เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ,ม.ค.65 นายจำลอง กลัดดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต. จอมทอง พานางนางสมคิด พรมป้อม อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/2 หมู่ 6 ต.จอมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก หลังจากถูกกลุ่มมิจฉาชีพโทรศัพท์ อ้างตัวเป็นแพทย์สนาม เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก โทรมาบอกว่าลูกชายที่ถูกคุมขังในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก เป็นโควิดรักษาตัวอยู่ และต้องใช้เงินสำหรับในการซื้อยารักษาจากภายนอก จึงได้โอนเงินไปให้มิจฉาชีพดังกล่าวเป็นจำนวน 3650 บาท ซึ่งหลังจากโอนเงิน ก็ได้ทำการตรวจสอบก็พบว่าถูกหลอกให้โอนเงินแล้ว จึงได้เข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก
นายจำลอง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 มีหมายเลขโทรศัพท์ โทรมาหาจำนวน จำนวน 2 สาย แต่ไม่ได้รับ เมื่อกลับมาถึงบ้านตอนเย็นจึงโทรกลับไปยังเบอร์ดังกล่าว แต่ไม่มีการรับสาย ผ่านไปไม่นานเบอร์ดังกล่าวได้โทรกลับมา และแจ้งว่าให้ช่วยติดต่อญาติของ นายเอ นามสมมุติ ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากติดโควิด จึงต้องการติดต่อแม่ของนายเอ (นามสมมติ) ดังกล่าว หลังจากนั้นก็ไปแจ้งให้กับ นางสมคิด ผู้เป็นแม่ของนายเอ ทราบและคุยโทรศัพท์ กับหมายเลขดังกล่าว จนกระทั่งมาทราบว่านางสมคิด โดนหลอกให้โอนเงินไปดังกล่าว จากนั้นจึงได้พานางสมคิดมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวหาคนร้ายรายนี้
นางสมคิด ผู้เสียหาย กล่าวว่า แก๊งมิจฉาชีพดังกล่าว ได้โทรมาหลอกว่าตนนั้นเป็นแพทย์สนามอยู่ที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก แจ้งว่าลูกชายของป้า นายเอ (นามสมมติ) ติดโควิดมา 7 วัน อาการแย่ ทานอะไรไม่ได้ ต้องการเงินไปซื้ออาหารพิเศษ ยา โดยให้โอนเงินไปจำนวน 3,650 บาท ผู้เป็นแม่ทราบว่าลูกติดโควิดเกิดความตกใจ มีความเป็นห่วงลูกชายจึงรีบโอนเงินในวันถัดมาทันที เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา โดยไม่ทันระวัง หลังจากนั้นไม่นานผู้เป็นแม่อยากทราบอาการของลูกชาย จึงโทรไปสอบถามหัวหน้าเรือนจำพิษณุโลกว่า อาการลูกชายเป็นอย่างไรบ้างและสอบถามว่าทางเรือนจำมีการเรียกร้องเงินค่ารักษาโควิดด้วยไหม ปรากฎว่าทางหัวหน้าเรือนจำ บอกว่าลูกชายของป้า นั้นไม่ได้ติดโควิดและไม่มีการเรียกร้องเก็บเงินค่ารักษาแต่อย่างใด เพราะเนื่องจากทางรัฐบาลเขามีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล การดูแลผู้คุมขังอย่างดี จึงมาทราบว่าถูกหลอกอย่างแน่นอน อีกทั้งในช่วงนี้มักมีผู้แอบอ้างจากเรือนจำฯ เหมือนกรณีตน มาหลายรายแล้ว จึงได้มาแจ้งความเพื่อมิให้ผู้อื่นตกเป็นเหยื่อเหมือนตนเอง
พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจภูธรภาค 6 ได้กำชับเรื่องการติดตามกลุ่มมิจฉาชีพหลอกแอบอ้างหลอกให้โอนเงิน ต่างๆนานา เป็นพิเศษ ซึ่งจากตรวจสอบพบว่ามีแก๊งมิจฉาชีพโทรแอบอ้างเป็นหน่วยงานรัฐ ต่างๆ แม้กระทั่งตน ยังเคยถูกแอบอ้างก็ยังมี ซึ่งคดีนี้ตนจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตรวจสอบและเร่งติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากมีหลักฐานในการโอนเงินและหมายเลขโทรศัพท์ รวมทั้งถึงหมายเลขบัญชีที่โอนมีความชัดเจนมาก กำลังเร่งติดตามตัวมิจฉาชีพผู้ก่อนเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด จึงขอฝากประชาชนให้ระมัดระวังแก๊งมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินในรูปแบบต่างๆ ที่กำลังระบาดในช่วงนี้ด้วย เพื่อป้องกันความสูญเสียทรัพย์สินในที่สุด
ด้านนายมงคล จันทะจร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า กรณีมีผู้แอบอ้างเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก หลอกให้ญาติผู้ต้องขังให้โอนเงิน อ้างว่ามีการติดโควิดในเรือนจำนั้น จากการตรวจสอบก็พบว่ามีการแอบอ้างทั้งเรือนจำกลางพิษณุโลก เรือนจำจังหวัด ทัณฑสถานหญิงวังทอง ด้วยกันทั้งหมด ซึ่งมีผู้เสียหายหลายราย เบื้องต้นได้ร่วมกับตำรวจ สภ.วังทอง ในการติดตามหาตัวมิจฉาชีพรายนี้แล้ว ซึ่งอยากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าทางเรือนจำจังหวัด ไม่มีนโยบายในการโทรหาญาติเพื่อให้โอนเงินดังกล่าว ซึ่งทางเรือนจำมีสวัสดิการ และในการรักษาผู้ต้องขังอยู่แล้ว อย่าได้หลงเชื่อมิจฉาชีพให้โอนเงินแต่อย่างใด. -008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี