“เชียงใหม่” ขอความร่วมมือประชาชนลดการเคลื่อนไหวและงดกิจกรรมรวมกลุ่มในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ลดการแพร่ระบาด พร้อมขอให้กลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 โดยเร็ว เสนอปิดร้านอาหารที่พบการแพร่ระบาด เป็นเวลา 7-14 วัน เพื่อทำความสะอาดและคัดกรองหาเชื้อ
6 มกราคม 2565 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ (ผวจ.เชียงใหม่) มอบหมายให้นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ และแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่ผ่านมา
นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในช่วงนี้จังหวัดเชียงใหม่ พบการระบาดเหมือนกับพื้นที่อื่นๆของประเทศและโลก ซึ่งเป็นสายพันธุ์โอมิครอนเป็นหลัก โดยเฉพาะหลังเทศกาลปีใหม่ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย โดยในวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 298 ราย ถือเป็นตัวเลขที่ทรงตัว ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระบบการรักษาแบบ Home Isolation ทั้งหมด 316 ราย ซึ่งระบบนี้ยังคงรองรับผู้ติดเชื้อได้ เพราะก่อนหน้านี้เคยรองรับได้กว่า 4,000 รายมาแล้ว และการระบาดในระลอกนี้เป็นสายพันธุ์โอมิครอนกว่าครึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด
อย่างไรก็ตามยอดผู้ป่วยหนักไม่ได้เพิ่มมากขึ้นตามจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ เนื่องจากสายพันธุ์โอมิครอนจะสามารถแพร่กระจายและติดเชื้อได้เร็ว แต่มีความรุนแรงไม่มาก ขณะนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้เร่งดำเนินการควบคุมโรคอย่างใกล้ชิด และคาดว่าการระบาดในระลอกนี้จะใช้ระยะเวลาไม่นาน
“ขอให้ประชาชนชาวเชียงใหม่สังเกตอาการตนเอง ลดการเคลื่อนไหว งดกิจกรรมรวมกลุ่มกัน ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ และให้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันของตนเอง และลดความรุนแรงจากเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ ซึ่งทางจังหวัดเชียงใหม่ยังคงเปิดให้ประชาชนสามารถ Walk in เข้ารับการฉีดวัคซีนได้อย่างต่อเนื่อง” นายแพทย์จตุชัย กล่าว
ด้านนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการติดตามสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน มีการติดตามวางแผนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในจังหวัดเชียงใหม่ โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่มีประชาชนเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับมีชาวเชียงใหม่ก็เดินทางไปต่างจังหวัดมากเช่นกัน และมีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมสังสรรค์ต่างๆ ซึ่งทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกมาตรการสอดรับนโยบายของรัฐบาล โดยการให้หน่วยงานราชการต่างๆ และขอความร่วมมือหน่วยงานเอกชน Work Form Home เป็นระยะเวลา 14 วัน และขอความร่วมมือสถานประกอบการลดจำนวนพนักงานทำงานในบริษัทลง เพื่อลดความแออัด แต่ต้องไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน พร้อมกันนี้ได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงดกิจกรรมรวมกลุ่มจำนวนมาก และแจ้งสั่งการให้หน่วยงานสาธารณสุขเตรียมพร้อมรองรับผู้ป่วย
“ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่พบว่าเป็นกลุ่มที่ไปใช้บริการที่ร้านจำหน่ายอาหารซึ่งเปิดให้บริการดื่มแอลกอฮอล์ได้ ด้วยเหตุนี้จะได้เสนอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่พิจารณาสั่งปิดร้านอาหารที่พบข้อมูลการแพร่ระบาด และไม่ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting โดยจะสั่งปิดเป็นเวลา 7-14 วัน เพื่อทำความสะอาด คัดกรองตรวจหาเชื้อในกลุ่มพนักงาน หากไม่ดำเนินตามมาตรการ COVID Free Setting จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และเน้นย้ำร้านอาหารให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด” นายวรวิทย์ กล่าว
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนร้านอื่นๆจะเพิ่มความเข้มงวด เช่น งดการใช้เครื่องปรับอากาศในห้องอาหารที่มีขนาดจำกัด การตรวจ ATK พนักงานในร้านเป็นประจำทุก 3 วัน และตรวจ ATK ผู้ที่เข้าใช้บริการด้วย และจะได้มีการประกาศขยายเวลางดเรียน On-Site ต่อไปอีก 1 สัปดาห์ เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล งดการไปนั่งทานอาหารในร้านที่เป็นมุมอับ งดการรวมกลุ่ม และระมัดระวังตนเอง ตามมาตรการ D-M-H-T-T-A อย่างเคร่งครัด
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี