ผบช.ภ.7 แถลงจับโจ๋กาญจน์ ปืนโหดซัก 9 มม.กระหน่ำยิงหนุ่มเพชรบูรณ์ดับ เจ้าตัวอ้างต้องการแค่ตามแม่คืน แต่กลับถูกเหยียดหยามด่าพ่อบังเกิดเกล้า จึงเกิดโมโหไล่ตามไปยิง
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ความคืบหน้ากรณีนายอำพล สงวนนามสกุล อายุ 27 ปี ชาวจ.เพชรบูรณ์ ถูกนายสิทธิชัย หรือ แม๊ก อายุ 29 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตามใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.กระหน่ำยิงเข้าตามร่างกาย รวม 10 นัด เป็นเหตุทำให้เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถ วังสารภี พลาซ่า หมู่ 9 ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุพล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้ลงพื้นที่สั่งการด้วยตนเอง จนในที่สุดเวลาประมาณ 16.00 น.ของวันเดียวกัน ญาติของผู้ต้องหาได้นำพาตัวนายสิทธิชัย มั่นคง หรือ แม๊ก เข้ามอบตัวต่อ โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 รอรับมอบตัวด้วยตนเอง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.ภ.7 ได้นำตัวนายแม๊ก ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางไปที่บ้านพัก ต.วังเย็น อ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อตรวจค้นหาหลักฐาน
โดยสามารถยึดของกลาง อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุได้ จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 2 นัด รถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กข 6873 กาญจนบุรี จำนวน 1 คัน รวมทั้งซองปืน และเสื้อผาที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ รวม 11 รายการ ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้ว
ล่าสุด พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วยพล.ต.ต.บุญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7พล.ต.ต ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี, พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวานิซกูล ผบก.สส.ภต, พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง บกภ.จว.กาญจนบุรี,พ.ต.อ ชิตภพ โตเหมือน รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.เมืองกาญจบุรี, พ.ต.อ.ภาคิน แสนพุฒิ ผกก.สส.ภ.จว. กาญจนบุรี, พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์ รัตนอุดมพล สส.ภ.7 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้
ก่อนแถลงพล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้ไปสอบปากคำนายสิทธิชัย หรือ แม๊ก ที่รออยู่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.)ภ.จว.กาญจนบุรี ที่อยู่ชั้น 2 โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ สำหรับการแถลงข่าวในครั้งนี้ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามาร่วมแถลงข่าวแต่อย่างใด และหลังจากแถลงข่าวแล้วเสร็จ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีทันทีโดยไม่มีการนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ เนื่องจากเป็นความประสงค์ของผู้ต้องหาที่ไม่ต้องการไปทำแผน
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 แถลงว่าจากกรณีที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวไปว่ามีคนร้ายใช้อาวุธปืนไล่ยิงกินเสียชีวิตบริเวณลาดจอดรถ การลงมือก่อเหตุนั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนยินผู้เสียชีวิตไปจำนวนหลายนัด ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำดังกล่าวเป็นทารุนและโหดร้ายและหวังผลต่อชีวิต
แต่อย่างไรก็ตามต้องเรียนสื่อมวลชนว่า ทางเจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งตนได้สั่งผู้การจังหวัดไปแล้วว่าต้องให้ความเป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้ก่อเหตุก็ดี รวมทั้งผู้เสียชีวิต และญาติของฝ่ายผู้เสียชีวิตที่อยู่จังหวัดเพชรบูรณ์ก็ดี
ซึ่งคดีนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายสืบสวน ได้สั่งการเร่งรัดให้ติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว สำหรับสำนวนกี่ยวกับคดี เบื้องต้นได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ให้ทำการสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งจากการซักถามผู้ต้องหาถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุเกิดจากขณะมาตามแม่กลับบ้านแล้วเกิดทะเลาะกันกับผู้เสียชีวิตจึงเกิดความโมโหและถูกเหยียดหยามเนื่องจากผู้เสียชีวิตด่าบิดาของตนเองซึ่งทั้งหมดเป็นคำให้การของผู้ต้องหา แต่อย่างไรก็ตามจะต้องดำเนินการสอบสวนให้ครอบคลุมในทุกประเด็น ว่ามีประเด็นอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร แต่จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
สำหรับลักษณะของการก่อเหตุนั้น จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า ในวันดังกล่าวผู้ต้องหาทราบว่าแม่ของตนเองจะเดินทางไปฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่สองที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เมื่อรู้เช่นนั้นลูกชายจึงไปตามแม่เพื่อให้กลับบ้าน แต่เมื่อแม่ไปถึงโรงพยาบาลได้พบลูกชายรออยู่จึงตัดสินใจขับรถยนต์กระบะหลบหนีไปกับผู้เสียชีวิต
เมื่อลูกชายเห็นจึงขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไป จนกระทั่งไปพบรถยนต์ของแม่ติดสัญญาณการจราจรอยู่ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงวังสารภี ต.ปากแพรก จึงใช้รถจักรยานยนต์ขวางด้านหน้าเอาไว้ จากนั้นเกิดการทะเลาะกันขึ้นอย่างรุนแรง จากนั้นนายอำพล ที่นั่งอยู่เบาะด้านซ้ายได้เปิดประตูแล้ววิ่งหลบหนีไป ผู้ต้องหาจึงขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไปแล้วลงมือก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายอำพล จนเสียชีวิตคาที่ตามที่สื่อมวลชนได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด
จากการซักถามผู้ต้องหาเมื่อสักครู่นี้ให้การว่าไม่ได้ติดตามเพื่อต้องการลงมือก่อเหตุ แต่เป็นเพราะเกิดความโมหาและถูกเหยียดหยามที่ผู้เสียชีวิตด่าพ่อของตนเอง แต่ทั้งนี้ตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบสวนในเชิงลึกอีกครั้งหนึ่งเพราะนี่เป็นเพียงแค่คำให้การของผู้ต้องหาเท่านั้น
โดยหลังจากผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุแล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่รู้ตัวคนร้ายตั้งแต่ต้นแล้ว จนกระทั่งสามารถรวบรวมพยานและหลักฐานต่างรายงานให้ศาลทราบและในที่สุกศาลก็อนุมัติหมายจับให้ ถามว่าทางญาติของผู้ต้องหาได้เตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัวหรือไม่นั้นเรื่องนี้เรากำลังพิจารณาเพื่อให้ความเป็นธรรมอยู่ ถามว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถส่งสำนวนฟ้องให้อัยการได้เมื่อไหร่ เรื่องนี้เจ้าหน้าที่จะต้องทำสำนวนให้ละเอียดและจะดำเนินการให้เร็วที่สุด
ถามว่าก่อนหน้านี้ผู้ก่อเหตุและเสียชีวิตเคยมีปัญหากันมาก่อนหรือไม่ จาการซักถามพบว่าทั้งสองไม่เคยมีเรื่องนี้กันมาก่อน แต่ในประเด็นนี้ตนได้มอบหมายให้ทางทีมสืบสวนและสอบสวนเร่งขยายผลต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : แม่ร่ำไห้ลำบากใจ โน่นก็ผัว นี่ก็ลูก! อ้าง'แม็ก วังเย็น'รัวยิง 11 นัดแฟนใหม่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี