คืบหน้ากฏหมายสายเขียว อย.เตรียมเสนอ“ปลดล็อกกัญชา”ออกจากยาเสพติดสิ้นเชิง ถกบอร์ดควบคุมยาเสพติด 19 ม.ค.นี้ ก่อนชงต่อ"อนุทิน" เห็นชอบลงนาม
จากกรณีการถกเถียงประเด็นข้อกฏหมายในประเด็นการปลูกกัญชาเสรีอย่างถูกกฎหมาย ภายใต้พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2564 โดยในประมวลฯ ไม่ได้ระบุชื่อ กัญชา และกัญชง ในยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แล้ว โดยฝ่ายการเมืองพรรคภูมิใจไทย เห็นว่า ประชาชนสามารถปลูกเพื่อใช้ทางการแพทย์ได้โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจจับกุม ขณะที่ ปปส.เห็นว่า การปลูกกัญชาต้องได้รับอนุญาตนั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'ภท.'ยกเจตนารมณ์กม.ยาเสพติดปี 64 โต้เดือดป.ป.ส.ยันปลูกกัญชาเสรีไม่ผิด)
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2565 นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากฎหมายกัญชาว่า วันนี้มีความคืบหน้าในการปลดล็อกกัญชา-กัญชง ออกจากรายชื่อเสพติดให้โทษ ซึ่งต้องเรียนว่าทุกอย่างต้องทำตามลำดับขั้นตอนทางกฎหมาย ขั้นตอนแรก คือ การระบุชื่อยาเสพติดให้โทษ ที่เป็นกฎหมายระดับรอง ซึ่งจะออกเป็นลักษณะของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยวันนี้เป็นก้าวแรกในการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ที่มี นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย. เป็นประธาน
นพ.วิทิต กล่าวว่า มติในที่ประชุมเห็นชอบให้ควบคุมสารสกัดจากทุกส่วนของกัญชา และกัญชง โดยเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. …. ซึ่งกำหนดให้การระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 คือ สารสกัดจากพืชกัญชา กัญชง ที่เป็นพืชในตระกูลแคนนาบิส (Cannabis) ยังเป็นยาเสพติดให้โทษ ยกเว้นที่ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษ คือ ก.สารสกัดจากพืชกัญชา กัญชง เฉพาะที่ได้จากการอนุญาตปลูกในประเทศ ในทุกส่วนที่มีปริมาณสาร THC ไม่เกิน 0.2% โดยน้ำหนัก และ ข. สารสกัดจากเมล็ดกัญชา กัญชง ที่ได้จากการปลูกในประเทศเช่นกัน
“นั่นคือ จะไม่มีชื่อกัญชาอยู่ในยาเสพติดแล้ว เราจะเหลือว่ายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 คือ สารสกัดที่ได้จากพืชกัญชา กัญชง ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงประโยชน์ของการใช้กัญชาได้” นพ.วิทิต กล่าว
นพ.วิทิต กล่าวย้ำว่า เราต้องป้องกันการนำเข้าสารสกัดจากกัญชา และกัญชง จากต่างประเทศ เพื่อดูแลผู้ประกอบการในประเทศ ด้วยการกำหนดข้อยกเว้น ก และ ข เพื่อให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตไปก่อนหน้านี้ยังสามารถสกัดและนำไปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ ดังนั้น สารสกัดจากพืชกัญชา กัญชงทุกส่วน ยังเป็นยาเสพติด แต่ถ้ามีปริมาณสาร THC น้อยกว่า 0.2% โดยน้ำหนัก จะถือว่าไม่เป็นยาเสพติด แต่ต้องมาจากการอนุญาตปลูกในประเทศเท่านั้น
ทั้งนี้ นพ.วิทิต กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ที่มี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานฯ เพื่อพิจารณาในวันที่ 19 ม.ค.นี้ หลังจากนั้นกระทรวงสาธารณสุขจะเสนอ (ร่าง)ประกาศดังกล่าว ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ส. ที่ท่านวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 29 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ย้ำว่าหากผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ป.ป.ส.แล้ว ก็จะเสนอต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ที่มีอำนาจตามประมวลยาเสพติด เห็นชอบเพื่อลงนามประกาศใช้ต่อไป
“หากเราปลดล็อกกัญชา เราจะสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน เดิมใช้ได้แค่บางส่วน แต่ครั้งนี้ช่อดอกก็จะใช้ได้ตามภูมิปัญญา เพื่อดูแลสุขภาพ ใช้เมล็ดกัญชาได้ ไปจนถึงเศรษฐกิจ เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป” นพ.วิทิต กล่าว (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘ภูมิใจไทย’เงิบ!ป.ป.ส.กางข้อกม. ยันปลูก‘กัญชา’โดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดกฎหมาย)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี