นายกฯปัดใช้ยาแรงสู้โอไมครอน
ยันไม่.ปิดประเทศ
ส่งซิกเลื่อนเปิดผับบาร์ไป1เดือน
ย้ำปชช.อย่าตระหนก/ยกการ์ดสูง
บี้จนท.ตาม252แอฟริกันตรวจซ้ำ
สธ.สแกนต่างชาติพบแค่เชื้อเดลต้า
ไทยป่วยรายวัน4,971คน-ดับ33ศพ
WHOเผยไวรัสกลายพันธุ์ลาม23ปท.
ศบค.แถลงยอดติดเชื้อรายวันลดลงอยู่ที่ 4,971 คน ตาย33 ศพ 5 จังหวัดใต้ติด 10 อันดับปท.ติดโควิดสูงสุด ส่วนยอดสะสมฉีดวัคซีน 93.7 ล้านโดสนายกฯชื่นชมหน่วยงานสนองนโยบายสกัดสายพันธุ์โอไมครอนเร็ว ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ให้ยกการ์ดสูงไว้ตลอดเวลา ถ้าไม่ร่วมมือกันเชื้อตัวไหนมาก็ต้านไม่อยู่ ยันยังไม่ถึงขั้นต้องปิดประเทศ ส่งซิกเลื่อนเปิดผับบาร์ออกไปอีก 1 เดือน รอดูสถานการณ์ ส่วนนทท.8ปท.แอฟริกาเจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวอยู่ รมช.สาธารณสุขแจงสภาฯระบุมีมาตรการตรวจคัดกรองเข้มต่างประเทศเข้าไทย สั่งคร.สแกนหาเชื้อ ยังพบแค่เดลตา
เมื่อวันที่ 2ธันวาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยประจำวัน
ไทยติดเชื้อ4,971-ตาย33ราย
โดยไทยตรวจพบผู้ติดเชื้อใหม่ 4,971ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 4,960 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 4,599 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 163 ราย มาจากเรือนจำ 198 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 11 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 5,402 ราย อยู่ระหว่างรักษา 73,726 ราย อาการหนัก 1,355 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 346 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 33 ราย เป็นชาย 16 ราย หญิง 17 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 21 ราย มีโรคเรื้อรัง 7 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดที่ จ.เชียงใหม่ 6 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,125,729 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,031,156 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 20,847 ราย
5จว.ใต้ติด10อันดับปท.ติดสูงสุด
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 28 พฤศจิกายน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) 778 ราย นครศรีธรรมราช 329 ราย สงขลา 302 ราย เชียงใหม่ 208 ราย สุราษฎร์ธานี 196 ราย สมุทรปราการ 140 ราย ชลบุรี 139 ราย ปัตตานี 138 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 133 ราย ขอนแก่น 102 ราย ยะลา 102 ราย
ฉีดวัคซีนสะสม93.7ล้านโดส
ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 521,693 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ทั้งสิ้น 93,753,156 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมียอดผู้ติดเชื้อสะสม 263,733,301 ราย เสียชีวิตสะสม 5,241,849 ราย
ชื่นชมหน่วยงานสนองนโยบายทันที
ที่สโมสรกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึง สถานการณ์ติดตามเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอนว่า เรื่องนี้ตนเป็นคนแจ้งเตือนเอง หลังทราบข่าว จากเว็บไซต์ต่างประเทศ เป็นสิ่งที่น่าชมเชยที่หน่วยงานของไทย เมื่อรับนโยบายไปแล้ว ก็ตอบสนองโดยทันที ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข ศบค. คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความสำคัญเรื่องนี้ จึงต้องขออภัยกรณีที่คิดว่าหลายอย่างเราจะทำได้ แต่เมื่อมีเชื้อใหม่อุบัติขึ้นมา เราก็ต้องมีมาตรการขึ้นมารองรับ และวันนี้ เราก็ยังไม่ได้ข่าวว่า มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เชื้อตัวเดิมเราก็ต้องระวังอยู่ เพราะคิดว่าต้องระวังกันทั้งโลก
ย้ำปชช.ยกการ์ดสูงไม่ช่วยต้านไม่อยู่
นายกฯกล่าวต่อว่า ที่สำคัญคือ จะทำอย่างไรเราต้องระวังตัวเองกันให้มากที่สุด ตนเข้าใจดีถึงความเป็นอยู่ของประชาชนต้องการอิสระ ต้องการเดินทาง ต้องการความสนุกสนาน แต่ถ้าเราไม่ช่วยกัน ไม่ว่าโรคอะไรเราก็ต้านทานไม่ได้ ถ้าเราไม่มีวินัยของเราเอง จึงต้องขอร้อง โดยเฉพาะเรื่องการเข้ามา รับการฉีดวัคซีน อย่าไปกังวลว่า เมื่อมีเชื้อตัวใหม่เข้ามาแล้วไม่ฉีด จะรอวัคซีนใหม่ ขณะที่เชื้อเก่ายังอยู่ เราต้องระวังทุกเชื้อที่เกิดขึ้น
ส่งซิกขยับเปิดผับบาร์ไป1เดือน
ผู้สื่อข่าวถามถึง การผ่อนคลายมาตรการกิจการกิจกรรมผับบาร์คาราโอเกะ นายกฯกล่าวว่า อาจต้องมีขยับออกไปบ้าง ก็ต้องขออภัย ตน บอกแล้ว อยากให้นึกถึงคนอื่นด้วย ตนเห็นใจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวถือว่าสำคัญที่สุด แต่ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ จะล้มเหลวทั้งหมด และรัฐบาลจะกลายเป็นรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น มันจึงจำเป็นไม่มีใครอยากทำตรงนี้ ดังนั้น ขอขยับออกไปก่อนรอดูสักเดือนหนึ่งก่อน และเรื่องนี้ก็ต้องฟังหมอและสาธารณสุข ตนสั่งให้พิจารณาเรื่องการเยียวยากิจการกิจกรรมเหล่านี้เป็นการชั่วคราวไปก่อน อันไหนที่เปิดได้ก็มีอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นสถานที่ปิด มีคนเข้าไปจำนวนมากและดื่มสุรา ถือว่าเสี่ยงสูงก็ขอเอาไว้ก่อน เรื่องการเยียวยาจะนำเข้าครม.เร็วๆนี้
ยังไม่ถึงกับปิดปท.-ล่า252นทท.
ถามถึงการติดตามตัวนักท่องเที่ยว 252 คน เพื่อเข้ารับการตรวจเชื้อแบบ RT-PCR ซ้ำนายกฯกล่าวว่า กำลังติดตามอยู่ คนที่อยู่ในพื้นที่ ถ้ารู้ ให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวต่อถึงสถานการณ์ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอนในหลายประเทศรอบประเทศไทยขณะนี้ เราจำเป็นต้องใช้ยาแรงถึงขั้นปิดประเทศหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ยังๆตอนนี้คัดกรอบแบบ RT-PCR อยู่แล้ว และมีการกักตัวไว้ชั่วคราว จนกว่าจะทราบผล RT-PCR ส่วนการตรวจแบบ ATK ต้องยกเลิกไปก่อนถือว่ายังไม่ปลอดภัยในขณะนี้ อาจทำให้ลำบากกันขึ้นมานิดหน่อย แต่เราต้องมองทั้งสองทางทั้งเรื่องการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับเรื่องเศรษฐกิจ รวมถึงเรื่องความปลอดภัยด้วย นี่คือความยากง่ายในการทำงาน เราไม่สามารถทำอะไรให้มันง่ายๆได้ คนเป็นร้อยกว่าจะคิดมาตรการออกมาได้ กว่าจะมาถึงนายฯที่จะตัดสินใจ อาจมีความต้องการด้านหนึ่ง แต่อีกด้านหนึ่งคือ ด้านสาธารณสุขที่เราต้องดู
ย้ำทุกกิจการต้องเข้มโควิดฟรีเซตติ้ง
นายกฯยังย้ำด้วยว่า ในเรื่องโควิดฟรีเซ็ตติ้ง เราต้องให้ผู้ประกอบการศึกษาเรื่องนี้ ทั้งผู้ให้บริการ และผู้รับบริการ สถานประกอบการไหนพร้อม ก็ติดป้ายเอาไว้ว่า ปลอดภัยจากโควิด-19 เป็นการรับรองสถานประกอบการนั้นๆ เราต้องช่วยกันขยายความแบบนี้ อย่าเอาความเดือดร้อนมาพูดอย่างเดียวแล้วบอกว่ารัฐบาลไม่ได้ช่วยอะไร มันก็จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน งานก็จะเดินหน้าไปไม่ได้
สธ.คัดกรองเข้ม100%ทุกช่องทาง
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้รับมอบหมายจากนายกศให้มาตอบกระทู้ถามสดของนพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทยถึงมาตรการของรัฐบาลในการรับมือเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน เพราะยังเดินหน้านโยบายเปิดประเทศ ขณะที่บางประเทศปิดรับท่องเที่ยวไปแล้วว่า นโยบายเปิดประเทศ รัฐบาลไม่ได้ลุกลี้ลุกลน แต่มุ่งฟื้นเศรษฐกิจ ภายใต้การดำเนินการมาตรการด้านสาธารณสุข-คุมตัวเลขผู้ชิดเชื้อ ซึ่งประเมินแล้วศักยภาพการรับมือของกระทรวงสาธารณสุขยังรับได้ ทั้งการฉีดวัคซีน คัดกรองบุคคล ซึ่งพยายามป้องกันระบาดโควิดทุกสายพันธุ์
สำหรับโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ยอมรับว่าการยับยั้งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ต้องยกระดับควบคุมและสอบสวนโรคให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คัดกรองแยกผู้สัมผัสและกลุ่มเสี่ยงสูงนำเข้าระบบกักตัวคุมโรคให้ได้ 100% หลังโอไมครอนแพร่ระบาด นายกฯสั่งปิดรับลงทะเบียนเข้าไทย 9 ประเทศในแอฟริกาที่มีการระบาดสูง ส่วนกลุ่มบุคคลที่เข้ามาก่อนหน้านี้ต้องกักตัวตรวจค้นหาเชื้อถึง 3 ครั้ง ซึ่งมีผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยรวมจนถึงตอนนี้เรา 800 คน
ยังไม่ถึงขั้นปิดปท.-ชี้อาการคล้ายเดลตา
นายสาธิตยังยืนยันว่าจะไม่ตื่นตระหนกบนสถานการณ์ข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจน หากมีอัตราตัวเลขผู้ติดเชื้อโอมิครอน 1000 คน ก็ยังไม่มากพอที่จะนำไปประกอบการพิจารณาฟันธงว่าจะปิดประเทศหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่มีอาการคล้ายกับเดลต้า ขณะเดียวกัน ยังไม่มียืนยันรายงานเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตสาเหตุจากการติดเชื้อดังกล่าว ซึ่งการฉีดวัคซีนในแอฟริกาใต้อัตราค่าเฉลี่ยยังต่ำอยู่ที่ร้อยละ 40 และบางพื้นที่เพียงแค่ร้อยละ 10 และยอมรับว่ามีโอกาสที่ผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคประจำตัวจะเสียชีวิตจากติดเชื้อโอมิครอน ซึ่งบนพื้นฐานข้อมูลเท่านี้ยังไม่สามารถพลีผลามตัดสินใจ แต่ก็ไม่ประมาท เพราะไม่สามารถปิดกั้นทุกช่องทางของโรคระบาดได้
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงมี 252 คนและตรวจคัดกรองพบว่ามีความเสี่ยง ซึ่งเดินทางมาจากประเทศระบาด 122 คน โดยมีผู้ที่เดินทางออกจากนอกราชอาณาจักรไทยไปแล้ว 4 คน และควบคุมดูแลสังเกตแล้ว 11 คน โดยตรวจค้นหาเชื้อซ้ำแล้ว พบว่าทั้งหมดมีผลเป็นลบ สำหรับอีก 16 คน หากครบ 14 วันตามหลักเกณฑ์ถือเป็นไปตามเกณฑ์ควบคุมโควิดทุกสายพันธุ์ ยกเว้นหากมีข้อมูลว่าโอมิควอน จะใช้ระยะเวลาฟักตัวเกิน 14 วันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สั่งคร.ตรวจทุกคนเข้าปท.ยังเป็นดลต้า
“แม้ขณะนี้มี 32 ประเทศที่ติดเชื้อโอมิครอนไปแล้ว รวมถึงสิงคโปร์ที่อยู่ใกล้กับไทย และมีญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง จึงสั่งการอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) ไปว่าต้องรายงานตลอด 24 ชั่วโมงถึงความคืบหน้าทั้งสถานการณ์ต่างประเทศและในประเทศ และสั่งให้ตรวจทุกคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งวันนี้ตรวจไปแล้ว 90 คนยังเป็นเดลต้าทั้งหมด ยืนยันกระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการป้องกันเข้มงวด และจะติดตามข้อมูลให้ครบ หากมีข้อมูลที่ตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง จะเสนอนายกฯพิจารณา” รมช.สาธารณสุข กล่าว
สธ.แจงยิบมาตรการคัดกรอง782แอฟริกัน
ด้านนพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรค และภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงมาตรการเฝ้าระวังติดตามผู้เดินทางเข้าประเทศที่มาจากพื้นที่เสี่ยงสายพันธุ์โอไมครอนว่า กรณีมีข่าวในสื่อมวลชนจนทำให้วิตกกังวลว่า มีผู้เดินทางกลุ่มเสี่ยงสูงเข้ามาประเทศไทย อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อมูลผู้เดินทางจากทวีปแอฟริกาของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 15- 27 พฤศจิกายน และ 5 ธันวาคม แบ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง 8 ประเทศ เดินทางเข้ามาวันที่ 15-30 พฤศจิกายน มี 252 คนในกลุ่มแซนด์บ็อกซ์ และกลุ่มเสี่ยงต่ำที่เดินทางเข้ามาวันที่ 15 พฤศจิกายน -5 ธันวาคมจากประเทศอื่นในทวีปแอฟริกา 452 คน ซึ่งเป็นทั้งกลุ่มแซนด์บ็อกซ์และสถานที่กักกัน โดยรวมสองกลุ่ม 782 คน
8ปท.ที่เข้ามาแล้วต้องกักตัว14วัน
นพ.เฉวตสรรยังชี้แจงต่อว่า หลายคนกังวลว่า กลุ่มเดินทางเหล่านี้ไปที่ไหนบ้าง ขอชี้แจงว่า ผู้ที่เดินทางเข้ามา ก่อนมาต้องตรวจเชื้อเป็นลบก่อน และเมื่อมาถึงวันแรกต้องผลเป็นลบ หากเป็นบวกต้องเข้ารพ. ส่วนคนที่อยู่ในแซนด์บ็อกซ์ครบ 7 วัน ก่อนไปพื้นที่อื่นก็ต้องตรวจ ATK ว่าไม่พบเชื้อ อย่างน้อยๆตรวจ 3 ครั้ง ก่อนมาและมาถึงประเทศเรา อย่างไรก็ตาม เราแจ้งเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่มาจาก 8 ประเทศ นับตั้งแต่วันเข้าประเทศจนถึง 14 วัน จะขอตรวจ RT-PCR ก่อนอีกครั้งประมาณวันที่ 12 หรือ 13 ของการเข้าประเทศ แต่คนเหล่านี้เขาได้ฉีดวัคซีนมาแล้ว ก็ลดความเสี่ยงไปแล้วเช่นกัน ดังนั้น ขอให้อย่าวิตกกังวลเกินไป
“ขอย้ำว่า มาตรการในส่วน 8 ประเทศนั้น เราไม่ได้ให้ขอไทยแลนด์ พาส (Thailand Pass) เข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน แต่คนที่ขอก่อนอาจมีบ้าง แต่นับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมจะไม่มีแล้ว และคนที่เดินทางเข้ามาก็เข้าสู่มาตรการควบคุมกักตัวจนครบ 14 วัน” นพ.เฉวตสรรกล่าว และว่า ส่วนจุดที่ติดตามคนที่เดินทางมาก่อนหน้านั้น หากเดินทางมาตั้งแต่ต้นเดือนผ่านเวลา 14 วัน ก็ค่อนข้างมั่นใจได้ แม้เชื้อโควิดจะบอกว่า ระยะฟักตัวอาจอยู่ 2-14 วัน แต่เวลาส่วนใหญ่ที่เจอจะเป็น 5-7 วัน มีอาการเริ่มป่วย หากเกิน 7 วันไปแล้วก็ค่อนข้างน้อย ซึ่งอาจมีได้ แต่ไม่ควรกังวลเกินไป เพราะเรามีมาตรการวัคซีน มาตรการป้องกันส่วนบุคคล หากยกการ์ดสูงก็ช่วยได้
เปิดปท.1เดือนเข้ามากว่าแสนราย
สำหรับการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวตั้งแต่เปิดประเทศวันที่ 1-30 พฤศจิกายน เป็นแบบ Test & Go 106,211 คน Sandbox 21,438 คน Quarantine 7 วัน 1,743 คน Quarantine 10 วัน 3,654 คน และ Quarantine 14 วัน 15 คน ส่วนผลดำเนินงานรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรที่ท่าอากาศยาน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมพบว่า ในส่วน Test & Go มี 5,598 ราย พบติดเชื้อ 3 ราย ซึ่งอัตราการติดเชื้อ 0.05% เป็นตัวเลขต่ำมาก แต่หากมองภาพรวมทั้งหมดเข้ามา 6,291 ราย ติดเชื้อ 9 ราย
ขณะที่ประเทศต้นทางที่เข้ามามาก 10 อันดับแรก (ข้อมูล 1 ธ.ค.) โรมาเนีย สหรัฐ เกาหลีใต้ เยอรมนี สหาราชอาณาจักร สิงคโปร์ สวีเดน ญี่ปุ่น ฟินแลนด์ ขณะที่อัตราการติดเชื้อแยกผู้เดินทางเข้ามาจากประเทศต้นทาง (ข้อมูล 1 ธ.ค.) พบมัลดีฟส์ รัสเซีย กัมพูชา สหราชอาณาจักร เยอรมนี สหรัฐ
ภูเก็ตตรวจเข้ม130นทท.8ปท.ไม่พบเชื้อ
ด้านสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด -19 ในต่างจังหวัดนั้น นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตแถลงข่าวกรณีนักท่องเที่ยวจากทวีปแอฟริกาใต้ 130 คน เดินทางเข้ามาจังหวัดภูเก็ต กับการติดตามตัวนักท่องเที่ยวเพื่อตรวจควบคุมโรคโควิดโอไมครอนว่า ในพื้นที่จ.ภูเก็ตมีมาตรการเหมือนระดับประเทศ ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน ไม่ให้นักท่องเที่ยวจากทวีปแอฟริกาใต้ ลงทะเบียนเข้ามาในระบบภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ หรือ Test&Go และวันที่ 1 ธันวาคมระงับการเดินทางเข้ามาจาก 8 ประเทศนี้เด็ดขาด ยกเว้นคนไทย แต่คนไทยที่เข้ามาต้องถูกกักตัว 14 วัน จะมีนักท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.-5 ธ.ค.64 สามารถเดินทางเข้ามาได้ จากข้อมูลจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11(สคร.11) กับตรวจคนเข้าเมือง มีข้อมูลคนที่เข้ามา 130 คน ทุกคนที่เข้ามาต้องทำRT-PCR ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่า นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เข้ามาในภูเก็ต ได้ทำ RT-PCR 100%แน่นอน ไม่หลุดรอด และใน130คนนี้ ไม่พบเชื้อ แต่หลังจากนั้น จะติดตามทั้งหมดโดย ใครที่เข้ามาครบ 14 วัน ถือว่าปลอดภัย ไม่ต้องติดตามแล้ว แต่ถ้ายังไม่ครบ 14 วัน ต้องติดตามมาทำ RT-PCR 1 ครั้ง ก่อน 14 วัน ทำฟรี ทางการออกค่าใข้จ่ายให้ ส่วนข้อมูล 130 คน อยู่ที่ไหนบ้างจะเอาข้อมูลมาบูรณาการกันระหว่าง สคร.11 สาธารณสุข ,ตรวจคนเข้าเมือง และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว ต่างๆ
เหลืออยู่ในภูเก็ต57คนเร่งตามตัว
สสจ.ภูเก็ตแถลงต่อว่า เมื่อทราบจาก ตม.ภูเก็ต ว่า นักท่องเที่ยว 130 คน เหลืออยู่ใน ภูเก็ต 57 คน สสจ.ร่วมกับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวและสมาคมโรงแรมฯตรวจสอบรายชื่อทั้งหมดว่า พักที่โรงแรมไหนบ้าง โดยออกคิวอาร์โค้ดให้โรงแรมกรอกข้อมูลกลับมา ขณะนี้ตามตัวได้แล้ว 17 คนที่เหลือรอโรงแรมตอบกลับบมา ต้องติดตามอีกว่า ใน 57 คน ครบ14วันกี่คน ถ้ายังไม่ครบ14วัน ต้องทำ RT-PCR โดยรัฐออกค่าใช้จ่ายให้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปจังหวัดอื่น โรงแรมจะแจ้งข้อมูลเหล่านี้มา และสื่อสารกันเมื่อรู้ว่าไปจังหวัดไหนจะส่งข้อมูลนี้ ให้สสจ.จังหวัดปลายทางให้ติดตามอีกครั้ง ในกรณีที่ไม่ครบ14 วัน แต่ถ้าไม่สามารถหาตัวได้เลยว่าไปจังหวัดไหนบ้าง เรายังมีอีเมลของทุกคนทั้ง 130 คน จะติดต่อสื่อสารทางอีเมลอีกระบบในการติดตามตัว เพื่อคัดกรองเชื้อสายพันธุ์ใหม่ สรุปว่า ใน 57 คน ตามตัวได้แล้ว 17 คน ที่เหลือรอคิวอาร์โค้ดที่ตอบมา
โอไมครอนลามแล้ว23ปท.5ภูมิภาค
วันเดียวกัน มีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศถึงสถานการณ์ระบาดในต่างประเทศว่า องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (WHO) เปิดเผยสถานการณ์ระบาดของเชื้อโอไมครอนว่า ลุกลามไปแล้ว 23 ประเทศ ใน 5 ภูมิภาคของโลก จากจำนวน 6 ภูมิภาค ที่เป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลก นอกจากนี้ ยังประมาณการว่า จำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้จะเพิ่มสูงขึ้นอีก ก่อนมีคำเตือนด้วยว่า ทุกประเทศควรจะดำเนินการในอันที่จะสกัดการแพร่เชื้อ ซึ่งรวมถึงเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาด้วย โดยระบุว่า ถ้าหากไม่สามารถสกัดกั้นการแพร่เชื้อสายพันธุ์เดลตาได้ ก็ไม่สามารถสกัดกั้นเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก แนะนำให้ทางการประเทศต่างๆ เร่งฉีดวัคซีน และบังคับใช้มาตรการเข้มงวดต่างๆ เพื่อควบคุมการระบาด
สหรัฐพบติดเชื้อโอไมครอนรายแรก
หน่วยงานทางด้านสาธารณสุขในรัฐแคลิฟอร์เนียยืนยันการพบผู้ติดเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐอเมริกาแล้ว เป็นผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้ แม้จะได้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว โดยมีอการป่วยเล็กน้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างกักตัว วันเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศปรับมาตรการคุมเข้มเพิ่มเติม โดยให้นักเดินทางต่างชาติต้องมีผลตรวจว่าไม่ติดเชื้อโควิด-19 ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง รวมถึงมาตรการอื่นๆ อีกด้วย
เกาหลีใต้เจอ5-ต้องสงสัยรอผลอีก4
เช่นเดียวกับ หน่วยงานสาธารณสุขเกาหลีใต้ยืนยันการตรวจพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน 5 รายแรกของประเทศ โดยสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีเปิดเผยเพิ่มเติมว่า สามีภรรยาคู่ดังกล่าวและบุคคลใกล้ชิด 1 รายได้รับการยืนยันแล้วว่าติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน และผู้หญิงอีก 2 ราย ซึ่งเดินทางไปไนจีเรียระหว่างวันที่ 13-22 พฤศจิกายนมีผลตรวจสายพันธุ์โอไมครอน เป็นบวกเช่นกัน ทำให้เกาหลีใต้มีผู้ป่วยติดเชื้อ 5 ราย ขณะเดียวกัน ยังมีผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน อยู่ระหว่างการวิเคราะห์อีก 4 รายด้วย
ลุ้นมีค.อาจได้วัคซีนสู้โอไมครอน
นายสตีเฟน โฮก ประธานของโมเดอร์นา อิงค์ บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ เผยว่า โมเดอร์นาอาจมีวัคซีนป้องกันโควิดเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันต้านเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนที่ผ่านการทดสอบและพร้อมยื่นขออนุมัติต่อหน่วยงานกำกับดูแลยาของสหรัฐได้เร็วที่สุดเดือนมีนาคม ปี 2565 โดยโมเดอร์นามีความพร้อมในการผลิตขณะที่วัคซีนอยู่ในกระบวนการทดสอบ เพื่อให้ส่งมอบวัคซีนได้เร็ว ขณะนี้ โมเดอร์นากำลังทดสอบว่าผู้ได้รับวัคซีนโควิดครบสองโดสจะมีภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโอไมครอนได้หรือไม่ รวมถึงการทดสอบในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นโดสละ 50 ไมโครกรัมกับโดสละ 100 ไมโครกรัม โดยที่ยังเชื่อว่าวัคซีนโควิดที่มีอยู่ขณะนี้จะช่วยชะลอการระบาดได้ แม้อาจยังไม่สามารถยับยั้งเชื้อโอไมครอนได้ก็ตาม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี