ตำรวจทองผาภูมิ กาญจนบุรี ติดตามขยายผลขบวนการค้ายาเสพติดผ่านโปรแกรมไลเซนเพลส รวบสองสามีภรรยาชาวสงขลา ของกลางไอซ์ 10 กิโลกรัม ซุกช่องลับอีซูซุทรูเปอร์ เมียร่ำให้จนเข่าอ่อน สามีแจ้งผมนักเลงพอ เมียกับลูกผมไม่เกี่ยว สารภาพทำมาแล้วหลายครั้ง ส่วนใหญ่ส่งให้ลูกที่อำเภอไชยา สุราษฎร์ธานี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี, พ.ต.อ.สันติ พิทักษ์สกุล ผกก.สภ.ทองผาภูมิ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธีรพร วิจิตรบรรณการ รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ วิเศษสิงห์ รอง ผกก.ป.ฯ, พ.ต.ต.กฤตญุตม์ นุ่นชูคัน สวป.ฯ, พ.ต.ต.ภาวัต ธรรมวิเศษ สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.วีระชัย เกษเกษร, ร.ต.อ.นิติพัฒน์ น้ำเงินดี รอง สว.สส.สภ.ทองผาภูมิ ติดตามจับกุมคนขับรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุทรูเปอร์ สีเขียว-น้ำตาล หมายเลขทะเบียน ภย 2435 กรุงเทพมหานคร เนื่องจากคนขับซุกซ่อนยาเสพติดเอาไว้ภายในรถยนต์เป็นจำนวนมาก
ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงประชุมวางแผนเพื่อจับกุม โดยการใช้โปรแกรมอัตโนมัติ ไลเซนเพลส เพื่อติดตามสัญญาณว่ารถยนต์คันดังกล่าวใช้เส้นทางใด จนกระทั่งพบว่ารถยนต์คันดังกล่าววิ่งผ่านจุดตรวจสามแยก อ.สังขละบุรี ในเวลา 08.30 น.และขับผ่านจุดร่วมสะพานรันตี หมู่ 1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรีในเวลา 09.51 น. เจ้าหน้าที่จึงประชุมวางแผนเพื่อจับกุมอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ชุดรับผิดชอบจัดรถสะกดรอยติดตามตั้งแต่จุดตรวจสะพานรันตีมาจนถึงจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ คนขับได้เลี้ยวขวาไปทางตัวอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่สะกดรอยไปห่างๆ เพื่อไม่ให้คนขับไหวตัวทัน พร้อมกับรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเป็นระยะๆ
จากนั้นเจ้าหน้าที่อีก 1 ชุดไปตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณถนนสาย 323 บ้านปรังกาสี หมู่ 3 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ ต่อมาเวลาประมาณ 11.30 น.รถยนต์คันดังกล่าวก็มาถึง เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจุดสกัดจึงส่งสัญญาณเรียกให้คนขับหยุดรถ ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ชุดติดตามก็เดินทางมาถึง โดยภายในรถยนต์คันดังกล่าวมาด้วยกัน 3 คน ประกอบด้วยนายสมบัติ (ขอสงวนนามสกุล) คนขับ อายุ 50 ปี อยู่หมู่ 2 ซอยประชาอุทิศ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ส่วนผู้ที่นั่งอยู่เบาะซ้ายคือ น.ส.ชญาพัณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี อยู่หมู่ 1 ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา และมีเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 9 ขวบ นั่งอยู่เบาะหลัง
จากการตรวจค้นอย่างละเอียดครั้งแรกไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่สายลับที่แจ้งมานั้นเชื่อถือได้ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจตรวจค้นอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการหาช่องลับ จนกระทั่งพบยาไอซ์ บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส ห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ และพันด้วยแผ่นพลาสติกใสที่ใช้ใส่อาหารซุกซ่อนอยู่ช่องลับใต้พลาสติกสำหรับรองเท้าเบาะหลัง นับได้ จำนวน 14 ห่อน้ำหนักรวมกัน 10 กิโลกรัมเศษ
เมื่อพบยาเสพติดเจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนายสมบัติ และ น.ส.ชญาพัณ สองสามีภรรยาเอาไว้ ระหว่างนั้น น.ส.ชญาพัณ ได้แต่ร้องให้ออกมาจนเข่าอ่อนซึ่งนายสมบัติ ได้ตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ว่า "ผมลูกผู้ชายพอขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว โดยภรรยาของผมกับลูกสาวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นด้วยแต่อย่างใด" ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้แต่รับฟังและเวทนาเด็กที่มาด้วย โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดของกลางพร้อมคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อขยายผลที่ สภ.ทองผาภูมิ
ต่อมาเวลา 17.00 น.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายสมบัติ การตรวจค้นใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่พบสิ่งของหลายอย่างที่เชื่อว่าสามารถใช้เป็นหลักฐานได้ เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอาไว้เป็นของกลาง จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหา มาที่ สภ.ทองผาภูมิอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ นายสมบัติ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมกับให้การว่า ตนขอยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่ง น.ส.ชญาพัน ภรรยาของตนและลูกสาวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด โดยเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.64 เวลาประมาณ 14.00 น.ตนได้ไปรับยาไอซ์มาจากนายเปียว ไม่ทราบชื่อสกุลจริง โดยติดต่อกันผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ชื่อ “เดียวกุมั้ง ” และ “ค่าเท่ากัน” โดยตนไปรับยาไอซ์บริเวณภายในซอยหมู่บ้านตรงข้ามกับ อบต.หนองลู อ.สังขละบุรี จากนั้นตนได้ซุกซ่อนเอาไว้ช่องลับใต้เบาะหลังที่เป็นกล่องเก็บเครื่องมือ จากนั้นจึงขับรถยนต์กลับมาที่บ้านพัก
ต่อมาเวลา 08.00 น.ของวันที่ 9 ธ.ค. ตนกับภรรยาและลูกสาวไปขับรถไปหาหมอที่ รพ.สหคริสเตียนแม่น้ำแควน้อย หลังจากพบหมอแล้วเสร็จจึงขับรถยนต์มาที่ อ.ทองผาภูมิ เพื่อไปทำธุระที่ ร้านรับส่งพัสดุแฟลส และได้แวะส่งภรรยาไปทำธุระกรรมทางการเงิน ที่ธนาคารออมสิน เมื่อทำธุระเสร็จ จึงขับรถมุ่งหน้าไปส่งยาไอซ์ให้กับลูกค้าที่นัดหมายกันเอาไว้บริเวณใกล้ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งท้องที่บ้านหนองสามพราน หมู่ 9 ต.วังด้ง อ.เมืองกาญจนบุรี เมื่อทำงานสำเร็จจะได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 40,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ตนรับค่างมาก่อนแล้วจำนวน 29,000 บาทและเวลาประมาณ 19.55 น.ผู้จ้างได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารมาให้อีก 10,000 บาท
นายสมบัติ ยังยอมรับสารภาพอีกว่าที่ผ่านมาตนทำงานในลักษณะนี้มาแล้ว 6 ครั้งๆละ 1 เดือนโดยจะได้รับค่าจ้างครั้งละ 30,000-40,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นยาบ้า โดยจะนำไปส่งให้กับลูกค้าที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 ซึ่งเป็นยาไอซ์ ระหว่างเดินทางไปส่งให้กับลูกค้าก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเสียก่อน หลังจากผู้ต้องหายอมรับสารภาพ จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา "ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต"
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ต.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี ได้จับกุมตัวนายมานำ (ขอสงวนนามสกุล) และนางวันเพ็ญ หรือเพ็ญ (ขอสงวนนามสกุล) พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 32,000 เม็ดจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนเพื่อขยายผล จนกระทั่งทราบว่านายสมบัติ เป็นผู้นำยาบ้ามาส่งให้ก่อนที่จะถูกจับกุม โดยใช้รถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ ทรูเปอร์ สีเขียว-น้ำตาล หมายเลขทะเบียน ภย 2435 กรุงเทพมหานคร เป็นพาหนะนำยาบ้ามาส่งให้
เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบเส้นทางเดินรถ ด้วยโปรแกรมไลเซนเพลสของสำนักงาน ป.ป.ส.พบว่า รถคันดังกล่าวเดินทางระหว่าง อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.สงขลา หลายครั้ง ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค.64 ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายสมบัติ พักอาศัยอยู่ที่บ้านในพื้นที่หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี วันที่ 7 ธ.ค.64 พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี จึงเรียกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนประชุมตั้งชุดปฏิบัติการขึ้นมาไล่ล่าติดตามและในที่สุดก็สามารถจับกุมตัวนายสมบัติได้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี