรง แล้วค่าใช้จ่าย Fix Cost (ตายตัว) ก็จะได้รัฐบาลช่วยหัวละ 3,000 บาท บางท่านอาจจะมองว่าทำไมไม่ให้ลูกจ้าง? ผมบอกว่านโยบายรอบนี้พยุงการจ้างงาน ให้ลูกจ้างแต่นายจ้างไปไม่รอดคุณก็ตกงานใช่ไหม? แต่ผมให้นายจ้างมันก็โยงมาถึงการรักษาการจ้างงานลูกจ้าง นี่คือวิธีการทำงานที่ถูกต้อง!!!
สรุป 7 ขั้นตอน MOU นำเข้าแรงงานต่างต้าวตามมาตรการโควิด-19
สำหรับ MOU การนำเข้าแรงงานต่างด้าวในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 แบ่งเป็น 7 ขั้นตอนดังนี้ 1.นายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศยื่นแบบคำร้อง ณ กรมการจัดหางานหรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานโดยนายจ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการกักตัวคนต่างด้าว ได้แก่
ค่าสถานที่กักตัว ค่าตรวจโรคโควิด-19 ค่าบริการทางการแพทย์ ค่ารักษาพยาบาลกรณีติดเชื้อโควิด-19 หรือจัดให้มีกรมธรรม์ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ และรักษาพยาบาลซึ่งคุ้มครองการรักษาโรคโควิด-19 ค่าใช้จ่ายอื่นที่อาจเกิดขึ้นขณะกักตัวรวมถึงกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือโรคอื่นระหว่างกักตัว พร้อมแสดงหลักฐานการจอง การชำระค่าใช้จ่ายสถานที่กักตัวซึ่งทางราชการกำหนดหรือสถานที่กักตัวเอกชนที่ได้รับอนุญาตจากทางราชการในประเทศ และนายจ้างหรือผู้รับอนุญาต ต้องมียานพาหนะเพื่อรับคนต่างด้าวไปยังสถานที่กักตัวโดยไม่เดินทางร่วมกับบุคคลอื่นรวมถึงห้ามแวะพักสถานที่ใดๆ ก่อนถึงสถานที่กักตัว ฝ่ายเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารออกใบรับ และจัดทำหนังสือส่งคำร้องให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบของประเทศต้นทางของคนต่างด้าว 2.ฝั่งประเทศต้นทางรับสมัครคัดเลือก ทำสัญญา จัดทำบัญชีรายชื่อคนงานต่างด้าวส่งให้นายจ้างไทย
3.นายจ้างหรือผู้รับอนุญาต ได้รับบัญชีรายชื่อคนต่างด้าว (Name List) ที่ผ่านการรับรองจากประเทศต้นทางของคนต่างด้าวแล้ว ให้ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานที่ระบุในแบบคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว รวมถึงแสดงเอกสารหรือหลักฐานการได้รับวัคซีนของคนต่างด้าวครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนด
ซึ่งต้องเป็นวัคซีนที่รับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนเดินทาง (ถ้ามี)
ให้นายจ้างจัดซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลซึ่งคุ้มครองการรักษาโรคโควิด-19 และจัดให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานในกิจการที่ต้องเข้าประกันสังคมเข้าระบบประกันสังคม กรมการจัดหางานตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วนของเอกสารหลักฐานต่างๆ พร้อมทั้งจัดเก็บเงินค่ายื่นคำขอ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน (2 ปี) 1,900 บาท และค่าหลักประกัน (กรณีนายจ้างนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานเอง) 1,000 บาท ต่อคนต่างด้าว 1 คน และออกใบเสร็จรับเงินให้นายจ้าง
4. กรมการจัดหางานจัดทำหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ ประเทศต้นทาง กัมพูชา ลาว /สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย เพื่อพิจารณาตรวจลงตราวีซ่า (Non - Immigrant L-A) ซึ่งมีค่าธรรมเนียม 2,000 บาท แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่ออนุญาตให้คนต่างด้าวเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองตามที่นายจ้างได้แจ้งไว้ โดยนายจ้างผู้รับอนุญาตฯ รับหนังสือจากกรมการจัดหางานและจัดส่งให้คนต่างด้าว พร้อมแจ้งกำหนดวันเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามวันที่ได้รับคิวเข้ารับการกักกันตัว
5. เมื่อคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรต้องแสดงเอกสาร หลักฐานที่ได้รับจากนายจ้าง และแสดงใบรับรองแพทย์ที่แสดงว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 ตรวจโดยวิธีRT-PCR มีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางเข้ามา และใบรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19 ตามเกณฑ์ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจลงตราอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการทำงาน (Non-ImmigrantL-A) เป็นระยะเวลา 2 ปี
จากนั้นจึงเดินทางไปยังสถานที่กักตัว โดยยานพาหนะที่นายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานแจ้งไว้เท่านั้น โดยต้องเดินทางตามเส้นทางที่กำหนด ห้ามแวะสถานที่ใดๆ ก่อนถึงสถานที่กักตัวและยานพาหนะต้องสามารถบันทึกภาพได้ตลอดระยะเวลาเดินทาง6. คนต่างด้าวต้องเข้ารับการกักตัว และมีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR ดังนี้ 6.1 กรณีคนต่างด้าวฉีดวัคซีนมาจากประเทศต้นทางครบแล้ว กักตัวอย่างน้อย 7 วัน ตรวจโรคโควิด-19 จำนวน 2 ครั้ง
6.2 กรณีคนต่างด้าวที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือได้รับการฉีดวัคซีนแต่ยังไม่ครบตามเกณฑ์ กักตัวอย่างน้อย 14 วัน ตรวจโรคโควิด-19 จำนวน 2 ครั้ง โดยกระทรวงแรงงานสนับสนุนวัคซีนเพื่อดำเนินการฉีดให้แรงงานต่างด้าวในวันสุดท้ายของการกักตัว ทั้งนี้ กรณีตรวจพบเชื้อโควิด-19 ให้เข้ารับการรักษา โดยค่าใช้จ่ายในการรักษานายจ้างหรือกรมธรรม์ที่นายจ้างทำให้คนต่างด้าวเป็นผู้รับผิดชอบ
เมื่อคนต่างด้าวกักตัวครบตามกำหนดและตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 หรือได้รับการรักษาหายแล้ว ให้คนต่างด้าวดำเนินการตรวจโรค 6 โรค และนายจ้างผู้รับอนุญาต จึงรับคนต่างด้าวไปยังสถานประกอบการ และ 7. คนต่างด้าวรับการอบรมผ่านระบบ Video Conference ณ สถานประกอบการ เมื่อผ่านการอบรมแล้ว คนต่างด้าวรับใบอนุญาตทำงาน ณ สำนักงานจัดหางานที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ภายใน 15 วัน นับจากวันที่รับการอบรม โดยการอนุญาตให้ทำงานจะเริ่มจากวันที่คนต่างด้าวได้รับการตรวจลงตรา (วีซ่า) ให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี