ตำรวจนครศรีธรรมราชจับหนุ่มใหญ่ขอเงินตาวัย 85 ปีนานหลายปีเกือบล้านบาท สุดท้ายพบผู้ก่อเหตุเป็นผู้ป่วยจิตเวช อ้างขอเงินกินข้าว - ผู้เสียหายเผยทั้งขอและยืมให้เพราะตัดความรำคาญ
กรณีเพจดัง "เจ๊ม๋อย วีพลัส" มีการเผยแพร่คลิปวงจรปิดและข้อความระบุ "กรณีมีแก๊งมิจฉาชีพได้เข้าไปไถเงินจากลุงวัย 85 ปี เป็นเวลานานกว่า 5 ปี ยอดเงินกว่า 5 แสนบาท ตามที่ลุงได้บันทึกเอาไว้ในสมุดบันทึกตลอดเวลา จนทางลูกสาวและญาติได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดจับภาพของชายในคลิปก้องวงจรปิดเอาไว้ได้ชัดเจน โดยระบุข้อความว่า...จากชายในคลิป ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับลุงเลย ลุงเป็นอดีตครู เป็นคนใจดี หลังจากเกษียณราชการก็เปิดร้านถ่ายเอกสาร อาศัยอยู่กับลูกป่วยซึมเศร้าเพียงคน 2 คน ลุงจะโดนข่มขู่เรียกเงินทุกวัน ถ้าไม่ให้ก็กลัวโดนทำร้าย ลูกสาวอีกคนที่อยู่กรุงเทพฯ ก็กังวลกลัวความปลอดภัยของพ่อ ก็ไปแจ้งความเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังมาข่มขู่ปกติ ตอนนี้ลูกสาวเป็นห่วงพ่อมาก เพราะ โดนข่มขู่เป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี และจดทุกครั้งที่คนนี้มาเอาเงิน รวมแล้วเกือบ 200000 บาท ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ ช่วยเหลือลุงด้วยค่ะ กลัวจะทำอันตรายลุง นครศรีธรรมราช มาไถเงินคนแก่ทุกวันเลย วันละหลายรอบ แจ้งความแล้ว คุยแล้วเหมือนเป็นขบวนการ มีใครที่พอช่วยแก้ปัญหาได้บ้างครับ อยู่ อ.เมือง#ตรงนี้คลิป 6 นาทีกว่า มีช่วง ที่อ้างว่า ผญ. มาด้วย และตำรวจมาค้นตัว สงสารลุง"
ล่าสุดวันนี้ (17 ม.ค.65) นายอชิตะ ทวีธรรมสิริกร อายุ 48 ปี ลูกเขยผู้เสียหาย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังอย่างละเอียดว่า พ่อตาของตนอาศัยบ้านเกิดเหตุกับลูกสาวที่ป่วยซึมเศร้า ส่วนเรื่องราวใสคลิปตรวจสอบแล้ว พบว่าเกิดมานานเกือบ 5 ปี แล้วไม่ใช่ 2 ปี ส่วนยอดเงินตรวจสอบอย่างละเอียดไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท ที่คุณพ่อตาของตนจดบันทึกไว้ในสมุดว่า ชายในคลิปมาขอเงินพ่อของตนครั้งละ 500 บาท บ้าง 1,000 บ้างในลักษณะขอยืมบ้างเกือบทุกวัน
ล่าสุด 2 – 3 วันที่ผ่านมายังมาขอเงินจากพ่อตาตนอยู่อีก ซึ่งตนและญาติเคยแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช แล้ว แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร โดยตำรวจอ้างว่าต้องพาตัวพ่อตาของตน ซึ่งเป็นเจ้าทุกข์โดยตรงมาแจ้งความเอง ตนและญาติ ไม่สามารถพาพ่อตา ไปแจ้งความกับตำรวจได้ เพราะติดปัญหาเรื่องสุขภาพของพ่อตาของตน ทำให้เรื่องเงียบไป กระทั้งยังในคลิปยังวนเวียนมาขอเงินจากพ่อตาตนอีกเกือบทุกวันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าน่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะทำกันเป็นขบวนการมีไม่ต่ำกว่า 2 คน เพราะเท่าที่สังเกตมีผู้หญิงขี่รถจักรยานยนต์มาส่งเกือบทุกวัน
นายอชิตะ เล่าอีกว่า ตนและญาติๆเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับพ่อตาของตน พยายามหาทางทำประตูเหล็กดัดมาติดตั้งเพื่อไม่ให้กลุ่มชายดังกล่าวมาขอเงินพ่อตาตนอีก แต่พ่อตาของตนก็ไม่ยอมให้ติดตั้งประตูเหล็กดัด จึงต้องยอมตามใจพ่อตา แต่คงต้องระมัดระวังมากกว่านี้อีก ทุกวันนี้ชายคนดังกล่าวยังเดินลอยนวลในหมู่บ้าน แต่ทำอะไรไม่ได้ ตนอยากตำรวจเข้ามาดูแลคุ้มครองพ่อตาของด้วย เพราะทุกวันนี้ลูกสาวที่อยู่ กทม.ที่ส่งเงินมาให้ใช้ร่ำไห้ตลอดเวลา เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี จึงต้องออกมาโพสต์ลงโซเซียล เพื่อให้สื่อมวลชนช่วยเหลืออีกทาง เพื่อความปลอดภัยของพ่อตาของตนด้วย การคุกคามแบบนี้จะเป็นภัยของชาวบ้านในหมู่บ้านด้วย
ล่าสุดช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทาง พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช สั่งการพนักงานสอบสวน เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม ปรากฏว่าระหว่างที่พนักงานสอบสวน เดินทางถึงบ้านผู้เสียหาย พบว่าชายในคลิปอยู่ที่หน้าบ้านผู้เสียหาย จึงควบคุมตัวสอบสวน
เบื้องต้นชายในคลิปอ้างว่าชื่อนายไชยุทธ อายุ 33 ปี เป็นชาวบ้านชุมชนป่าขอม ให้การวกวน อ้างว่า ป่วยโรคประสาท แต่ไม่มีบัตรผู้ป่วยแสดง พร้อมยอมรับว่า เป็นคนมาขอเงินตาวัย 85 ปี ที่บ้านจริง แต่อ้างว่าไม่ได้มาทุกวัน ครั้งแรกมาตัดผมร้านใกล้บ้านผู้เสียหาย แล้วทำเงินหาย จึงขอเงินตาวัย 85 ปีที่บ้านจำนวน 20 บาท ซึ่งตาก็ให้ จากนั้นจะมาขอเงินตาที่บ้านบ่อยครั้ง แต่ไม่ทุกวัน
ขณะที่ญาติ ๆ และเพื่อนบ้าน พูดตอบโต้กลับว่า นายไชยยุทธ มาทุกวัน วันละหลายครั้ง อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวสังเกตพฤติกรรมของนายไชยยุทธ พบว่ามีความผิดปกติไม่เหมือนคนทั่วไป โดยจะพูดช้า พูดติดขัด มือไม้และเท้าสั่นอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญพูดจาวกวน เจ้าหน้าที่ตรวจค้นในตัวไม่พบบัตรประชาชนหรือบัตรผู้ป่วยจิตเวช แต่พบว่ามีเงินจำนวนหนึ่ง และกาวกระป่อง 1 กระป๋อง จึงควบคุมตัวไปสอบสวนต่อที่โรงพัก พร้อมกับประสานญาติของนายไชยยุทธ มาสอบปากคำเพิ่มเติม
ขณะที่ตาวัย 85 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายไชยยุทธ ที่ผ่านมา นายไชยยุทธ มาขอเงินตนที่บ้านบ่อยครั้ง บางวันมาหลายครั้ง ซึ่งตนก็ให้ แต่ละครั้งที่นายไชยยุทธ มาในลักษณะขอเงินบ้าง ยืมเงินบ้าง แต่ไม่เคยทำร้ายร้ายร่างกายหรือข่มขู่ ทุกครั้งที่นายไชยยุทธ ขอเงินตนให้เงินและจดยอดเงินลงสมุดทุกครั้ง ส่วนสาเหตุที่ให้ยอมรับว่าสงสาร อีกอย่างต้องการตัดความรำคาญ เพราะถ้าไม่ให้นายไชยยุทธ จะมาที่บ้านวันละหลายรอบ
นายอชิตะ เล่าอีกว่า พฤติกรรมของนายไชยยุทธ เป็นภัยสังคม ที่ต้องดำเนินการอย่างเริงด่วน หากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายกับพ่อตาของตน รวมทั้งชาวบ้านละแวกเกิดเหตุ เนื่องจากนายไชยยุทธ มีพฤติกรรมขอเงินชาวบ้านในซอยเกือบทุกหลัง จนเป็นที่เอือมระอา ส่วนยอดเงินที่พ่อตาของตนให้นายไชยุทธ ไปนั้น ตรวจสอบตามสมุดบันทึกที่พ่อตาของตนจดไว้หน้าสุดท้ายยอดรวม 893,905 บาท ยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกโล่งใจที่ทางตำรวจคุมตัวนายไชยยุทธ ไปโรงพักแล้ว แต่ก็ยังมีความกังวล เพราะผู้ก่อเหตุ อ้างว่า เป็นผู้ป่วยจิตเวช เกรงว่าจะไม่มีการดำเนินการตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตามหากนายไชยยุทธ เป็นผู้ป่วยจิตเวชจริง ก็ขอให้ทางตำรวจสอบสวนญาติของนายไชยยุทธ อย่างจริงจัง เพราะตนคิดว่าไม่ใช่นายไชยยุทธ คนเดียวที่ก่อเหตุ ต้องมีคนสมคบคิดให้ก่อเหตุ ส่วนที่อ้างว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวช หากเป็นจริง ก็ให้เจ้าหน้าที่หรือญาตินำไปไปรักษาอย่างจริงจัง แต่หากไม่ได้ป่วยจิตเวช ก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย เพื่อไม่ให้ก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้กับพ่อตาของตน รวมทั้งเพื่อนบ้านอีกต่อไป
ล่าสุดทางพนักงานสอบสวน เจ้าของคดี นำตัวผู้ก่อเหตุสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมกับสอบปากคำญาติ พบว่า ผู้ก่อเหตุ เป็นผู้ป่วยจิตเวชจริง ปัจจุบันรักษาตัวที่โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ จ.สุราษฏร์ธานี โดยทางญาติมีบัตรผู้ป่วยจิตเวชมายืนยันกับพนักงานสอบสวน ซึ่งทางตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี