อดีต ผกก.โจ้ ขอความเป็นธรรมคดีถุงดำคลุมหัวเหยื่อค้ายา ยอมรับใช้คลุมหัวหลายใบจริงแต่ไม่ได้รัดแน่นจนขาดใจตาย ชี้คลิปถูกตัดต่อ มีตำรวจให้การเท็จ ศาลนัดไต่สวนพยานนัดแรก ปลาย ก.พ.นี้
วันที่ 19 มกราคม 2565 เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลได้นัดตรวจหลักฐานคดีหมายเลขดำที่ อท.180/2564 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือโจ้ อดีต ผกก. สภ.เมืองนครสวรรค์กับพวกรวม 7 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และ ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,157,288,289(5), 309 วรรค 2 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4,172
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงระหว่างวันที่ 4 – 6 ส.ค. 2564 ระหว่างที่นายจิระพงษ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ ผู้เสียชีวิต ซึ่งถูกจับกุมคดียาเสพติดและถูกฆ่าถึงแก่ความตายขณะอยู่ในการควบคุมตัวของจำเลยทั้งเจ็ด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด สภ.เมืองนครสวรรค์ วันนี้พนักงานอัยการโจทก์ โจทก์ร่วม ทนายความจำเลยมาศาล และเบิกตัวจำเลยทั้งหมดจากเรือนจำ มาศาล
ศาลตรวจพยานหลักฐานทั้ง 2ฝ่าย ขณะที่จำเลยทั้งเจ็ด รับข้อเท็จจริงว่า ช่วงเกิดเหตุจำเลยทั้งหมดดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่สืบสวน จับกุม ปราบปราม ตามกฎหมาย เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ในวันเกิดเหตุได้จับกุมนายจิระพงษ์ หรือมาวิน และน.ส.กนกวรรณ คล้ายนิ่ม ภรรยาพบไอซ์หนัก 300 กรัม จากนั้นชุดจับกุมได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย พบภาพถ่ายกล่องใส่ยาเสพติดจำนวนมากจึงไปค้นบ้านพักซึ่งเป็นของบิดาผู้ตาย แต่ไม่พบหลักฐาน ต่อมา พวกจำเลยได้พาผู้ตายมาสอบสวนขยายผลที่ห้องปฎิบัติการพิเศษยาเสพติด05 สภ.เมืองนครสวรรค์ และ จำเลยที่ 1 ได้นำถุงพลาสติกหลายใบมาคลุมหัวของผู้ตาย และภาพที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดเป็นพวกจำเลยจริง
ศาลได้นัดสืบพยานทั้งหมด 23 ปากวันที่ 19 -21 ก.พ. และ วันที่ 5-6,12-13 มี.ค. ยกเลิกวันนัดเดิม 13 ก.พ.เนื่องจาก ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้ย้ายไปที่ทำการใหม่ แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการตรวจหลักฐาน พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือโจ้ จำเลยที่ 1 ใส่ชุดนักโทษมีน้ำตาลอ่อน หน้าตาเคร่งขรึมตลอดการพิจารณา ได้แถลงต่อศาลว่าวันที่เกิดเหตุยอมรับว่าได้ทำการคลุมถุงดำจำนวนหลายใบกับนายจิระพงษ์ หรือมาวินจริง แต่ไม่ได้ตรึงบีบรัดให้แน่นจนขนาดขาดอากาศหายใจเพียงแต่ทำให้กลัว และขอให้ศาลช่วยตรวจสอบคลิปที่ส่งไปในครั้งแรก เนื่องจากมีการตัดต่อคลิปนำภาพการพยายามช่วยชีวิตผู้ตาย และคลิปภาพตำรวจบางนายที่อยู่ในที่เกิดเหตุออกไป และให้การเท็จว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุเนื่องจากเจ้าของคลิปมีส่วนรู้เห็น และตนได้ส่งคลิปเต็มผ่านทางทนายให้ศาลพิจารณาแล้ว
ทั้งนี้ศาลแจ้งว่าคลิปทั้งหมดศาลจะใช้เป็นวัตถุพยาน หากจำเลยเห็นต่างก็ให้ว่ากันในของชั้นพิจารณา และหากเห็นว่าเมื่อสืบพยานทั้งหมดที่นัดแล้วยังได้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน ศาลอาจจะพิจารณาเพิ่มพยานในภายหลังได้
ด้านนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของ อดีตผู้กำกับโจ้ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกวันที่ 19-20 ก.พ. โดยคดีนี้มีนัดสืบพยานทั้งหมด 7 นัด นัดสุดท้ายวันที่ 13 มี.ค. ตอนนี้คดีอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลแล้ว ตนก็ทำหน้าที่ในฐานะของทนายความ ระบบไต่สวน เป็นระบบที่ศาลแสวงหาข้อเท็จจริง อะไรที่ไม่พอ เดี๋ยวศาลท่านจะดูเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี