แห่กลับบ้านฉลองปีใหม่กระหึ่ม
‘มิตรภาพ’รถติดหนึบ
‘ตร.-อสม.’ร่วมตั้งด่านสกัด
ปฏิบัติการจับพวกเมาแล้วขับ
หวังลดอุบัติเหตุการสูญเสีย
ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาฉลองปีใหม่อย่างต่อเนื่องถนนมิตรภาพเส้นทางสู่แดนอีสาน รถติดเป็นตังเม ขณะที่ตำรวจ-อสม.ร่วมตั้งด่านสกัดจับพวกเมาแล้วขับ ส่วนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติระบุ จัดส่งรถกู้ชีพ 65 คัน ดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวว่า ได้จัดส่งรถยนต์กู้ชีพฉุกเฉิน 65 คัน ออกปฏิบัติงานเตรียมความพร้อมดูแลความปลอดภัยในอุทยานแห่งชาติ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บในกรณีต่างๆ เป็นการเตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว ประชาชน และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ให้สามารถรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้น และนำผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ ส่งต่อสถานพยาบาลอย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ภายในรถติดตั้งอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติตามหลักสูตรการปฐมพยาบาลของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บที่จุดเกิดเหตุได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยบรรเทา และลดการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น สำหรับรถกระบะกู้ชีพฉุกเฉินขับเคลื่อน 4 ล้อจะนำไปประจำการที่ศูนย์กู้ภัยอุทยานแห่งชาติ 2 คันและอุทยานแห่งชาติต่างๆ รวม 63 คัน
ส่งอสม.สกัดเมาแล้วขับ
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ (29 ธันวาคม 2564 – 4 มกราคม 2565) กระทรวงสาธารณสุขได้มีการเตรียมความพร้อมดูแลประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2565 ทั้งด้านการแพทย์และสาธารณสุข และการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนน ซึ่งกรม สบส.ในฐานะหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับเครือข่ายสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย อย่างอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. จึงได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดทำแนวทางการประเมิน และคัดกรองผู้ขับขี่ที่มีอาการมึนเมาสุรา ถ่ายทอดให้เครือข่าย อสม.ที่มีจำนวนกว่า 1.05 ล้านคน ทั่วประเทศ ได้นำไปใช้ปฏิบัติ ณ ด่านชุมชน
พร้อมขอความร่วมมือจากพี่น้อง อสม.ในการร่วมรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ การลดอุบัติเหตุ ภายใต้แนวคิด“ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ ”ให้ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 เกิดการบาดเจ็บ เสียชีวิต จากอุบัติเหตุที่มาจากการมึนเมาสุราของผู้ขับขี่ยานพาหนะเป็นศูนย์ และนอกจากการดูแลความปลอดภัยบนท้องถนนแล้ว ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ พี่น้อง อสม.ก็จะช่วยเฝ้าระวัง สอดส่อง การบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันการกระทำผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุ ต่ำกว่า 20 ปี เพื่อป้องกัน และลดความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ หรือการทะเลาะวิวาทจากการเมาสุราในกลุ่มเยาวชน
ขอความร่วมมือให้ช่วยกัน
นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า บทบาทของ อสม.ประจำด่านชุมชนนั้น นอกจากการร่วมตั้งด่านกับฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว อสม.ยังมีบทบาทในการทดสอบผู้ขับขี่ที่สงสัยว่าดื่มแล้วขับที่อยู่ในชุมชน โดยใช้การสังเกตและประเมินอาการมึนเมาสุราเบื้องต้น โดยการสังเกตลักษณะทางกายภาพ อาทิ มีอาการเดินโซเซ ตาเยิ้มแดง มีกลิ่นสุรา และให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะประเมินอาการมึนเมาสุรา เบื้องต้นด้วย1 ในวิธีการปฏิบัติ ดังนี้
1. “แตะจมูกตัวเอง” ยืดแขนไปข้างหน้าแล้วชี้นิ้วออกไป จากนั้นให้งอศอกและเอานิ้วมาแตะที่ปลายจมูกโดยไม่ลืมตาหากแตะจมูกที่ปลายจมูกไม่ได้แสดงว่าบุคคลนั้นน่าจะอยู่ในภาวะเมาสุรา
2. “เดินแล้วหัน” ยืนตัวตรง เดินสลับเท้าโดยให้สันชิดปลายเท้าเป็นเส้นตรงไปข้างหน้า 9 ก้าว แล้วหันตัวด้วยเท้า 1 ข้าง จากนั้นเดินสลับเท้าแบบส้นชิดปลายอีก 9 ก้าวห ากไม่สามารถเดินให้ส้นเท้าชิดปลายเท้าได้ต้องใช้แขนช่วยพยุงหรือล้มเซ แสดงว่าบุคคลนั้นน่าจะอยู่ในภาวะมึนเมาสุรา
3. “ยืนขาเดียว” ยืนตัวตรง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นจากพื้น 15 เซนติเมตร เริ่มนับ 1000, 1001, 1002… จนกว่าจะครบ 30 วินาที หากตัวเซวางเท้าลง เขย่ง หรือใช้แขนทรงตัวแสดงว่าบุคคลนั้นน่าจะอยู่ในสภาวะมึนเมาสุรา อสม.จะให้นั่งพักและประเมินซ้ำทุกๆ 30 นาที หากอาการไม่ดีขึ้นจะติดต่อให้ญาติมารับกลับที่พักต่อไป
มิตรภาพรถติดยาวเหยียด
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานการเดินทางกลับภุมิลำเนาของพี่น้องประชาชนภาคภาคอีสานบนถนนมิตรภาพขาล่องมุ่งหน้าไปยังภาคอีสานตอนบนและตอนล่าง สภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพช่วงผ่านจังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้บนถนนมิตรภาพเริ่มมีปริมาณรถยนต์จำนวนมากทยอยเดินทางมุ้งหน้ากลับสู่ภูมิลำเนาทางภาคอีสาน ส่งผลให้การจราจรหนาแน่นชะลอตัวสลับหยุดนิ่งช่วงทางขึ้นเขา ขึ้นมอสูง บางจุดเริ่มชะลอตัวสะสมจนเต็มพื้นที่ถนน โดยเฉพาะบริเวณช่วงบริเวณทางขึ้นเขาช่วงตำบลกลางดง - ฟาร์มโชคชัย - ทางเลี่ยงเมืองอำเภอปากช่อง ต่อเนื่องไปยังบริเวณหน้าศูนย์พักพิงสุนัขจรจัด นครชัยบุรินทร์ ซึ่งเป็นจุดแยกที่กรมทางหลวงได้เปิดให้สามารถขึ้นไปใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์-อ.สีคิ้ว ระยะทาง 38 กม. 2 ช่องจราจร ห้ามหยุดรถถ่ายภาพหรือถ่ายเซลฟี่เด็ดขาด โดยมีปริมาณรถขึ้นไปใช้จำนวนมาก ขณะที่ถนนด้านล่างช่วงถนนริมเขื่อนลำตะคองเป็นทางขึ้นมอมีปริมาณรถมากเคลื่อนตัวช้าๆ จนถึงช่วงทางต่างระดับ อ.สีคิ้ว บริเวณมอจะบก ปริมาณรถมากชะลอตัว ส่วนเส้น 304 กบินทร์บุรี - นครราชสีมา ปริมาณรถมากเช่นเดียวกัน เกิดการติดขัดสะมช่วงทางขึ้นเขา ต.บุพรามห์ อ.นาดี - อ.วังน้ำเขียว เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เจ้าหน้าที่ ตำรวจต้องทำงานอย่างหนัก ประกอบกับรถบรรทุกวิ่งขึ้นเขาช้าๆ รถเกิดการสะสม ขณะเดียวกันช่วงลงเขาเป็นทางชันมีปริมาณรถมาก
ขณะที่มาถึงช่วงเข้าเขตตัวเมืองนครราชสีมาบริเวณถนนบายพาสเลี่ยงตัวเมืองนครราชสีมาช่วงตั้งแต่ทางต่างระดับถึงบริเวณหน้าปั๊ม ปตท. มุ่งหน้าไปยัง ต.จอหอ ระยะทางตั้งแต่ กม.1-3 กม.เริ่มมีปริมาณรถมากหนาแน่นเต็มพื้นที่ถนนและมีการแซงซ้ายวิ่งไหล่ทางถึงจุดกลับรถซึ่งตำรวจ สภ.โพธิ์กลางฯ ยังไม่มีการปิดช่องกลับรถทำให้ปริมาณรถเกิดการสะสมติดขัดเป็นระยะทางยาว และไปติดขัดหนาแน่นบริเวณทางข้ามถนน กม.ที่ 15 จนส่ง ต.จออ ปริมาณรถมากชะลอตัวเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ 40-50 กม./ชม. และไปเกิดการชะลอตัวบริเวณทางต่างระดับบ้านหองกระดังงา กม.ที่ 18 – 19 หน้าโรงเรียนมหิศราธิบดี รถมากแต่เคลื่อนตัวได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ตร.จอหอ แขวงการทาง นำกรวยยางมาวางเรียงเตรียมเปิดช่องทางพิเศษ คาดว่าในช่วงเย็น ค่ำถึงเช้าของวันพรุ่งนี้ปริมาณรถจะมากขึ้นเป็น 2-3 เท่าตัว ทั้งนี้แต่โดยรวมสภาพการจราจรขณะนี้ก็ยังเคลื่อนตัวได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี