“ทุกวันนี้เกษตรกรเป็นคนยุคใหม่ มีความต้องการสิ่งใหม่ๆ ที่แปลกไปจากเดิม มีความเป็นแพชชั่นสูงมาก เพราะฉะนั้นการทำงานในโครงการพระราชดำริก็จะต้องมีการพัฒนาองค์ความรู้ให้สามารถตอบโจทย์คนยุคใหม่ให้ได้มากขึ้น ถ้าเรายังไม่ปรับตัวก็คงจะเข้ากับยุคสมัยของผู้คนในปัจจุบันไม่ได้ เราจึงต้องทำงานให้เข้ากับเกษตรกรยุคสมัยใหม่” นายสัตวแพทย์วิสุทธิ์ เอื้อกิ่งเพชร หัวหน้างานศึกษาและพัฒนาด้านปศุสัตว์ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร กล่าว
ขณะที่สายตาทอดยาวไปยังสุ่มไก่ภายในมีไก่รูปลักษณ์สวยงามอยู่หลายตัวทั้งเพศผู้และเพศเมีย หลายคนเพ่งมองไปที่ขนพินิจพิจารณา และบอกว่าช่างไม่ต่างกับเหยี่ยว ตาสีดำ จะงอยปากดำ หงอนถั่ว แข้งดำ เล็บดำ และสีสันบนลำตัวที่เป็นสีหวายดำแซมน้ำตาลขึ้นเงามันวาวขณะที่หางตั้งแบบแผ่กระจาย ขนเหมือนกับเหยี่ยวจะมองเหมือนขนแฟนซีก็ได้ ทั้งนี้ได้ใช้เวลา 3 ปี ในการพัฒนาพันธุ์ระหว่างไก่ดำภูพาน 1-2 และ 3 เป็นไก่ดำภูพาน 4 คัดเลือกลักษณะสีขน จนได้ขนสี“หวายดำ” หรือน้ำตาลอ่อนแซมด้วยหวายดำแต่ยังคงลักษณะที่โดดเด่นของไก่ดำภูพาน คือ หนังดำ เนื้อดำ กระดูกดำ เลี้ยงง่าย ของเหลือบริโภคในครัวเรือนไก่สามารถกินได้หมด โตเร็ว ทนทานต่อโรคระบาด และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดีและยังเพิ่มเติมลักษณะพิเศษมากขึ้นอีก คือให้ไข่ดกมากขึ้นกว่าเดิม โดยให้ไข่ได้ปีละ 125-130 ฟอง เกษตรกรให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ไก่รุ่นนี้สามารถตอบโจทย์นี้ได้เลย เลี้ยง 4-5 ตัวก็มีไข่ไว้บริโภคได้ตลอด และยังให้ความเพลิดเพลินจากลักษณะสีขนสวยงามอีกต่างหาก
ทั้งนี้ในงานครบรอบ 39 ปีศูนย์ฯระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ได้จัดการฝึกอบรมออนไลน์ 3 หลักสูตร ได้แก่ กระต่ายดำภูพาน ไก่ดำภูพาน และโคเนื้อภูพาน ผ่านระบบออนไลน์ (ZOOM) หลักสูตรละ 93 คน ซึ่งเกษตรกรและประชาชนทั่วไปให้ความสนใจเข้าอบรมเป็นจำนวนมาก มีการลงทะเบียนจองเต็มทุกที่นั่ง ภายในเวลาไม่ถึง 40 นาที และเมื่ออบรมเสร็จจะได้รับใบประกาศนียบัตร และพันธุ์สัตว์จัดส่งตรงถึงที่บ้านอีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมไก่ดำภูพานรุ่นที่ 4 ได้ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ หรือจะขอรับพันธุ์ไก่ไปเลี้ยงต่อก็ได้ เงื่อนไขเดียวคือต้องมีใจรัก รักในการเลี้ยงไก่ และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ส่งมอบเผยแพร่ต่อแก่ผู้อื่นที่สนใจ เพียงนำบัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนใบเดียว มอบให้ฟรีๆ เท่านี้ก็รับไก่ไปเลี้ยงได้เลย”
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ดำเนินงานตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อให้เป็นสถานที่ศึกษา ค้นคว้า วิจัย ค้นหารูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพภูมิสังคม ในลักษณะ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2525 โดยสำนักงาน กปร. ได้สนองพระราชดำริให้การสนับสนุนงบประมาณ ติดตามการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้โครงการสามารถพัฒนาไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ ในการสร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชน และเป็นไปตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอด
ปัจจุบันดำเนินงานมาครบรอบ 39 ปี แล้ว เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 ได้มีการจัดงานในลักษณะ Virtual Exhibition นิทรรศการเสมือนจริง โดยมีนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นประธานพิธีเปิดงาน ในชื่องาน “39 ปี ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ สืบสาน รักษา ต่อยอด เพื่อพัฒนาชีวิตที่ยั่งยืน” ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลห้วยยาง อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร โดยความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ และหน่วยงานร่วมกันจัดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี