17 มกราคม 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด ผ่านทางเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat มีเนื้อหาดังนี้
ทะลุ 328 ล้านไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,852,010 คน ตายเพิ่ม 3,827 คน รวมแล้วติดไปรวม 328,525,336 คน เสียชีวิตรวม 5,557,349 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ฝรั่งเศส อินเดีย อเมริกา อิตาลี และออสเตรเลีย
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 85.85 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 84.37
ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 42.8 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 43.95
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 4 ใน 10 อันดับแรก และ 8 ใน 20 อันดับแรกของโลก
...อัพเดต COVID-19
1. ผลศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวัคซีน BNT162b2 กับ CoronaVac ในมาเลเซีย
Suah JL และคณะ ทำการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ฉีดตั้งแต่แรกๆ ช่วงเมษายนถึงมิถุนายน กับกลุ่มที่ฉีดหลัง ช่วงกรกฎาคมถึงสิงหาคม 2021 แล้วดูประสิทธิภาพที่เกิดขึ้น 1-30 กันยายน 2021 ดูจำนวนเคสติดเชื้อที่เกิดขึ้นในผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
ที่น่าสนใจคือ ประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยจนต้องรักษาในไอซียูนั้น กลุ่มที่ฉีด BNT162b2 นั้น อัตราการป้องกันต่างกันน้อยมาระหว่างกลุ่มที่ฉีดก่อน และกลุ่มที่ฉีดหลัง คือ 86% (ช่วงความเชื่อมั่น 82.8-88.6%) vs 79.3% (ช่วงความเชื่อมั่น 74.3-83.4%)
ส่วนเรื่องประสิทธิภาพในการป้องกันการเสียชีวิตนั้นพอๆ กันคือ 91.4% vs 91.7%
ในขณะที่กลุ่มที่ฉีด CoronaVac นั้น อัตราการป้องกันลดลงอย่างมากระหว่างกลุ่มที่ฉีดก่อน และกลุ่มที่ฉีดหลัง คือ 56.1% (ช่วงความเชื่อมั่น 54.1-60.2%) vs 29.9% (ช่วงความเชื่อมั่น 13.9-43.0%)
ส่วนเรื่องประสิทธิภาพในการป้องกันการเสียชีวิตนั้นต่างกันไม่มากนัก คือ 79.3% vs 76.5%
ผลการศึกษานี้ตอกย้ำให้เห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับคนที่เคยได้รับวัคซีน CoronaVac
ในขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นความสำคัญของนโยบายวัคซีนระดับประเทศว่า หากประกอบกับผลวิจัยอื่นๆ ทั่วโลก mRNA vaccines ดูจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทั้งในแง่ระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น ระยะเวลาคงอยู่ ประสิทธิผลจากการศึกษา และประสิทธิภาพในการใช้ในสถานการณ์จริง
2. ระยะเวลาของการติดเชื้อ Omicron เฉลี่ยแล้วสั้นกว่า Delta เล็กน้อย
Hay JA และคณะ ทำการศึกษาพลวัตรของไวรัส Omicron พบว่า เฉลี่ยแล้ว Omicron มีระยะเวลาการติดเชื้ออยู่ในร่างกาย ตั้งแต่ติดเชื้อแล้วแบ่งตัวเพิ่มขึ้น (Proliferation phase) จนกระทั่งกำจัดเชื้อออกไป (Clearance phase) ราว 9.87 วัน (ช่วงความเชื่อมั่น 8.83-10.9 วัน) ซึ่งสั้นกว่าสายพันธุ์เดลต้าเล็กน้อย โดยเดลต้าจะประมาณ 10.9 วัน (ช่วงความเชื่อมั่น 9.41-12.4 วัน)
อ้างอิง
1. Suah JL et al. Waning COVID-19 Vaccine Effectiveness for BNT162b2 and CoronaVac in Malaysia: An Observational Study. medRxiv. 16 January 2022.
2. Hay JA et al. Viral dynamics and duration of PCR positivity of the SARS-CoV-2 Omicron variant. medRxiv. 14 January 2022.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี