หน่วยงานอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ เมืองแม่ฮ่องสอน จัดกำลังออกลาดตระเวนรักษาพรรณไม้และสัตว์ป่าในป่าเขตรับผิดชอบติดแนวชายแดนพม่าด้านอำเภอปางมะผ้า ตรวจพบมีการลักลอบนำเข้าโคและกระบือจากพม่าอย่างโจ่งครึ่มโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังนิ่งเฉย ล่าสุดมีการพยายามวิ่งเต้นนำวัวพม่าส่งไปยังเชียงใหม่โดยไม่สนใจคำสั่งของกรมปศุสัตว์ที่ห้ามนำเข้าสัตว์จากพม่าแต่อย่างใด
วันที่ 17 ม.ค.65 แหล่งข่าวในอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา - น้ำตกผาเสื่อ จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยอุทยานฯได้จัดกำลังออกลาดตระเวนเพื่อรักษาพรรณไม้และสัตว์ป่า (สมาร์ทพาโทรล) บริเวณแนวชายแดน พื้นที่บ้านดอยคู ปุงยาม ห้วยส้านใน อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ขณะออกลาดตระเวนได้ตรวจพบมีการลักลอบนำโคและกระบือจากบ้านหัวเมืองในเขตสหภาพเมียนมา เข้ามาในไทยผ่านช่องทาง บ้านดอยคู, ช่องทางบ้านปุงยาม และบ้านห้วยส้านใน เขตพื้นที่ ต.นาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน เป็นจำนวนมาก โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการตรวจสอบหรือจับกุมการนำเข้าโคและกระบือที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด ล่าสุดพบว่าได้มีการต้อนโคและกระบือมาพักไว้ที่ บ้านทุ่งสี่สิบและบ้านไม้ซางหนาม ต.นาปู่ป้อม ขณะที่ราษฎรบ้านห้วยส้านในแจ้งว่าพบโคและกระบือในหมู่บ้านเริ่มป่วยเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยเป็นจำนวนมากเช่นกัน ส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงโคและกระบือในไทยแล้ว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มนักธุรกิจค้าโคและกระบือได้มีการประชุมลับในพื้นที่แห่งหนึ่งของ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เรื่องการเตรียมส่งออกโคและกระบือ จากพื้นที่ ต.นาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า ไปยัง จ.เชียงใหม่ โดยมีการใช้เส้นระดับสูงในกระทรวงหนึ่งที่กรุงเทพฯเพื่อไม่ต้องเสียภาษีให้กับทางศุลกากร โดยอ้างว่าได้เคลียร์กับนายในกรมแล้วซึ่งจะมีการลำเลียงโคและกระบือกว่า 2,000 ตัวที่นำเข้าจากพม่าและมาพักไว้ที่บ้านป่าโหล, บ้านซอแบะ, บ้านปางคอง และบ้านปุงยาม ต.นาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า โดยใช้เส้นทาง สายแม่ฮ่องสอน - ปาย - เชียงใหม่ และเส้นทางสาย แม่ฮ่องสอน - ขุนยวม - อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นอกจากโคและกระบือที่ลอบนำเข้ามาในไทยกว่า 2,000 ตัวแล้วยังมีโคและกระบืออีกจำนวน 200 ตัว ซึ่งอยู่ที่บ้านหนองแดง ตรงข้ามฐานที่มั่นทหารไทย ฐานดอยหลักแต่ง ที่เตรียมลำเลียงเข้ามาสมทบในเร็ว ๆ นี้
แหล่งข่าวพ่อค้าโคและกระบือชาวไทยรายหนึ่งระบุว่า การนำเข้าโคและกระบือตามหลักการในช่วงนี้จะไม่สามารถนำเข้าได้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากมีราชกิจจาของกรมปศุสัตว์ในการห้ามนำเข้าสัตว์จากประเทศเมียนมา เนื่องจากเกรงจะมีการนำเชื้อโรคลัมปีสกินจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาระบาดในไทย แต่ก็พบว่าได้มีกลุ่มพ่อค้าอีกหลายกลุ่มที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถดำเนินการได้โดยต้องจ่ายค่าเคลียร์ต่อตัว ตัวละ 2,400 บาท ขณะที่ต้นทุนโคและกระบือในพม่าตกตัวละ 23,000 – 25,000 บาท โคและกระบือจำนวน 2,000 ตัว คิดเป็นเงิน 50,000,000 บาท ค่าเคลียร์ตัวละ 2,400 บาท คิดเป็นเงิน 4,800,000 บาท ทำให้มีคนกล้ากระทำผิด โดยไม่หวั่นว่า จะมีการนำเชื้อโรคจากนอกประเทศมาปล่อยในไทย ซึ่งหากเกิดการระบาดในไทยขึ้นมา จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของไทยในวงกว้างและคิดประเมินความเสียหายนับไม่ถ้วน
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 7 ม.ค.65 ที่ผ่านมา นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมการพิจารณาการตรวจประเมินคอกกักสัตว์ และระบบเพื่อการนำเข้าราชอาณาจักร ซึ่งโค กระบือจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาผ่านจุดผ่อนปรนทั้ง 5 จุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ณ ห้องประชุมประดิษฐ์จองคำ ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีนายพนม มีศิริพันธุ์ ปศุสัตว์เขต 5 พร้อมด้วยนายอนิรุธ เนื่องเม็ก ปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายโรจน์ชนะ ปรากฏชื่อ ผู้แทนจากสำนักควบคุมและบำบัดโรคสัตว์ นางสาวพจนา สากระแสร์ ผู้แทนจากกองความร่วมมือด้านปศุสัตว์ระหว่างประเทศ และผู้แทนจากกองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์ เข้าร่วมประชุม พร้อมกับคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน
การประชุมฯดังกล่าว เป็นการหาแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการค้าสัตว์เพื่อการนำเข้าตามแนวชายแดนและกระตุ้นการค้าการลงทุน รวมทั้งเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเตรียมความพร้อมรองรับการอนุญาตให้นำเข้าหรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งโค กระบือจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ผ่านจุดผ่อนปรนของจังหวัดแม่ฮ่องสอน - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี