ชุมพรท่วมรอบ4
ฝนตกหนักนาน3ชั่วโมง
อุตุฯ เตือนภาคใต้ฝนตกหนัก ด้าน จ.ชุมพร เกิดน้ำท่วมถนนหลายสาย ขณะที่ผู้ว่าฯ ตราด ประสานทัพเรือช่วยนักท่องเที่ยว 85 ชีวิตติดเกาะหมากปลอดภัย ที่นครนายก กิ่งไม้ใหญ่หักทับดับ 3 ศพ บาดเจ็บอีก 2 ราย
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ว่าหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมอ่าวไทยตอนล่างเคลื่อนเข้าสู่แนวร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2564
อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า กับมีลมแรง ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ขณะที่ กทม.และปริมณฑล อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32องศาเซลเซียส
ที่ จ.ชุมพร ตลาดอวยชัย3อ.หลังสวน นายสมพรปัจฉิมเพ็ชร รักษาราชการแทน ผวจ.ชุมพร สั่งการให้ว่าที่ร.ท.สมชาย เรือนจันทร์ ปลัดจังหวัดชุมพร นำหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ชุมพร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้า จ.ชุมพร หลังจากเกิดฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงเช้าวันเดียวกันต่อเนื่องกว่า 3 ชั่วโมง โดยมีการเตรียมพร้อมรับมือน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ อ.สวี อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน และ อ.ละแม
ขณะที่เขตเทศบาลเมืองหลังสวน ถนนด้านหน้าสถานศึกษาหลายแห่ง รวมถึงส่วนราชการ ได้เกิดน้ำท่วมผิวจราจร ระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร นอกจากนี้น้ำยังเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลฯ หลายหลังคาเรือน โดยต่างต้องเร่งขนของขึ้นที่สูง นอกจากนี้ยังพบว่ามีปัญหาการก่อสร้างที่ปิดทางไหลของน้ำที่จะลงสู่แม่น้ำหลังสวน จนน้ำท่วมขังบนถนนเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร อย่างไรก็ดี สำหรับ จ.ชุมพร ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ได้เกิดลมกระโชกแรง ทะเลอ่าวไทย มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ฝนตกหนักและเกิดน้ำไหลหลากท่วมในหลายอำเภอจนถึงขณะนี้นับเป็นระลอกที่ 4 แล้ว
ก่อนหน้านี้ ที่ท่าเทียบเรือฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผวจ.ตราด ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ( ศรชล.) จ.ตราด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ตกค้างจากเกาะหมาก อ.เกาะกูด จ.ตราด 85 คน หลังจากเรือหลวงตากใบ ได้ไปรับนักท่องเที่ยวดังกล่าว ซึ่งติดอยู่บนเกาะไม่สามารถเดินทางกลับมายังฝั่ง จ.ตราด ได้ เนื่องจากคลื่นลมแรง โดยคลื่นสูง 2-3 เมตร ทำให้เรือโดยสารพาเดินทางกลับไม่ได้
ด้านนายชำนาญวิทย์ กล่าวว่า ศรชล.ตราด ได้รับการประสานจากนางวรางคนางค์ สุขสถิตย์ ผู้ประกอบการเรือโดยสารเกาะหมาก ว่ามีผู้โดยสารตกค้างประมาณ 100 คน อยู่ที่ท่าเทียบเรืออ่าวนิด ต.เกาะหมาก อ.เกาะกูด จ.ตราด ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพราะสภาพคลื่นลมแรงจนเรือไม่สามารถให้บริการได้ จึงประสานขอความช่วยเหลือในการพานักท่องเที่ยวกลับสู่ฝั่ง จ.ตราด โดยทางกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) และหมู่เรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 (มชด./1) ขอรับการสนับสนุนจัดเรือหลวงตากใบ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ ออกไปรับนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว ออกเดินทางมาตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถึงฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 ประมาณ 22.30 น. พร้อมกับจัดรถบัส 2คันและรถตู้ อำนวยความสะดวกนำนักท่องเที่ยวเดินทางไปส่งตามจุดหมายปลายทาง
ผวจ.ตราด กล่าวอีกว่า ช่วงนี้เป็นห้วงเวลาเปลี่ยนฤดูกาลจึงมักมีปัญหาคลื่นลมแรง ทางจังหวัดจึงขอให้นักท่องเที่ยวตรวจสอบสภาพอากาศ หรือเผื่อเวลาในการเดินทางไป-กลับ ไว้ด้วย โดยหน่วยงานภาครัฐต่างๆ มีความพร้อมในการดูแล และให้การช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยว เช่นกรณีนี้
ส่วนที่ จ.นครนายก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดลมกระโชกแรง จนทำให้กิ่งไม้ต้นกระเหรี่ยง อายุกว่า 100 ปี หักทับบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ 3 ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อคือ นายชำนิด สืบจากศรี อายุ 68 ปี และนางเล้น อร ภรรยานายชำนิด ทางกู้ภัยได้เร่งนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว อย่างไรก็ดี ในระหว่างที่มีชาวบ้านมามุงดูเหตุการณ์อยู่นั้น จู่ๆ กิ่งไม้อีกท่อนได้หักลงมาอีก จนชาวบ้านที่ยืนอยู่ ต่างต้องพากันวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แต่นายสุนทร คระกระโทก อายุ 35 ปี และ ด.ช.ธาดา คระกระโทกวัย 2 ขวบ ลูกชายของนายสุนทรที่จอดจักรยานยนต์มาพูดคุยกับชาวบ้านอยู่ หนีไม่ทัน จึงถูกกิ่งไม้ทับเสียชีวิตทั้งคู่ พร้อมกับนางยุพา เขตสาลี อายุ 51 ปี ชาวบ้านอีก 1 ราย ทำให้เหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย
สอบสวนนางสนอง หอมสนิม อายุ 56 ปี พยานที่เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุมีลมกระโชกแรง จากนั้นกิ่งไม้ใหญ่ได้หักโค่นลงมาทับบ้านเรือนบริเวณดังกล่าวก่อนจะมีชาวบ้านมายืนมุงดู โดยพบว่ามีผู้บาดเจ็บในบ้านพัก 2 ราย ระหว่างนั้นกิ่งไม้ได้หักลงมาอีกท่อนหนึ่งจนทับผู้เสียชีวิตสองพ่อลูก และทับใส่นางยุพา ชาวบ้านที่ขับจักรยานยนต์ผ่านมาพอดี บาดเจ็บสาหัสก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมาอีกราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี