เชือดห้องเย็นสงขลา
โทษจำคุก1ปีปรับ2หมื่นบ.
‘เบทาโกร’ไม่มีความผิด
ไม่เข้าข่าย‘กักตุนสินค้า’
พาณิชย์สั่งใช้ก.ม.เคร่งครัด
นายกฯ สั่งเข้ม ห้ามกักตุนสินค้าระหว่างที่รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาหมูแพง หวั่นซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชน ด้านกระทรวงพาณิชย์ ประกาศต้องแจ้งสต๊อกหมู หากฝ่าฝืนให้ดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด “จุรินทร์” สั่งเชือด ห้องเย็นที่สงขลา ไม่แจ้งสต๊อก หมูกว่า 2 แสนกิโลกรัม จำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่น พาณิชย์จังหวัดสงขลาแถลงผลสอบสรุปว่า บริษัทเบทาโกรไม่มีการ กักตุนเนื้อหมู พร้อมแจ้งความห้องเย็น บริษัท ปิติซีฟู้ด ฐานไม่แจ้งปริมาณการครอบครอง
เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามการแก้ปัญหาราคาหมูแพง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการปัญหาเกี่ยวกับหมูทั้งระบบ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้มีหลายมาตรการต่างๆ ควบคู่กัน เพื่อลดปัจจัยปัญหาราคาหมูแพง ทั้งการห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักรทุกกรณี เป็นเวลา 3 เดือน ผู้เลี้ยง ผู้จำหน่าย ผู้ส่งออก ผู้ครอบครองต้องจัดทำบัญชีคุมสินค้า แสดงปริมาณการเลี้ยง ปริมาณการซื้อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทุกเวลา ทั้งนี้ หากพบการฉวยโอกาสหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด
เตรียมตรวจสอบห้องเย็นทั่วสงขลา
นายธนกร กล่าวว่า กรมปศุสัตว์ ได้รายงานการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ตรวจสอบกรณีอาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรเพื่อผลประโยชน์ทางการค้านั้น ซึ่งล่าสุด ชุดเฉพาะกิจกรมปศุสัตว์ โดยด่านกักกันสัตว์สงขลา ได้เข้าตรวจสอบห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา พบ ณ วันที่เข้าตรวจสอบมีซากสุกรคงเหลือในคลัง 201,650.90 กิโลกรัม โดยไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของซากสุกรได้ จึงได้อายัดซากสุกรไว้ พร้อมมีแผนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบห้องเย็นทุกแห่งในพื้นที่ จ.สงขลาระหว่างวันที่ 21-31 ม.ค.นี้ ด้วยวันที่ 20 ม.ค. ชุดเฉพาะกิจฯ ได้เข้าตรวจสอบห้องเย็นเอกชนแห่งหนึ่ง พบซากสุกรแช่แข็งเข้าพักฝากที่ห้องเย็น ยอดคงเหลือจำนวน 267,650.62 กก. ถือว่ามีความผิดปกติ
นายกฯวอนอย่าฉวยโอกาสซ้ำเติมปชช.
“นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย จึงได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมเพื่อแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงทุกชนิด ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน หลายมาตรการอยู่ระหว่างดำเนินการ จึงขอวอนทุกฝ่ายเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมกันด้วย อย่าฉวยโอกาสหรือใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ ซ้ำเติมภาระให้ประชาชน ในขณะที่รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหา” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พาณิชย์สั่งเข้มต้องแจ้งสต็อกหมู
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้ผู้เลี้ยงสุกร ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต็อก ตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป แจ้งปริมาณ และราคาทุก 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. เป็นต้นมา กรมการค้าภายในได้มีการตรวจสอบสต๊อกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดได้บูรณาการกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจสอบติดตามผู้ประกอบการครอบครองสุกร เนื้อสุกร ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บและการจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร เนื้อสุกร ตามประกาศ กกร. หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ฝ่าฝืนเจอโทษจำคุก1ปีปรับ2หมื่น
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขอให้ผู้เลี้ยงสุกร ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต็อกสุกร ตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป ให้แจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บและการจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร เนื้อสุกร ตามประกาศ กกร. หากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ประกอบการายใดไม่แจ้งปริมาณ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบเห็นว่ามีการกักตุนจะมีโทษตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปีปรับ 140,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
แถลงความคืบหน้า’หมูห้องเย็น’
ความคืบหน้ากรณี จังหวัดสงขลา รวมทั้งปศุสัตว์จังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบห้องเย็นของ บริษัท ปิติซีฟูดส์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.จะนะ จ.สงขลา ตามแผนการปฏิบัติงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในการตรวจสอบห้องเย็นกรณีที่อาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกร และพบเนื้อสุกรในสต็อกเป็นของ บริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม ใน จ.พัทลุง เข้ามาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเย็นดังกล่าวจำนวน 211,361 กิโลกรัม ในช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา และมีการนำออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งน่าสงสัย จึงได้อายัดไว้ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา
โดยเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 20 ม.ค. หลังจากที่ทาง นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ได้มอบหมายให้ นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประชุมร่วมกับทาง นายสัตวแพทย์ณัฐชัย วรสุทธิ์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา, พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา, นางฉัตร์สุดา ชุมแสง พาณิชย์จังหวัดสงขลา และ พ.ต.ต.อนันต์ บัวแก้ว สารวัตร กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และทางบริษัท โดยใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ก่อนที่ข้อสรุปในเบื้องต้น
พบยอดเนื้อหมูไม่ตรงกับยอดสุทธิ
นายสัตวแพทย์ณัฐชัย เปิดเผยว่า จากข้อมูลการเคลื่อนย้ายสัตว์ในช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา ของบริษัทเบทาโกร พบว่า มีปริมาณสูงกว่าปกติตามที่ปรากฏ จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลการเคลื่อนย้ายสัตว์ย้อนหลังไปตั้งแต่เดือน พ.ค. 64-เดือน ม.ค. 65 พบว่า มีการนำเข้ามาเก็บในห้องเย็นทั้งหมด 85 ครั้ง ยอดโดยรวม 574,541 กิโลกรัม และมีการนำออก 21 ครั้ง จำนวน 167,058 กิโลกรัม และวานนี้ทางด่ากักกันสัตว์สงขลา ได้เข้ามาตรวจเช็คสต็อกพบว่า มีสินค้าคงคลังอยู่ที่ประมาณ 201,650 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบยอดเนื้อสุกรและเอกสารที่ไม่ตรงกับยอดสุทธิอยู่ประมาณ 205,833 กิโลกรัม จึงเกิดข้อสงสัย
นางฉัตร์สุดา กล่าวว่า ในส่วนของห้องเย็นนั้นมีความผิดตรงที่ไม่ได้แจ้งการครอบครองไปที่พาณิชย์จังหวัดให้ได้รับทราบตามที่กำหนด อีกทั้งผู้เลี้ยงหรือเจ้าของสุกรก็จะต้องแจ้งข้อมูลสุกรให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทราบด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งจากการพูดคุยกับทั้งทาง บริษัท เบทราโกร ที่เป็นเจ้าของเนื้อสุกร และทางห้องเย็น บริษัท ปิติซีฟูดส์ ที่รับฝากเนื้อสุกร ระบุว่า มีเอกสารหลักฐานการจัดทำบัญชีครบ และจะเร่งนำส่งให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้รับทราบโดยเร็ว
เบื้องต้นพบกระทำผิด3ประเด็น
พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยว่า ในทางคดีนั้นเบื้องต้นพบว่ามีการกระทำผิดใน 3 ประเด็น ตามประกาศคณะกรรมการกลางฯ ทั้งในเรื่องการแจ้งการครอบครอง การแจ้งปริมาณสินค้า และการกระทำดังกล่าวจะเป็นการกักตุนหรือไม่ อย่างไร ซึ่งขณะต้องรอการชี้แจง และเอกสารหลักฐานทั้งหมดจากทั้ง 2 บริษัท ที่จะมายื่นต่อคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาในเร็วๆ นี้ และหากมีความผิดก็จะดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทั้ง 2 บริษัท และพร้อมให้ความเป็นธรรม
ทั้งนี้ ในส่วนของเนื้อสุกรในสต็อกดังกล่าวนั้น ทางด่านกักกันสัตว์สงขลา ได้ทำการถอนอายัดแล้ว เนื่องจากเสร็จสิ้นในส่วนของกระบวนการตรวจสอบของทางปศุสัตว์ รวมทั้งได้ขอดูเอกสารใบรับเข้าสุกรที่ห้องเย็น ก็มีใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์แนบมาด้วยทุกครั้ง ซึ่งไม่ผิดปกติ ที่เหลือจึงรอแค่ตรวจตรวจสอบเอกสารบัญชีให้ตรงกันเท่านั้น
จุรินทร์เชือดห้องเย็นไม่แจ้งสต็อก
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีพบมีเนื้อหมูฝากเก็บไว้ที่ห้องเย็นแห่งหนึ่งใน จ.สงขลา กว่า 2 แสนกิโลกรัมว่า เรื่องนี้ยังตอบไม่ได้ว่าเข้าข่ายการกักตุนสินค้าหรือไม่ แต่ตนได้คุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา โดยขณะนี้ได้พบความผิดฐานไม่แจ้งสต็อกตามคำสั่งของกรมการค้าภายใน ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับต่อเนื่องอีกวันละ 2,000 บาท จนกว่าจะมีแจ้งให้ถูกต้อง ซึ่งเบื้องต้นมีความผิดนี้แล้ว 1 กระทงที่ต้องดำเนินคดี
ส่วนจะเข้าข่ายการกักตุนสินค้าหรือไม่นั้น จะต้องรอทางผู้ว่าราชการจังหวัดตรวจสอบข้อมูล รายละเอียดก่อน และทางผู้ว่าฯ จะแถลงให้ทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทุกพื้นที่ เร่งบูรณาการกับผู้ว่าราชการจังหวัดออกตรวจสอบสถานการณ์สินค้า และดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการไม่แจ้งปริมาณ หรือหากพบมีการกักตุนมีโทษตามมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ
เบทาโกรปัดกักตุนเนื้อหมู2แสนกก.
ทางด้าน บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ได้ออกเอกสารชี้แจง จากบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เรื่อง การตรวจสอบห้องเย็นกรณีอาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรในจังหวัดสงขลา
จากกรณีที่ปรากฏรายงานข่าวการเข้าตรวจสอบบริษัทห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา และพบว่ามีการเก็บรักษาเนื้อสุกรจากบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุงจำนวน 201,650 กิโลกรัมในห้องเย็นดังกล่าวนั้น บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า การจัดเก็บรักษาเนื้อสุกรของบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง และสาขาในกลุ่ม ในบริษัทห้องเย็นตามที่ระบุในรายงานข่าว เป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางการปฏิบัติโดยปกติ ภายใต้มาตรฐานการจัดส่งสินค้า เพื่อการสำรองสินค้ารองรับการจัดส่ง 5-7 วันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สินค้ามีความสดใหม่จนถึงมือผู้บริโภค โดยครอบคลุมพื้นที่จัดส่งในภาคใต้ตอนล่างมากกว่า 8 จังหวัด
แจ้งพณ.แล้ว-เป็นสินค้าคงคลังปกติ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการแจ้งข้อมูลปริมาณเนื้อสุกรทั้งหมดที่เก็บในห้องเย็นนั้นต่อกระทรวงพาณิชย์ให้รับทราบล่วงหน้า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา จำนวน 211,361 กิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 1/2565 ที่ระบุให้ “ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่งที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว ห้องเย็นที่มีการเก็บสต็อกเกิน 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป ให้ดำเนินการแจ้งสต็อกให้กรมการค้าภายในรับทราบ รวมทั้งแจ้งราคาในทุก 7 วัน โดยเริ่มวันที่ 10 มกราคม 2565 เป็นต้นไป” พร้อมทั้งยืนยันว่า การจัดการสต็อกดังกล่าวเป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางปฏิบัติโดยปกติ มิใช่การกักเก็บสินค้าเป็นเวลานาน เพื่อเป้าหมายด้านราคาที่สูงขึ้นแต่ประการใด บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงาน ให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ครอบคลุมถึงการจัดการสินค้าคงคลังและการรายงานแจ้งจำนวนสต็อกตามข้อกำหนดโดยเคร่งครัด
ลุยตรวจ25ห้องเย็นพื้นที่สมุทรสาคร
วันเดียวกัน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร, พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร, พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., นายอาวุธ วิเชียรฉาย ปลัดจังหวัด สค., นายชนินทร์ ทิพปภาสมิทธิ์ ปศุสัตว์จังหวัด สค., นางสาวสรณาคมน์ บุญกำเนิด นักชำนาญการพิเศษกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า (กศ.) สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สค. นำกำลังเข้าตรวจสอบห้องเย็นที่มีพฤติกรรมกักตุนเนื้อหมู พร้อมกัน 11 เป้าหมาย ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีความกังวลกรณีเนื้อสุกรมีราคาสูงขึ้น สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวน ปราบปราม สืบเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีการนำเนื้อสุกรเข้ามากักตุนในห้องเย็นเป็นจำนวนมาก เป็นสาเหตุให้เนื้อหมูมีราคาแพง วันนี้จึงได้มีการบูรณาการกำลังกันทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบพร้อมกัน 25 จุด โดยในจังหวัดสมุทรสาครมีการตรวจสอบทั้งสิ้น 11 จุด
หลายบริษัทส่อเข้าข่ายมีความผิด
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ กล่าวว่า จากการสืบสวน ทราบว่า มี 25 บริษัท ในจังหวัดปริมณฑล เช่น สมุทรสาคร ที่ประกอบธุรกิจห้องเย็น อาจเข้าข่ายมีความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ในเรื่องการกักตุนเนื้อสุกรเกิน 5,000 ก.ก. โดยไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบ พบว่าบางบริษัท มีจำนวนเนื้อสุกร เกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยบางรายอ้างว่าอยู่ระหว่างดำเนินการแจ้ง เนื่องจากเพิ่งได้ทราบระเบียบ ซึ่งจะต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนต่อไป หากพบว่าไม่ได้มีการแจ้ง ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 หรือหากมีการแจ้งการครอบครองไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.137 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายณรงค์ ฯ ผวจ.สมุทรสาคร กล่าวว่า ขณะนี้มี 4 บริษัทห้องเย็น ที่มาแจ้งการครอบครองซากสุกรเกิน 5000 กก. แล้ว และยังมีอีกหลายบริษัทที่อยู่ระหว่างดำเนินการแจ้ง โดยอ้างว่าเพิ่งได้รับหนังสือประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคากลางสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 เรื่อง แบบแจ้งตามประกาศคณะกรรมการกลางฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค.65 ที่ผ่านมา
ตรวจห้องเย็นที่ปทุมฯพบการกักตุน
ขณะที่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พาณิชย์จังหวัด ปศุสัตว์จังหวัดพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี พบมีการกักตุนเนื้อสุกร เกินกว่า 5,000 กิโลกรัม โดยไม่ได้แจ้งให้พาณิชย์จังหวัดทราบ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและหากมีการขนย้ายซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต เข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยจะได้มีการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป