ไทยผวา! พบผู้ติดเชื้อชาวอเมริกัน
‘โอไมครอน’รายแรก
มาจากสเปนแวะต่อเครื่องดูไบ
กัก 19 จนท.โรงแรม-สนามบินเสี่ยง
‘บิ๊กตู่’มั่นใจระบบสาธารณสุขคุมอยู่
สธ.ชี้ระบาดเร็ว 2-5 เท่าป่วยคล้ายหวัด
ย้ำจังหวัดชายแดนใต้คัดกรองเข้ม
ก.สาธารณสุขแถลงยืนยันพบนักธุรกิจสัญชาติอเมริกัน วัย 35 ปี เดินทางมาจากสเปนติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในไทย จากการตรวจด้วยวิธี RT-PCR ผ่านเข้ามาทางระบบ Test and Go เปิดไทม์ไลน์พบฉีดวัคซีนจอห์นสันฯ ครบ 2 โดส อาการน้อย จนแทบไม่มี สั่งเฝ้าระวัง 19 คนสัมผัสใกล้ชิดเป็นพนักงานโรงแรม-เจ้าหน้าที่สนามบิน
อธิบดีกรมควบคุมโรคเผยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ระบาดเร็วกว่าเดลต้า 2-5 เท่า ผู้ป่วยไม่ต้องเข้ารักษาตัวในรพ. และยังไม่มีรายงานเสียชีวิต ด้านนายกฯ ทราบเรื่องแล้ว แต่ยังเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขไทย เล็งถกในศบค.ติดตามสถานการณ์ ส่วนยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,000 ราย เสียชีวิต 22 ราย
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในประเทศไทยประจำวัน รวมถึงความคืบหน้าการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน”รายแรกในไทย
ติดเชื้อเพิ่ม4พัน-ตาย22ราย
โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ของไทยวันนี้เพิ่มขึ้น 4,000 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 3,811 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 155 ราย ติดเชื้อจากผู้เดินทางต่างประเทศ 7 ราย และติดเชื้อในเรือนจำ/ที่ต้องขังเพิ่ม 27 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,116,378 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563จำนวน 2,145,241 ราย หายป่วยเพิ่มวันนี้ 6,450 ราย หายป่วยสะสม 2,027,839 ราย หายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,055,265 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตมี 22 คน เสียชีวิตสะสม 20,872 คน เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 รวม 20,966 คน ส่วนผู้ป่วยรักษาอยู่ 69,010 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 33,850 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่น 35,160 ราย อาการหนัก 1,259 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 330 ราย
โดยผู้เสียชีวิต 22 คนนั้น เป็นคนไทย 20 ราย เมียนมาและจีนอย่างละ 1 ราย กรุงเทพมหานคร (กทม.) เสียชีวิต 2 ราย สมุทรปราการ 2 ราย ชลบุรี 3 ราย กาญจนบุรี 2 ราย ฉะเชิงเทรา ระยอง สมุทรสงครามและราชบุรีอย่างละ 1 ราย ตรังและสงขลาอย่างละ 2 ราย กระบี่และปัตตานีอย่างละ 1 ราย จาก 2 ราย นครราชสีมา 1 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 7 ราย แบ่งเป็น รัสเซีย มัลดีฟส์ สหราชอาณาจักร สวีเดนและเบลเยียมอย่างละ 1 ราย กัมพูชา2 ราย
กทม.ยังรั้งติดเชื้อที่1-นครฯแซงขึ้นที่2
ศบค.ยังระบุอีกว่า สำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่สูงสุด อันดับ 1 ยังคงเป็นกทม.ติดเชื้อใหม่วันนี้ 782 ราย ยอดสะสม 426,786 ราย 2.นครศรีธรรมราช 333 ราย ยอดสะสม 42,763 ราย 3.สงขลา 221 ราย ยอดสะสม 62,711 ราย 4.ชลบุรี 150 ราย ยอดสะสม 108,643 ราย 5.สุราษฎร์ธานี 144 ราย ยอดสะสม 26,515 ราย 6.ปัตตานี 108 ราย ยอดสะสม 46,695 ราย 7.เชียงใหม่ 96 ราย ยอดสะสม 27,137 ราย 8.ประจวบคีรีขันธ์ 95 ราย ยอดสะสม 18,700 ราย 9.สมุทรปราการ 89 ราย ยอดสะสม 129,362 ราย 10.พัทลุง 89 ราย ยอดสะสม 12,228 ราย
ฉีดวัคซีนสะสมแล้ว95.4ล้านโดส
ขณะที่จำนวนผู้รับวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์- 5 ธันวาคม รวม 95,437,744 โดส ใน 77 จังหวัด จำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 49,223,323 ราย เข็มที่ 2 สะสม 42,473,758 ราย และเข็มที่ 3 สะสม 3,740,663 ราย
สธ.ยันพบติดโอไมครอนรายแรกในไทย
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แถลงข่าวความคืบหน้าการติดตามการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในประเทศไทยว่า ผลสอบสวนโรคเบื้องต้นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน รายแรกของไทย เป็นชายอายุ 35 ปี สัญชาติอเมริกันอาศัยอยู่ที่สเปนเป็นเวลา 1 ปี อาชีพนักธุรกิจ ไม่มีโรคประจำตัวและผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขติดตามตรวจสอบเรื่องการกลายพันธุ์มาตลอด ตรวจสอบทุกสัปดาห์ สัปดาห์ล่าสุดระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน-3 ธันวาคม ตรวจไปเกือบ 800 ตัวอย่าง ในประเทศไทยเกือบ 100% ยังเป็นเชื้อเดลตาสูงสุดภาพรวมในไทยเป็นเดลตา 99.87% ส่วนเบตาน้อยมากอยู่ในชายแดนใต้ ส่วนคนที่มาจากต่างประเทศตั้งแต่เปิดประเทศนั้น เฝ้าระวังตามช่องทางอนุญาตยังพบเดลตาเป็นส่วนใหญ่ มีอัลฟาเพียง 1-2 ราย
แจงยิบขั้นตอนตรวจละเอียดซับซ้อน
นพ.ศุภกิจยังชี้แจงถึงการตรวจสอบหาสายพันธุ์ว่า การจะบอกสายพันธุ์ จะสุ่มตรวจในกลุ่มเสี่ยงทั้งคลัสเตอร์ไม่รู้สาเหตุ อยู่ชายแดน เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งการตรวจสายพันธุ์จะมี 3 ระดับ คือ ระดับแรก ตรวจด้วย RT-PCR เร็วสุดง่ายสุด ตรวจตำแหน่งยีนเฉพาะ แต่ต้องพัฒนาน้ำยาเฉพาะตรวจจับใช้เวลา 1-2 วัน จากนั้นหากตัวอย่างนั้นสงสัย ยิ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ต้องตรวจให้แน่ชัดที่เรียกว่า การตรวจ Target sequencing แต่เป็นการตรวจบางส่วน หากจะให้สมบูรณ์ด้วยการตรวจทั้งตัว เรียกว่า Whole genome sequencing ใช้เวลา 5-7 วัน แต่เมื่อต้องใช้เวลาเร่งด่วน กรมวิทย์ฯพัฒนาเทคนิคตรวจคัดกรองโอมิครอน เพื่อความรวดเร็วขึ้น โดยใช้คาแรกเตอร์แต่ละสายพันธุ์ หากพบการหายไปของตำแหน่ง HV69-70 ก็สันนิษฐานเป็นอัลฟา ส่วน K417N สันนิษฐานเป็นเบตา และหากเจอ L452R เป็นเดลตา
แถลงช้าเพราะรอเชื้อมาตรวจซ้ำ
“สำหรับสายพันธ์โอมิครอนนั้น มีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่งเป็นลูกผสม ดังนั้น หากเจอHV69-70 และK417N ให้สันนิษฐานว่า เป็นโอมิครอน โดยตัวอย่างที่ส่งมาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาแบบ Test&Go ซึ่งนำตัวอย่างจากรพ.คู่สัญญาที่ตรวจมาส่งให้ กรมวิทย์ฯ จึงสรุปว่า อาจเป็นโอมิครอน และแจ้งกรมควบคุมโรคให้เร่งสอบสวนโรค แต่ด้วยเป็นรายแรก หากรีบออกมาบอกเลยโดยไม่ตรวจจีโนมทั้งตัว หากไม่ใช่จะยุ่ง เราจึงตรวจเพิ่มเติม ที่ตรวจมาเดือนเศษมี 1 รายที่มีโอกาสเป็นโอมิครอน โดยตัวอย่างนี้เป็นชาวอเมริกัน เดินทางมาจากสเปน และอยู่ใน Test and go ซึ่งจากพบ 2 จุดทำให้เข้าข่ายเป็นโอมิครอน จริงๆจะทราบตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ด้วยเชื้อที่นำมาอาจจะน้อย เมื่อมาถอดรหัสพันธุกรรมทำให้ข้อมูลไม่สมบูรณ์ จึงขอตัวอย่างมาใหม่ พบมีเชื้อมากขึ้นในตัว จึงให้ผลเหมือนเดิม”นพ.ศุภกิจกล่าว และยืนยันว่า เมื่อได้ตัวอย่างมาตรวจเพิ่ม มีโอกาสเป็นโอมิครอนร้อยละ 99.92 แต่เราจะตรวจเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ยืนยันอีกครั้ง และจะมีเครือข่ายแล็บอื่นช่วยยืนยันด้วย
เชื่อเจอรายแรกจะมีอีกอย่าตกใจ
นพ.ศุภกิจยังระบุด้วยว่า เบื้องต้นถือเป็นโอมิครอนรายแรกที่ตรวจพบในประเทศไทย และที่สำคัญเราทราบจากการตรวจ RT-PCR จึงต้องพิจารณาหากจะยกออกไป ส่วนเคสอื่นยังไม่มี อย่าเพิ่งไปลือกัน ทั้งนี้ เมื่อมีรายแรก ก็เชื่อว่าจะมีรายอื่นอีก ขออย่าตกใจ ต้องเตรียมพร้อม เพราะหลายประเทศเจอ จะเว้นไทยประเทศเดียวคงไม่ได้ และขอให้ศูนย์ทางใต้ตรวจเข้มมากขึ้น เพราะมีชายแดนติดมาเลเซีย ซึ่งก็เจอเชื้อแล้ว
ไทยเป็นปท.47โลกพบป่วยโอไมครอน
นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคแถลงเพิ่มเติมถึงไทม์ไลน์ชาวต่างชาติติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่ตรวจพบในประเทศไทยรายแรกว่า ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนแล้ว 46 ประเทศ และคงเติมไทยเป็นประเทศที่ 47 ซึ่งแบ่งการติดเชื้อออกเป็น 1.ติดเชื้อในประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ รวมแล้วมี 15 ประเทศ 2.การติดเชื้อจากผู้เดินทางเข้ามี 31 ประเทศรวมถึงไทย พบติดเชื้อจากผู้เดินทางเข้ามา และองค์การอนามัยโลกประกาศว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากโอไมครอน
เป็นนักธุรกิจอเมริกันวัย35มาจากสเปน
สำหรับเคสยืนยันรายแรกว่าเป็นโอไมครอนนั้น เป็นชายอายุ 35 ปีสัญชาติอเมริกัน อาศัยอยู่ในสเปนมา 1 ปี เป็นนักธุรกิจ ไม่มีโรคประจำตัว และเป็นผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ เดินทางมาประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนโดยวันที่ 28 พฤศจิกายนตรวจเชื้อด้วย PCR แต่ไม่พบเชื้อ จึงเดินทางมาไทย ตรงตามเกณฑ์ของไทยว่า จะเข้ามาต้องตรวจเชื้อก่อน 72 ชั่วโมงไม่พบจึงเข้ามาได้ มาถึงเราตรวจอีกครั้งและพบเชื้อวันที่ 1 ธันวาคม และส่งยืนยันกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เช่นกัน รายนี้อาการน้อยมาก แทบไม่มีอาการ
คร.เฝ้าระวังคนสัมผัสเสี่ยงต่ำ
“คนนี้ไม่มีอาการ และไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ตอนแรกรับผลเลือด ผลเอกซเรย์ปกติ แต่ตรวจเจอเชื้อ อย่างไรก็ตาม เราตรวจสอบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหรือไม่ พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ เนื่องจากคนไข้คนนี้ค่อนข้างระมัดระวังตัว ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ตอนนั่งเครื่องบินนั่งคนเดียว ไม่มีคนนั่งข้างๆ ตอนมาอยู่โรงแรมทำ Test and Go เขาสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ซึ่งกรมควบคุมโรค (คร.)ติดตามเฝ้าระวังผู้มีประวัติใกล้ชิดทั้งหมด ขณะนี้ทุกคนที่เราตรวจสอบอาการปกติ ไม่เจอเชื้อ แต่จะติดตามต่อเนื่องตลอดระยะฟักตัวของเชื้อ”นพ.โอภาส กล่าว
ระบาดเร็ว2-5เท่าอาการคล้ายหวัดใหญ่
อธิบดีกรมควบคุมโรคยังแถลงความคืบหน้าการตรวจสอบลักษณะการระบาดของเชื้อโควิดโอไมครอนว่า เป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดเร็ว 2-5 เท่า ส่วนใหญ่อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือไม่มีอาการ หรืออาการน้อย แยกยากจากสายพันธุ์อื่นทั้งเดลตา อัลฟา แกมมา ลักษณะติดเชื้อแยกยาก แต่ที่มีรายงานจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่ไม่ต้องเข้ารักษาในรพ. และไม่มีรายงานเสียชีวิต สิ่งสำคัญขณะนี้มาตรการที่องค์การอนามัยโลก และ CDC สหรัฐฯแนะนำคือ ฉีดวัคซีนป้องกันให้ครอบคลุมมากที่สุด ขณะนี้ไทยฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 95 ล้านโดส โดยเฉพาะคนฉีดเข็ม 1 ในคนไทยครอบคลุมเกิน 75% แล้ว และเข็มที่ 2 เกิน 60กว่า% และขณะนี้กำลังบูสเตอร์โดสเข็ม 3 ขอให้รอฟังประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่า ครบ 2 เข็มเดือนไหน และจะให้ฉีดบูสเตอร์โดสเมื่อไหร่ คาดว่าเดือนธันวาคม 2564 - มกราคม 2565 จะฉีดบูสเตอร์โดสมากที่สุด
เปิดไทม์ไลน์รายแรกของไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อโควิด-19สายพันธุ์โอไมครอน รายแรกของไทยนั้น เป็นชายอายุ 35 ปี สัญชาติอเมริกันอาศัยอยู่ที่สเปนเป็นเวลา 1 ปี อาชีพนักธุรกิจ ไม่มีโรคประจำตัวและผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ ได้รับวัคซีน วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 1 เข็ม จากสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน โดยการเดินทางของผู้ป่วยรายนี้เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ตรวจ PCR ที่สเปนผลไม่พบเชื้อหลังจากนั้นไปทานข้าวกับเพื่อน วันที่ 29 พฤศจิกายน บินจากสเปนไปดูไบพักที่ดูไบ 9 ชั่วโมง ซึ่งไม่ได้พูดคุยกับใครสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา วันที่ 30 พฤศจิกายน 25564 บินจากดูไบมากรุงเทพฯ หลังจากลงเครื่องในเวลา 24.00 น. ได้เก็บตัวอย่างแบบ Drive thru ที่โรงพยาบาลคู่สัญญาและกลับเข้าโรงแรม จากนั้นวันที่ 1 ธันวาคมรับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าตรวจพบเชื้อโควิด ต่อมาวันที่ 3 ธันวาคม ส่งตัวอย่างเชื้อตรวจยืนยันที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งนี้ ผู้สัมผัสผู้ป่วยทั้งหมดที่โรงแรมมี 17 คน พนักงานสนามบิน 2 คน แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากติดสายพันธุ์โอไมครอน และผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรืออาการน้อยคล้ายโรคไข้หวัด
นายกฯทราบแล้วยังเชื่อมั่นระบบสธ.ไทย
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมรับทราบจากกระทรวงสาธารณสุขถึงการตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของไทย เป็นการติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่เดินทางมาจากสเปน จากระบบ Test to Go ถือว่าไทย เป็นอันดับที่ 47 ของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน หลังจากตรวจตัวอย่างพบความเข้ากันได้กับจีโนมของโอไมครอนสูงถึง 99.92% อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขยังยืนยันว่า สายพันธุ์ส่วนใหญ่ที่พบขณะนี้ ในไทยยังเป็นสายพันธุ์เดลตา 65.97% สายพันธุ์อัลฟา 32.48% และสายพันธุ์เบตา 1.54% ทั้งนี้ นายกฯจะหารือกับสธ.และคณะแพทย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ปรึกษา เพื่อติดตามสถานการณ์โควิดใกล้ชิด ขณะนี้ยังไม่เปลี่ยนแนวทางหรือนโยบาย ซึ่งทุกอย่างต้องนำเข้าที่ประชุม ศบค.ครั้งต่อไป ทั้งนี้ นายกฯเชื่อมั่นระบบสาธารณสุขไทย มีกระบวนการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และคัดกรองที่มีประสิทธิภาพและเข้มข้นสูง สามารถวินิจฉัยผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อได้เร็ว ขอให้ประชาชนตระหนักแต่อย่าตระหนก โดยคณะแพทย์ไทยและทั่วโลกยังยืนยันการยึดหลักอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ด้วยมาตรการป้องกันติดเชื้อแบบครอบจักรวาล Universal Prevention เป็นการป้องกันตนเองขั้นสูงสุดตลอดเวลาให้ปลอดภัยจากโควิด ได้ทุกสายพันธุ์ นายกฯยังฝากให้ประชาชนที่ยังลังเลยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ขอความร่วมมือให้รีบเข้ามาฉีดวัคซีนที่รัฐจัดหาให้ รวมทั้งสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว ก็ขอให้ติดตามการประกาศข้อแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุข สำหรับเข้ารับฉีดวัคซีนบูสเตอร์ในระยะเวลาที่เหมาะสม
มท.สั่ง5จว.ใต้เข้มคัดกรองโควิด
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนเกี่ยวกับการสั่งการและประสานผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สถานการณ์ระบาดของโควิดในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังต้องเฝ้าระวัง และเกิดการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในมาเลเซีย มีแนวโน้มอาจแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวเข้าไทยได้ ตนจึงกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล เน้นย้ำการปฏิบัติโดยใช้กลไกฝ่ายปกครองและผู้นำชุมชน บริหารสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ตามแนวทางปฏิบัติของศบค. และมาตรการสกัดการระบาดของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด อาทิ วิธีป้องกันติดเชื้อโควิดขั้นสูงสุด (Universal Prevention) และมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมาฉีดวัคซีนมุ่งเน้นกลุ่ม 608 และประชาชนทั่วไป กำหนดจุดรับบริการฉีดวัคซีนทั้งรูปแบบ On - Site และรูปแบบ Mobile unit อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับผู้ที่ไม่ประสงค์จะฉีดวัคซีนด้วย
ส.อ.ท.ขออย่าตระหนกถึงขั้นปิดประเทศ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีตรวจพบผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของไทยว่า ไม่อยากให้ทุกฝ่ายต้องตื่นตระหนก จนถึงขนาดต้องกลับมาปิดประเทศอีกครั้ง เนื่องจากหากมีการปิดประเทศอีก เศรษฐกิจที่กำลังค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น จะกลับมาช็อกจะยิ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง เพราะฉะนั้นการปิดประเทศ ไม่ถือเป็นการตอบโจทย์แล้ว ต้องหาวิธีที่ทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกันได้ ซึ่งขณะนี้ทางรัฐบาล ก็ประกาศแล้วว่า กระทรวงสาธารณสุข จะติดตามเฝ้าระวัง ตรวจสอบอย่างเข้มข้น เป็นเรื่องที่ดี ที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด
“ตอนนี้ดูตัวเลขคนป่วย เริ่มลดลงแล้ว คนหายป่วย ก็มากกว่าคนป่วย คนเสียชีวิต ก็เริ่มลดลง สถานการณ์ทุกอย่างค่อยๆดีขึ้น สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น การฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง ตอนนี้เศรษฐกิจของไทย เริ่มค่อยๆ ดีขึ้น ล่าสุดผมลงพื้นที่ไปภูเก็ต คนภูเก็ต เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว หลายๆ พื้นที่ก็ค่อยๆดีขึ้น แปลว่า เรากำลังมาถูกทางแล้ว” ประธาน ส.อ.ท. กล่าว
อังกฤษติดโอไมครอนสะสม246ราย
ความคืบหน้าสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่โอไมครอนในต่างประเทศ สำนักข่าวต่างประเทศรายงาเชื้อกลายพันธุ์ตัวใหม่ยังระบาดลุกลามไปหลายประเทศ โดยสำนักงานความมั่นคงทางสาธารณสุขอังกฤษเผยว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนอีก 86 ราย ทำให้ยอดผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์นี้สะสมที่ 246 คน คิดเป็นอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ภายในวันเดียว ส่วนยอดผู้ติดเชื้อโควิดโดยรวมช่วงทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 43,992 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วที่ 6,311 คน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ระบุว่า ถ้าอังกฤษไม่ออกมาตรการควบคุมที่เข้มข้นกว่านี้ จะสายเกินไป เพราะทำให้ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แอฟริกาใต้เพิ่มเตียงรองรับป่วยโควิด
ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซาของแอฟริกาใต้เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้สั่งเพิ่มเตียงตามโรงพยาบาลเพื่อรับผู้ติดเชื้อโควิด เนื่องจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนทำให้โควิดในแอฟริกาใต้ระบาดเป็นระลอกที่ 4 แล้ว โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นในอัตราก้าวกระโดดจาก 2,300 คนในวันจันทร์ เป็นมากกว่า 16,000 คนในวันศุกร์ และดูเหมือนว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนจะเป็นสายพันธุ์หลักของผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน 9 จังหวัด ขอให้ประชาชนเร่งมาฉีดวัคซีน ขณะเดียวกัน รัฐบาลกำลังเฝ้าจับตาอัตราติดเชื้อและการเข้าโรงพยาบาล จากการติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน ในระหว่างที่นักวิทยาศาสตร์ในประเทศและทั่วโลกเร่งหาข้อสรุปว่า สายพันธุ์นี้แพร่ง่ายขึ้น ทำให้ป่วยหนักขึ้น และต้านทานต่อวัคซีนที่อยู่ในปัจจุบันหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี