“ทร.” เผยพบหลักฐาน “ขยะ-อาหาร”ใน “เรือปริศนา” ด้าน “ศรชล.ภาค 2” ตั้งกรรมการสอบสวนหาเจ้าของ ประสานสิงคโปร์-สหรัฐ หาประวัติ เชื่อยากที่เจ้าของจะแสดงตัว เหตุต้องจ่ายเงินค่ากู้เรือหลักล้านเอง ยันกองทัพเรือไม่คิดจมเรือ เพราะต้องการสอบสวนข้อเท็จจริง หวั่นเป็นเรือผิดกฎหมาย ระดมเรือทันสมัย-ยานใต้น้ำสำรวจเพิ่ม
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 10 มกราคม 2565 ที่หอประชุมกองทัพเรือ พลเรือตรี อิทธิพัทธ์ กวินเฟื่องฟูกุล โฆษกศูนย์อํานวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) แถลงกรณีที่ตรวจพบเรือ Fin Shui Yuan 2 ลอยตามกระแสน้ำเข้ามาบริเวณพื้นที่รับผิดชอบของ ศรชล.ภาค 2 ห่างจากฝั่ง จ.นครศรีธรรมราช ไปทางทิศตะวันออก ระยะทางประมาณ 80 ไมล์ทะเล ว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค. เวลา 15.40 น. เรือ Fin Shui Yuan 2 ได้ถูกตรวจพบห่างจากฝั่ง จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 142 กิโลเมตรโดยเจ้าหน้าที่ของแท่นผลิตไพลินเหนือ ของบริษัท เชฟรอน (ประเทศไทย) สํารวจและผลิต จํากัด ขณะที่เรือดังกล่าวกําลังลอยตามกระแสน้ำและลม เข้ามาใกล้พื้นที่ปลอดภัยของแทนขุดเจาะตรวจสอบ ซึ่งจากสายตาพบว่าลักษณะตัวเรือเอียงและไม่พบการปฏิบัติงานบนเรือของลูกเรือ
หลังจากที่ศรชล.ภาค 2 ได้รับแจ้ง จึงสั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 2 จัดกําลังทางเรือและอากาศยานไร้คนขับ เข้าปฏิบัติการตรวจสอบ พบว่า ไม่มีลูกเรืออยู่บนเรือ ชื่อเรือ เลขเรือ และเอกสารทั้งหมดไม่ปรากฏ อุปกรณ์เดินเรือทั้งหมดบนสะพานไม่สามารถใช้งานได้มีเพียงไฟแบตเตอรี่ที่ทํางานได้ ทําให้ไฟยอดเสายังติดอยู่ มีเชือกขนาด 5 นิ้วผูกติดที่หัวเรือ ห้องเครื่องจักรใหญ่ และเครื่องไฟฟ้าถูกน้ำท่วมขังทั้งหมด รวมทั้งยังคงมีน้ำเข้าบริเวณระวางห้องเครื่องจักรใหญ่ต่อเนื่อง ไม่เห็นตัวเครื่องและไม่สามารถลงสํารวจได้
พลเรือตรี อิทธิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกันได้ทําการตรวจสอบข้อมูลของเรือดังกล่าวในระบบ Sea vision และระบบ MISC แล้วพบว่าไม่มีข้อมูลเรือลําดังกล่าวทั้ง รวมทั้งได้ตรวจสอบสัญญาณ AIS ย้อนหลังไป 90วัน ไม่พบว่ามีการส่งสัญญาณ และมีน้ำท่วมระวางขนถ่ายสินค้า มีกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงกระจายทั่วไป
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 7-8 ม.ค. 2565 ศรชล.ภาค 2 ได้แจ้งให้ทัพเรือภาคที่ 2 โดยเรือหลวงตาปีและเรือหลวงหลีเป๊ะ เข้าพื้นที่ดําเนินการกู้ซ่อมเบื้องต้น เพื่อจะทําการตรวจสอบเพิ่มเติม แต่เนื่องจากสภาพคลื่นลมแรง และมีน้ำเข้าตัวเรือ Fin Shui Yuan 2 ต่อเนื่อง จึงแจ้งให้กรมเจ้าท่า โดยสํานักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 พล็อตตําแหน่งเรือและติดตามสถานการณ์ ออกประกาศชาวเรือให้ระมัดระวังในการเดินเรือ เตรียมการเก็บกู้เรือให้ปลอดภัย ประสานประเทศเจ้าของเรือ และดําเนินการ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย ต่อมาเวลา 23.20 น. ทัพเรือภาค 2ได้แจ้งว่า เรือ Fin Shui Yuan 2 ได้จมลงบริเวณห่างจากชายฝั่ง อ.สิชล ประมาณ 28 ไมล์ทะเล ทางทิศตะวันตก ความลึกน้ำประมาณ 30 เมตร
พลเรือตรี อิทธิพัทธ์ กล่าวอีกว่า จากนั้นในวันที่ 9 ม.ค. เวลา 10.00 น. ศรชล.ภาค 2 ได้รายงานเพิ่มเติมจากเรือหลวงตาปี ตรวจพบคราบน้ำมันลอยเหนือผิวน้ำบริเวณกว้างประมาณ 500 เมตร โดยคราบน้ำมันดังกล่าวมีลักษณะเจือจาง ไม่มีแผ่นหนามาก และสามารถกําหนดจุดเรือจมลงอย่างชัดเจน คราบน้ำมันดังกล่าวไม่น่าจะสร้างความเสียหายและจะสลายไปจากคลื่นลมธรรมชาติ อย่างไรก็ตามขอให้ติดตามการเคลื่อนตัวกับทิศทางและระยะทางที่อาจเข้าเกาะมัดสุมไปจนถึงเกาะสมุย หากมีแนวโน้มส่งผลกระทบทางสํานักงานเจ้าท่า สาขานครศรีธรรมราช พร้อมปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันต่อไป
พลเรือตรี อิทธิพัทธ์ กล่าวว่า การดําเนินการติดตามของศรชล. กรณีเรือ Fin Shui Yuan 2 ได้ประสานให้กรมเจ้าท่า พิจารณาออกคําสั่งกู้เรือตามพ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย ถ้าเกินกําหนดระยะเวลา 15 วันแล้วยังไม่มีเจ้าของเรือมาแสดงตัวและกู้เรือ กรมเจ้าท่าอาจจะพิจารณาในการกู้เรือ และแจ้งให้ศรชล.ภาค 2 ร่วมกับสํานักสืบสวนและสอบสวนกลาง ศรชล. ร่วมกับ สปก.6 ศรชล.(ตํารวจน้ำ) จัดตั้งคณะทํางานสืบสวนสอบสวนที่มาที่ไปของเรือดังกล่าวต่อไป โดยยังคงติดตามสถานการณ์ และการปฏิบัติของหน่วยปกติต่อไป
สําหรับประวัติของเรือ Fin Shui Yuan 2 นั้น จากข้อมูลในระบบ SEA Vision และ MISC นั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเรือ Jin Shui Yuan 2 สัญชาติเรือประเทศจีน เป็นเรือสินค้า มีความยาว 56 เมตร ตรวจพบครั้งล่าสุดในปี 2020 จากการรายงานในระบบ AIS หากได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนจะได้นําเสนอต่อไป
“กระแสข่าวที่ออกมาว่าเรามีเจตนาที่จะทิ้งเรือหรือทำให้เรือจม ไม่เป็นความจริง ไม่เช่นนั้นเราคงไม่นำเรือหลวงตาปี ออกไปลากจูงเข้ามา แต่บังเอิญเรือหลวงตาปีเสียก่อน ยังไปไม่ถึง ไม่ได้ไปสัมผัสตัวเรือลำดังกล่าวเลย จากการสำรวจในเบื้องต้นโดยมนุษย์กบของศูนย์สงครามพิเศษทางเรือที่ดำน้ำลงไป 30 เมตร จุดที่เรือจมทำการผูกทุ่นลอยผิวน้ำ พบระยะห่างจากผิวน้ำกับเรือ 18 เมตร ห่างจากชายฝั่ง อ.สิชล 28 ไมล์ทะเลหรือประมาณ 50 กิโลเมตร เชื่อว่าคงไม่อยากมีใครมาแสดงตัวเป็นเจ้า เพราะต้องชดเชยเงินในการกู้เรือเป็นหลักล้าน แต่เราก็ต้องสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป” พลเรือตรี อิทธิพัทธ์ กล่าว
ด้าน น.อ.ยอดรัก ศิลปดุริยางค์ ตัวแทนกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ กล่าวว่า กรมอุทกศาสตร์ฯจะทำแผนสำรวจเรือหลังจากพบว่าเรือไม่มีการเคลื่อนตัว ซึ่งในกรณีที่คลื่นลมแรง เราจะส่งเรือลำใหญ่ที่เรียกว่าเรือหลวงพฤหัสบดี ซึ่งเป็นเรือสำรวจที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอุปกรณ์สำรวจที่เรียกว่า “มัลติบีม” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางด้านอุทกศาสตร์และสมุทรศาสตร์ในการสำรวจได้อย่างสมบูรณ์ ข้อมูลที่ได้จะเป็นข้อมูลสามมิติ ถูกต้องแม่นยำ ในกรณีที่ลมไม่แรงก็จะใช้เรือลำเล็กกว่า นอกจากนั้นยังมียานยูเอวี ส่งไปใต้น้ำในการพิสูจน์ทราบอีกด้วย
ขณะที่ น.อ.เบญจมาพร วงศ์นครสว่าง ตัวแทนกรมยุทธการทหารเรือ กล่าวว่า กรณีนี้เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่มีเรือไม่ทราบสัญชาติลอยเข้ามาในน่านน้ำทะเล กองทัพเรือดำเนินการตามนโยบายผบ.ทร.ที่มอบหมายให้แก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชน กองทัพเรือได้บูรณาการกับหน่วยงานต่างๆอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ส่งเรือต.113 เรือหลวงตาปี เรือหลวงหลีเป๊ะ และเรือหลวงท้ายเมืองออกไป ซึ่งต่อมาเรือ FIN SHUL YUAN 2 ได้จมลงไปเองแล้ว กองทัพเรือก็จะประสานตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งจากสิงคโปร์ และสหรัฐฯ เพื่อตรวจสอบว่าเรือมาจากไหน และติดตามตรวจสอบย้อนหลังว่ามีเรือลำนี้ในระบบหรือไม่ มีทิศทางมาจากไหน ทำผิดกฎหมายเรื่องใดหรือไม่ และพร้อมให้การสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ กองทัพเรือไม่นิ่งนอนใจ เราจะต้องดำเนินการให้ชัดเจนและเป็นที่เรียบร้อยว่าเรือมาจากไหนอย่างไร
ส่วนนายพิทักษ์ วัฒนพงศ์พิศาล ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ กรมเจ้าท่า กล่าวว่า เมื่อได้รับการประสานจากศรชล.ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. เราก็ให้ความร่วมมือประสานหาตำแหน่งที่ตั้งเรือ โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของการเดินเรือ และสิ่งแวดล้อม พร้องทั้งประกาศให้เรือสินค้าที่ใช้เส้นทางใกล้เคียงระมัดระวัง ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติการเข้า-ออกเรือในประเทศ ไม่พบประวัติเรือดังกล่าว และเรือดังกล่าวเป็นเรือขนส่งสินค้า ไม่ใช่เรือน้ำมัน ส่วนการจัดการคราบน้ำมันนั้น ประเทศมีมาตรการดำเนินการอยู่แล้วตามลำดับในระดับต่างๆ ซึ่งต้องประเมินอีกครั้ง เรือนี้เป็นเรือที่ถูกปล่อยร้างมา มีสินค้าและน้ำมันคงคลังไม่มาก เมื่อเรือจมลงก็ได้ประเมินพบคราบน้ำมันบางๆ ซึ่งเมื่อเจอคลื่นลมน้ำมันจะแตกตัว และเมื่อเจอความร้อนของแดดน้ำมันก็จะระเหยไปเอง
เมื่อถามถึงการสืบค้นที่มาของเรือจะดำเนินการอย่างไร โฆษกศรชล. กล่าวว่า กองทัพเรือได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบโดยศรชล.ภาค 2 เร่งดำเนินการทุกทางโดยเร็ว และรายงานให้รับทราบต่อไป แต่จะเร็วแค่ไหนยังตอบไม่ได้
เมื่อถามว่า เศษอาหารและเศษขยะบนเรือบ่งบอกอะไรได้บ้าง โฆษกศรชล. กล่าวว่า ศรชล.จะนำไปเป็นข้อมูลเพื่อขยายผลต่อไป ซึ่งเรือที่ปรากฏไม่มีฐานข้อมูล มีแต่ชื่อคล้ายๆกัน เราไม่ทิ้งประเด็นว่าเป็นเรือผิดกฎหมายหรือไม่ หรือเป็นเรือใด เพราะเรากลัวเป็นเรือผิดกฎหมาย จึงพยายามจะนำลากเข้าฝั่ง แต่ยังไม่ทันได้ลากเรือก็จมเองไปเสียก่อน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี