โล่งผลตรวจ150แอฟริกันในไทย
ไม่พบ‘โอไมครอน’
ศบค.-สตม.ยังตามตัวอีกเพียบ
‘บิ๊กตู่’กังวลชายแดนมาเลเซีย
สั่งคุมเข้มตรวจสอบ24ชั่วโมง
สธ.จี้กลุ่มเปราะบางฉีดวัคซีน
ป่วยใหม่5,896รายเสียชีวิต37
ศบค. รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 5,896 รายเสียชีวิต 37 ศพ “นายกฯ” สั่งจับตาใกล้ชิดสถานการณ์โควิด “โอไมครอน” หลังพบผู้ติดเชื้อในมาเลเซียเป็นรายแรก กำชับแนวชายแดนป้องกันลักลอบเข้าเมืองอย่างเข้มงวด เร่งฉีดวัคซีนโควิด ให้ครอบคลุมมากที่สุด สตม.พบตัวแล้วชาวแอฟริกัน 150 คน ที่มาจาก 8 ประเทศเสี่ยงสูง ผลตรวจไม่พบการติดเชื้อ เร่งหาอีกกว่า 100 คน พร้อมสั่งยกระดับคุมเข้มสกัดแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนอีก6รัฐ ขณะที่ซีอีโอไบออนเทคชี้ ต้องปรับสูตรวัคซีนสู้ไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน เผยขณะนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนา
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 5,896 ราย เป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 4,609 ราย จากการค้นหาเชิงรุก 148 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 1,127 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 12 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,107,674 ราย หายป่วยกลับบ้าน 5,666 ราย หายป่วยสะสม 2,015,240 ราย (ตั้งแต่ 1 เม.ย.) ผู้ป่วยกำลังรักษา 72,954 ราย และเสียชีวิต 37 เป็นชาย 21 ราย หญิง 16 ราย รวมมีผู้เสียชีวิต 20,823 รายแล้วส่วน ผู้ติดเชื้อเข้าข่ายด้วยการตรวจ ATK 964 ราย
กรุงเทพฯติดเชื้อใหม่เฉียด900ราย
สำหรับจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 10 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ 892 ราย นครศรีธรรมราช 396 ราย สงขลา 325 ราย สุราษฎร์ธานี 169 ราย ชลบุรี 168 ราย ปัตตานี 159 ราย เชียงใหม่ 150 ราย ยะลา 120 ราย สมุทรปราการ 116 ราย และปราจีนบุรี 94 ราย
ส่วนสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 สรุปจำนวนการได้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่ 28 ก.พ.-2 ธ.ค.2564 รวม 94,280,248 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม 48,732,951 ราย ผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม 41,979,486 ราย และจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม 3,567,811 ราย
ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรวันที่ 3 ธ.ค.64 มีจำนวนทั้งหมด 6,690 ราย เข้ามาในกลุ่มไม่ต้องกักตัว (Test&Go) 6,110 ราย, Sandbox 391 ราย, Quarantine 7 วัน 26 ราย และ Quarantine 10 วัน 163 ราย
สงขลพบผู้ติดเชื้อใหม่325ดับ5
สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิดในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนล่างยังน่าเป็นห่วงอยู่ มีหลายจังหวัดยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่หลักร้อยแล้วยังพบผู้เสียชีวิตในหลายจังหวัด และมีกระแสข่าวพบเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศเพื่อนบ้าน ประชาชนหวั่นวิตกจะแพร่กระจายเข้ามาทางชายแดนภาคใต้
กลุ่มภารกิจสื่อสารความเสี่ยง สำนักงานสาธารณสุข จ.สงขลารายงานผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 325 ราย เพิ่มขึ้นจากวันที่ 2 และ 3 ธ.ค. ยอดสะสม 63,602 ราย วันนี้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ซึ่งตรวจสอบประวัติแล้วผู้ไม่ได้รับวัคซีนทั้งหมด เสียชีวิตสะสม 275 ราย ที่นอนนรักษาตัวในโรงพยาบาล 5,000 กว่าคน
ตั้งศูนย์วิเคราะห์สายพันธุ์ใหม่
ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)เปิดเผยว่า ม.อ.ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งศูนย์ตรวจวิเคราะห์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในภาคใต้ ในช่วงที่สายพันธุ์โอไมครอน เริ่มมีการแพร่ระบาดในหลายประเทศ ทำให้ความต้องการในการตรวจพิสูจน์สายพันธุ์มีจำนวนมากขึ้น เนื่องจากภาคใต้ตอนล่างมีการลักลอบของแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก กลัวว่าจะนำเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่เข้ามาด้วย
“การพัฒนา ห้องปฏิบัติการ เพื่อรองรับโรคภัยไข้เจ็บในประเทศไทย มีมานานแล้ว และมีความก้าวหน้าในระดับที่ทั่วโลกยอมรับ สะดวกรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ต้องส่งเชื้อเข้าตรวจีที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว ทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทันท่วงที จากการสุ่มตรวจวันละ 300 คน พบติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา สายพันธุ์อัลฟา และสายพันธุ์ เบตา แต่ยังไม่พบสายพันธ์โอไมครอน” ผศ.ดร.นิวัติ กล่าว
นายกฯสั่งติดตาม“โอไมครอน”
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์“โอไมครอน” อย่างใกล้ชิด หลังมาเลเซียพบผู้ติดเชื้อเป็นรายแรกแล้ว โดยเป็นนักศึกษาหญิงวัย 19 ปี จากแอฟริกาใต้ ซึ่งได้เดินทางมาจากประเทศแอฟริกาใต้ผ่านสิงคโปร์ ซึ่งจากการสอบสวนโรค พบว่า นักศึกษาหญิงจากแอฟริกาใต้ได้เดินทางจากสิงคโปร์มาถึงมาเลเซียเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย และฝ่ายความมั่นคง เข้มงวดหน่วยงานคัดกรองที่จุดต่างๆ ท่าอากาศยาน สนามบิน โดยเฉพาะด่านพรมแดนทางบก ที่เปิดให้คนไทยเดินทางกลับเข้าประเทศ ซึ่งต้องเน้นย้ำผู้เดินทางทุกคนได้รับการตรวจคัดกรองโควิด-19 และกักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ หากรายใดมีอาการผิดปกติจะถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลทันทีและทำการตรวจหาเชื้อ และหากพบข้อมูลต้องสงสัย ให้รีบรายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรีทันทีที่มีความคืบหน้า ขณะเดียวกันพร้อมปรับมาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด ทุกแนวชายแดน เพื่อสกัดการลักลอบเข้าออกที่ผิดกฏหมาย ผ่านช่องทางธรรมชาติด้วย
กำชับเร่งฉีดวัคซีนให้มากที่สุด
“ปัจจุบันสายพันธ์ที่ระบาดในไทย คือ เดลต้า ยังมีการแพร่ระบาดอยู่ แต่นายกรัฐมนตรียังกำชับกระทรวงสาธารณสุขเตรียมพร้อมรับมือสำหรับ โอไมครอน โดยการให้บริการฉีดวัคซีนต้อง ครอบคลุมให้ได้สูงสุด หรือเกือบทั้งหมดของประชากรที่ควรจะได้รับวัคซีน ซึ่งคณะแพทย์ได้ยืนยันว่า วัคซีนที่ใช้ในปัจจุบัน จำนวน 2 โดส มีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันอาการรุนแรงทั้งสายพันธ์เดลต้าและโอไมครอนได้ ขณะเดียวกัน มีการวินิจฉัยสายพันธุ์โอไมครอนให้ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อควบคุมการระบาดของโรค และต้องมีทีมที่พร้อมจะเข้าไปควบคุมดูแล ไม่ให้มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้น” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีย้ำถึงการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ที่ปลอดภัย คือ การใช้ชีวิตประจำวันตามมาตรฐานวิถีชีวิตใหม่ มีความรู้ที่ถูกต้อง สิ่งสำคัญคือ ทุกคนจะต้องยึดหลักอนามัยส่วนบุคคล ดูแลตนเองแบบครอบจักรวาล เคร่งครัด รักษาระเบียบวินัย สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และตรวจ ATK จะช่วยลดการระบาดของโควิดทุกสายพันธุ์ได้
แอฟริกัน150คนไม่พบโอไมครอน
พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบหาบุคคลที่เดินทางมาจาก 8 ประเทศเสี่ยงสูงในทวีปแอฟริกา จำนวน 248 คน ซึ่งเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 15-30 พ.ย.ที่ผ่านมา สตม. ตรวจพบแล้วประมาณ 150 คน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้าตรวจหาเชื้อ ปรากฏว่าไม่พบติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ตามที่มีความกังวล ขณะนี้กำลังเร่งตามหาส่วนที่เหลืออีกประมาณ 100 คน ให้พบ เพื่อตรวจหาเชื้อ
ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางมาจาก 8 ประเทศสุ่มเสี่ยงสูงเป็นชาวแอฟริกันทั้งหมด โดยมาไทยเพื่อท่องเที่ยวหรือพบกับครอบครัว ส่วนอีกกว่า 500 คน ที่เดินทางมาจากประเทศในทวีปแอฟริกา ซึ่งอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำจำนวน 54 ประเทศ ตม. ตามหาพบและตรวจโควิดแล้วผลไม่ติดเชื้อเช่นกัน
กระดับคุมเข้มตรวจคนเข้าเมือง
“ยืนยันว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยกระดับคุมเข้มการเข้าประเทศของคนต่างชาติ ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดโอไมครอน และไม่เข้มงวดเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากทวีแแอฟริกาเท่านั้น นักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศอื่นๆ ก็ถูกคุมเข้มด้วย เนื่องจากเชื้อได้แพร่กระจายไป หลายประเทศแล้ว ส่วนกรณีมาเลเซียตรวจพบประชาชนติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนรายแรก ซึ่งมาเลเซียมีพรมแดนติดกับทางใต้ของประเทศไทยนั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ยกระดับการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง มาก่อนหน้านี้ เพื่อสกัดแรงงานข้ามชาติ อย่างไรก็ตาม อยากขอความร่วมมือประชาชน หากพบเบาะแส การเข้าเมืองผิดกฎหมายให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทันที” พล.ต.ต.อาชยน กล่าว
กลุ่มเปราะบางภูมิคุ้นกันยังต่ำ
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่ง ได้สำรวจภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 ในประชากรไทย ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และไม่มีประวัติเจ็บป่วยด้วยโรคโควิด -19 จำนวน 26,717 คน อายุตั้งแต่ 18 – 60 ปี เป็นเพศชายร้อยละ 48 เพศหญิง ร้อยละ 52 จาก 12 เขตสุขภาพ รวมกว่า 30 จังหวัด ยกเว้นเขตสุขภาพที่ 13 กรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีการฉีดวัคซีนแล้ว เกินร้อยละ 100 โดยทำการสำรวจในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ด้วยการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกัน ด้วยเครื่องมือทางห้องปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดความแม่นยำ
ผลการสำรวจแยกตามจำนวนตัวอย่างที่สุ่มเก็บจากจังหวัดใน 12 เขตสุขภาพ พบผู้ที่มีแอนติบอดีคิดเป็นร้อยละ ดังนี้ เขตสุขภาพที่ 1 ลำปาง ลำพูน พะเยา จำนวน 1,416 คน พบร้อยละ 0.4 เขตสุขภาพที่ 2 เพชรบูรณ์ พิษณุโลก จำนวน 1,431 คน พบร้อยละ 1.7 เขตสุขภาพที่ 3 นครสวรรค์ อุทัยธานี จำนวน 1,366 คน พบร้อยละ 0.4 เขตสุขภาพที่ 4 ปทุมธานี สิงห์บุรี จำนวน 1,382 คน พบร้อยละ 2.5 เขตสุขภาพที่ 5 กาญจนบุรี สมุทรสงคราม จำนวน 1,084 คน พบร้อยละ 2.7 เขตสุขภาพที่ 6 ชลบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา จำนวน 2,517 คน พบร้อยละ 2.8 เขตสุขภาพที่ 7 ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม จำนวน 3,726 คน พบร้อยละ 1.2 เขตสุขภาพที่ 8 อุดรธานี สกลนคร บึงกาฬ จำนวน 3,137 คน พบร้อยละ 0.9 เขตสุขภาพที่ 9 ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ จำนวน 4,084 คน พบร้อยละ 1.0 เขตสุขภาพที่ 10 ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ จำนวน 3,702 คน พบร้อยละ 0.5 เขตสุขภาพที่ 11 ชุมพร ระนอง นราธิวาส จำนวน 1,744 คน พบร้อยละ 1.1 เขตสุขภาพที่ 12 นราธิวาส สตูล จำนวน 1,128 คน พบร้อยละ 6.2
กระตุ้นฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกัน
โดยผลจากการสำรวจแอนติบอดีในภาพรวมของ 12 เขตสุขภาพพบร้อยละ 1.4 จากการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ข้อมูลการติดเชื้อที่ตรวจพบในระบบด้วยการตรวจ RT-PCR ตั้งแต่ 1 ธ.ค.2563 – 26 ต.ค.2564 มีการติดเชื้อ 1,884,802 คน จากประชากรในประเทศ 72,034,815 คน คิดเป็นอัตราการติดเชื้อร้อยละ 2.6 และมีจำนวนผู้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วร้อยละ 54.7
นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวต่ออีกว่า ภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 จะเกิดขึ้นได้ด้วยการฉีดวัคซีน หรือเกิดจากการติดเชื้อเองโดยธรรมชาติ ขณะนี้ภาพรวมภูมิคุ้มกันทั้งประเทศจากการฉีดวัคซีนและติดเชื้อจนเกิดภูมิแล้วมีประมาณร้อยละ 58.7 ดังนั้นยังมีประชาชนอีกประมาณร้อยละ 41.3 ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน จึงมีโอกาสที่จะติดเชื้อ และเกิดอาการรุนแรงที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นพื้นที่ ที่มีจำนวนประชาชนที่มีภูมิคุ้มกันยังไม่มาก จะต้องเร่งสร้างให้เกิดภูมิคุ้มกันให้ได้มากๆ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือ ต้องไปฉีดวัคซีนให้เยอะขึ้น ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนมาฉีดวัคซีน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนอีก6รัฐ
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศ สหรัฐรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มอีก 6 รัฐ ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่า เชื้อสายพันธุ์เดลตา ยังคงเป็นอันตรายอย่างยิ่งเมื่อฤดูหนาวมาถึงและชาวอเมริกันรวมตัวพบปะกันใกล้ชิดในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปี โดยรัฐนิวเจอร์ซีย์แมรีแลนด์ มิสซูรี เนบราสกา เพนซิลเวเนียและยูทาห์ ต่างรายงานในวันศุกร์(ตามเวลาท้องถิ่น)ว่า พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนเป็นครั้งแรก รัฐมิสซูรี กำลังคอยการยืนยันจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐ หรือ ซีดีซี เกี่ยวกับผู้ติดเชื้อรายหนึ่งที่เป็นชาวเมืองเซนต์หลุยส์ ซึ่งเดินทางอยู่ภายในประเทศ
IMFกระทบเศรษฐกิจโลก
นางคริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟ มีแนวโน้มว่าจะปรับลดการคาดหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกเนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์โอไมครอน
“เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนที่ระบาดได้อย่างรวดเร็วจะส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่น และด้วยเหตุนี้ทำให้มีแนวโน้มว่า ไอเอ็มเอฟจะปรับลดการคาดหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ประกาศไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อเดือนตุลาคม ไอเอ็มเอฟคาดหมายว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในปีนี้ร้อยละ 5.9 และร้อยละ 4.9 ในปีหน้า เธอกล่าวว่า ตั้งแต่ก่อนที่จะพบเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน ไอเอ็มเอฟก็กังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว และเมื่อมาพบสายพันธุ์ใหม่ก็ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจจะเกิดการสะดุดได้” นางจอร์เจียวา กล่าว
ทั้งนี้ ไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปแล้วอย่างน้อย 40 ประเทศนับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อครั้งแรกที่ประเทศแอฟริกาใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลของหลายประเทศใช้วิธีการจำกัดการเดินทางเพื่อพยายามป้องกันมิให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดออกไป
โซเมีย สวามีนาตัน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่า โอไมครอนอาจจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อแซงหน้าสายพันธุ์เดลตา ที่ขณะนี้มีการติดเชื้อด้วยสายพันธุ์นี้ร้อยละ 99 ซึ่งประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องเตรียมตัวและระมัดระวัง แต่อย่าตี่นตระหนก เนื่องจากขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างจากเมื่อปีที่แล้ว
ไบออนเทคชี้ต้องปรับสูตรวัคซีน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อูกูร์ ซาฮิน ซีอีโอของไบออนเทค (BioNTech) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติเยอรมัน กล่าวว่าจะต้องมีการปรับสูตรวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากเชื้อไวรัสโควิดชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน สามารถติดต่อได้ง่ายขึ้นแม้กระทั่งในผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว
ซาฮิน กล่าวในการประชุมรอยเตอร์ส เน็กซ์ (Reuters Next) ว่าเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เป็น สายพันธุ์หลบหนี ซึ่งหมายความว่าสายพันธุ์ดังกล่าว อาจติดต่อสู่ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว อย่างไรก็ดี ไบออนเทคเข้าใจว่า ผู้ที่ติดเชื้อหลังรับวัคซีนจะยังคงได้รับการป้องกันจากอาการป่วยรุนแรงของโรคโควิด-19 การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน 32 จุดจากทั้งหมด 50 จุดที่พบในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อโปรตีนหนาม ซึ่งเชื้อไวรัสฯ ใช้เพื่อเข้าและเพิ่มจำนวนในเซลล์ของมนุษย์ โดยวัคซีนส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่กลไกนี้และบรรดานักวิจัยเชื่อว่าระบบภูมิคุ้มกันอาจไม่สามารถจำแนกโปรตีนดังกล่าวได้อย่างพอเพียงอีกต่อไป เนื่องด้วยจำนวนการกลายพันธุ์สูง
“ไบออนเทคน่าจะปรับสูตรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทฯ ได้ค่อนข้างเร็ว พร้อมเสริมว่าเขาไม่ได้คาดคิดว่าเชื้อไวรัสโควิด ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์สูงอย่างโอไมครอน จะปรากฏขึ้นจนกว่าจะถึงช่วงปีหน้า” ซาฮิน เผย
ทั้งนี้ ไบออนเทคได้เริ่มพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ที่มีการปรับสูตรตามเชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์โอไมครอนแล้ว ทว่าวัคซีนตัวใหม่นี้ยังไม่สามารถป้องกันการระบาดระลอกแรกของเชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์โอไมครอนได้ เนื่องจากขั้นตอนการพัฒนาสู่การฉีดจริงจะใช้เวลาราว 100 วัน
ชี้โควิดโอไม่ครอนไม่น่ากลัว
ด้านศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยาและภูมิคุ้มกันแห่งมหาวิทยาลัยรัฐหลุยส์เซียนา เผยเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แพร่ระบาดเร็ว แต่พิษสงไม่รุนแรง ยังไม่มีแนวโน้มจะมาแทนที่สายพันธุ์เดลตา
ดร.เจเรมี คามิล ศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยาและภูมิคุ้มกันแห่งมหาวิทยาลัยรัฐหลุยส์เซียนา ของสหรัฐ กล่าวว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แม้จะระบาดอย่างรวดเร็วเหมือนไฟไหม้ป่า แต่ไม่มีเหตุผลใดๆ ให้หวั่นวิตกเพราะพิษสงไม่รุนแรง และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะมาแทนที่สายพันธุ์เดลตาที่ระบาดไปทั่วโลกแต่อย่างใด และว่าการที่นานาประเทศพากันปิดเขตแดนห้ามการเดินทางจากประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโอไมครอน ถือเป็นการกระทำที่ผิด เพราะอาจทำให้ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อไม่ยอมเปิดเผยออกมา เพราะเกรงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ก็เป็นได้
อินเดียเหมาลำเที่ยวกระบี่-ภูเก็ต
มีรายงานว่า ผู้โดยสารจากอินเดียเดินทางถึงจ.ภูเก็ตเเล้ว โดยนั่งเครื่องแบบเช่าเหมาลำ จำนวน 170 คน และจะมีเที่ยวบินตลอดเดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนมกราคม ประมาณ 13 เที่ยวบิน และคาดจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายเดินทางเข้ามา 2,000-2,500 คน
จังหวัดภูเก็ต ยังคงมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ภายหลังเปิดประเทศโดยวันนี้มีผู้โดยสารจากอินเดีย เดินทางมาถึง ด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ จำนวน 170 คน ด้วยเครื่องบินของสายการบิน GoFirst และจะมีเที่ยวบินตลอดเดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนมกราคมนี้ รวมประมาณ 13 เที่ยวบิน และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายที่จะเดินทางเข้ามา 2,000-2,500 คน
ปัจจุบันชาวอินเดีย ต้องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ หลังการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศอินเดียดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง และอินเดียมีผู้ฉีดวัคซีนแล้ว 1,041 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 74 ของจำนวนประชากรของประเทศในจำนวนนี้ฉีดครบโดสแล้วจำนวน 315 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 22 ของผู้ได้รับวัคซีนส่วนใหญ่ โดยเป็นวัคซีน Covishield และ Covaxin ซึ่งผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขประเทศไทยแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี