ไทยเจอโควิดสายพันธุ์ย่อยBA.2
ยอดสะสม9คน
สธ.ยืนยันพบรายแรกตั้งแต่2ม.ค.
ไม่ชัดเจนอาการรุนแรงกว่าสายพันธุ์หลักหรือไม่
หมอประสิทธิ์ชี้เข้าช่วงท้ายระบาด
เหตุติดเชื้อมากขึ้นแต่เสียชีวิตลดลง
ไทยติดเชื้อรายวัน 6,718 ราย ตาย 12 ศพ กทม. ยังแรงป่วยนำโด่ง 1,269 คน“ศบค.” ห่วงระบาดในกรุงเทพฯเป็นกลุ่มก้อน ส่งทีมสำรวจเจอคลัสเตอร์ค่ายมวยที่บางกอกน้อย ย้ำเคร่งมาตรการโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง เตือนปชช.ฉีดเข็มกระตุ้นลดอาการหนัก เสียชีวิตได้
สธ.เผยตรวจพบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้ว 9 ราย เจอครั้งแรกตั้งแต่ 2 มกราคมที่ผ่านมา “หมอประสิทธิ์” เผยแค่ 2 เดือน โอมิครอนพุ่งเป็นสายพันธุ์หลักของโลก จับตาอินเดียยังขาขึ้น เตือนเฝ้าระวังเชื้อระบาดเข้าไทยผ่านเมียนมา
เมื่อวันที่ 24มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์ระบาดในประเทศไทยประจำวัน
ติดใหม่6,718-มาจากตปท.152คน
ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 6,718 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,497 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,476 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 21 ราย มาจากเรือนจำ 69 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 152 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,391,357 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 7,659 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,287,768 ราย อยู่ระหว่างรักษา 81,532 ราย
ตาย12-โคมา548-ใส่ท่อหายใจ114
อาการหนัก 548 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 114 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 12 ราย เป็นชาย 9 ราย หญิง 3 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 22,057 ราย ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 มกราคมฉีดวัคซีนได้เพิ่ม 288,356 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ทั้งสิ้น 112,759,859 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมียอดผู้ติดเชื้อสะสม 354,904,903 ราย เสียชีวิตสะสม 5,622,314 ราย
กทม.ยังแรง-ห่วงระบาดเป็นคลัสเตอร์
พญ.สุมนีกล่าวต่อว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 25 มกราคม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) 1,269 ราย สมุทรปราการ 556 ราย นนทบุรี 411 ราย ภูเก็ต 354 ราย ชลบุรี 314 ราย ขอนแก่น 247 ราย ปทุมธานี 228 ราย เลย 152 ราย นครราชสีมา 144 ราย ศรีสะเกษ 118 ราย อุดรธานี 118 ราย ทั้งนี้ พบคลัสเตอร์หลายแห่ง โดยคลัสเตอร์โรงงาน สถานประกอบการพบที่จ.สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา สุโขทัย คลัสเตอร์พิธีกรรมศาสนา พบที่จ.อุดรธานี ขอนแก่น น่าน ศรีสะเกษ คลัสเตอร์ตลาดพบที่จ.ขอนแก่น มุกดาหาร คลัสเตอร์สถานบันเทิงพบที่ จ.ร้อยเอ็ด อุดรธานี คลัสเตอร์ค่ายทหารพบที่ จ.ลพบุรี มุกดาหาร คลัสเตอร์สถานพยาบาลพบที่ กทม. นนทบุรี อุบลราชธานี ชลบุรี สมุทรปราการ จึงขอให้ทุกภาคส่วนเคร่งครัดมาตรการส่วนบุคคล
ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กเป็นห่วงการระบาดเป็นคลัสเตอร์ในกทม. จึงส่งทีมสำรวจ โดยวันที่ 20 มกราคม พบคลัสเตอร์ค่ายมวยที่เขตบางกอกน้อย ปัจจัยเสี่ยงคือ รับประทานอาหารร่วมกัน ดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ใช้อุปกรณ์ร่วมกัน เช่น นวม กระสอบทราย และไม่วางเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่างๆ และทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วมกันน้อย จึงขอให้ทุกกิจกรรม กิจการ ระวังป้องกันโควิดในพื้นที่ของตัวเอง
ผวาคลัสเตอร์ตรุษจีนย้ำเข้มมาตรการ
พ.ญ.สุมนีกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม วันที่ 28 มกราคม-3 กุมภาพันธ์ เป็นเทศกาลตรุษจีน ศบค.วิเคราะห์ความเสี่ยงว่า เทศกาลดังกล่าวจะมีการรวมตัวกันของญาติพี่น้อง มีการเดินทางจับจ่ายซื้อของทั้งในซูเปอร์มาร์เก็ตและตลาด ไปร้านอาหารเพื่อสังสรรค์ในครอบครัว รวมถึงการไหว้เจ้าขอพรตามศาลเจ้าต่างๆ แต่ละกิจกรรมมีการรวมตัวของคนจำนวนมาก หากพื้นที่แออัด อากาศปิด เสี่ยงต่อติดเชื้อโรค ขอให้เน้นย้ำมาตรการโควิดฟรีเซตติ้งอย่างเคร่งครัด และป้องกันการแออัดของจำนวนคน สัดส่วนที่เหมาะสมคือ 1 คนต่อ 4 ตารางเมตร แต่ละพื้นที่ควรตั้งขวดแอลกอฮอล์ เนื่องจากศบค.เป็นห่วง ไม่อยากให้เกิดคลัสเตอร์ตรุษจีนขึ้นมา ขอให้ประชาชนเข้มงวดมาตรการ หากใครได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ขอให้ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพราะข้อมูลชัดเจนว่าการฉีดวัคซีนทุกสูตรป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ 90-100%
เจอ9คนติดโอมิครอนพันธุ์ย่อย
ขณะที่นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ล่าสุด กรมวิทยาศาสตร์ตรวจเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการทั่วประเทศ สามารถถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว และพบสายพันธุ์ย่อยของเชื้อโอมิครอนคือ BA.1 และ BA.2 แต่ยังไม่พบ BA.3 โดยพบสายพันธุ์ BA.2 รายแรกตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม และเสนอพร้อมส่งข้อมูลในระบบฐานข้อมูลจีเสด (GSAID) ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ขณะนี้สุ่มตรวจสอบสายพันธุ์ย่อย BA.2 พบสะสมทั้งหมด 9 ราย มีทั้งที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และติดเชื้อภายในประเทศ
“ลักษณะสำคัญทางพันธุกรรมของสายพันธุ์ย่อย BA.2 คือไม่พบ Deletion ของตำแหน่ง 69-70 ต่างจาก BA.1 และ BA.3 ทั้งนี้ ยังไม่พบความแตกต่างจากสายพันธุ์ BA.1 ในประเด็นความสามารถแพร่เชื้อ อาการรุนแรง หรือหลบภูมิคุ้มกันได้จากการติดเชื้อหรือการได้รับวัคซีนโควิด มาก่อน” นพ.ศุภกิจกล่าว
แจงแนวทางเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัยแถลงแนวทางดูแลกลุ่มเปราะบางที่ติดเชื้อโควิด และแยกกักที่บ้าน (Home Isolation)ว่า การติดเชื้อโควิดและที่รักษาที่บ้าน ส่วนใหญ่อาการน้อย หรือไม่มีอาการ อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มเปราะบางมีข้อระวังพิเศษ มีข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1-20 มกราคม ผู้เสียชีวิตจากโควิด ส่วนใหญ่ ร้อยละ 75 เป็นผู้สูงอายุ ส่วนหญิงตั้งครรภ์มีแนวโน้มติดเชื้อทรงตัว และพบเสียชีวิตเป็นระยะ ดังนั้น กลุ่มเปราะบางยังเป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังสูง เพราะมีโอกาสติดเชื้อจากคนใกล้ชิด มีอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ถ้าตรวจ ATK ผลเป็นลบ ก็อย่าประมาท ต้องดูแลตัวเองขั้นสูงสุด ตรวจเป็นระยะ กรณีผลเป็นบวก โดยอาการน้อยหรือไม่มีอาการ ให้ตั้งสติ โทร. 1330 ต่อ 14 หรือไลน์ @nhso เพื่อเข้ารักษาที่บ้านและในชุมชน (Home and Community Isolation) แต่หากไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส นานกว่า 24 ชั่วโมง หรือออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่าร้อยละ 94 จะเข้าเกณฑ์รักษาในโรงพยาบาล
2เดือนโอมิครอนพุ่งสายพันธุ์หลัก
ด้านศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล แถลงผลการติดตามการเฝ้าระวังสถานการณ์ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนจากทั่วโลกตั้งแต่มีการระบาดผ่านมาแล้ว 2 เดือน มีสาระสำคัญคือ สถานการณ์ของโลกเมื่อวันที่ 23 มกราคมพบโอมิครอนรุนแรงมากในพื้นที่ยุโรปและทวีปอเมริกา เป็นสายพันธุ์หลักของการระบาด ขณะที่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งไทยพบเพิ่มเช่นกัน แต่ทวีปแอฟริกาเริ่มสงบลง เพราะคนไข้เพิ่ม แต่คนไข้หนัก เสียชีวิตไม่มากตามจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นจากตัวเลขย้อนหลังประมาณ 10 วัน เทียบตั้งแต่วันที่ 13-22 มกราคม ตัวเลขเสียชีวิตน่าสังเกตว่า ไม่ได้พุ่งตามการติดเชื้อ แม้จะอยู่ที่ 8-9 พันคนต่อวัน ทุกประเทศคล้ายกัน การติดเชื้อรุนแรงป่วยเพิ่มขึ้น แต่อัตราเสียชีวิตไม่ได้ตามการติดเชื้อ
จับตาสหราชอาณาจักรไม่ให้ใส่แมส
ส่วนความคืบหน้าการฉีดวัคซีนทั่วโลกข้อมูลถึงวันที่ 23 มกราคม ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 9.9 พันล้านโดส ฉีดวันละ 36 ล้านโดส ประชากรทั่วโลกเกือบ 8 พันล้านคนได้รับวัคซีนแล้ว ขณะที่สหราชอาณาจักร มีคนจับตากันมาก ก่อนหน้านี้ ประกาศฟรีดอมเดย์หรือวันประกาศอิสรภาพ ที่ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย เพราะมองว่าฉีดวัคซีนมากพอ ก่อนหน้านั้น ผู้ป่วยไม่มาก แต่หลังมีโอมิครอน การติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น เคยถึงวันละแสนคน แต่ตัวเลขเสียชีวิตยังเป็นวันละ 200-300 คนทุกวัน อย่างไรก็ตาม นายกฯของสหราชอาณาจักร ประกาศมาตรการผ่อนคลายวันที่ 27 มกราคม เพราะมีอัตราฉีดวัคซีนสูงมากฉีดไปแล้ว 137 ล้านโดสจากประชากร 68 ล้านคน ใกล้เคียงไทย และมากกว่าครึ่งหนึ่งฉีดกระตุ้น จึงมีมาตรการผ่อนคลายฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ทุกคนก็ต้องจับตามองว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ระวังเชื้ออินเดียเข้าไทยผ่านเมียนมา
สำหรับทวีปเอเชีย อย่างอินเดีย หลังเดลตาสงบมาเจอโอมิครอน พบผู้ป่วยวันละ 2-3 แสนคน อยู่ในช่วงขาขึ้น อัตราเสียชีวิตอยู่ในตัวเลข 400-500 คนต่อวัน ซึ่งประชากรอินเดียมีมากกว่า 1.4 พันล้านคนฉีดวัคซีนแล้ว 1.6 พันล้านโดส ได้รับวัคซีน 1 โดสอยู่ที่ 67.3% ของประชากร ได้รับวัคซีน 2 โดสที่ 49.4% และ 0.6% ได้รับเข็มกระตุ้น ดังนั้น อัตราติดเชื้อของอินเดียจะวิ่งอยู่ระยะหนึ่ง จะเลยยอดที่เคยติดเชื้อสมัยเดลตา สิ่งที่ต้องระวังคือ การแพร่ระบาดของสายพันธุ์หนึ่งจากอินเดียผ่านมาทางพม่า มาไทยไม่เกิน 2 สัปดาห์เข้ามาประเทศไทยแล้ว ดังนั้น ต้องระวังว่า จากอินเดียเข้ามาพม่า และเข้ามาไทย ใช้เวลาไม่นานต้องระวังมากขึ้น
โอมิครอนหลบภูมิเก่ง-อาการไม่รุนแรง
ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทย การบริหารจัดการเดลตาเราจัดการได้ดี จากวันละ 2 หมื่นคนต่อวันก็เริ่มลง จากนั้นก็เจอโอมิครอน ขณะนี้ป่วยอยู่ประมาณ 7-8 พันคนต่อวันเป็นสัปดาห์แล้ว และเสียชีวิตยังตัวเลข 2 หลัก ส่วนใหญ่สิบกว่า เราฉีดวัคซีนแล้ว 111 ล้านโดสจากประชากรกว่า 70 ล้านคน ฉีดเข็มกระตุ้นไปแล้ว 15.8% ซึ่งจริงๆไทยไม่ได้ด้อยกว่าคนอื่นในภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด ทั้งนี้ ช่วง 2 เดือนหลังประกาศสายพันธุ์โอมิครอน จากข้อมูลที่เกิดขึ้น โอมิครอนแพร่เร็วกว่าเดลตา โดยไม่ได้สัมพันธ์กับปริมาณไวรัสในผู้ติดเชื้อ แต่มาจากคุณสมบัติของโอมิครอนเอง ส่วนความจำเป็นต้องรักษาในรพ. น้อยกว่าผู้ติดเชื้อเดลตา ในไทยจึงจัดระบบการรักษาในบ้าน แต่หากอาการเพิ่มขึ้นต้องนอนรพ. แต่อัตราการนอนรพ.ของโอมิครอนมีเพียง 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 2 เนื่องจากอาการรุนแรงน้อยกว่า
“ความสามารถหลบจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายนั้น พบว่า โอมิครอน หลบภูมิคุ้มกันเรามากกว่าเดลตา ขณะเดียวกันเราไม่สามารถแยกอาการชัดเจนว่า แบบไหนโอมิครอนหรือเดลตา แต่แยกได้หลักๆ บ้างคือ น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว จามบ่อยและเจ็บคอ ส่วนอาการไข้สูง ไม่ได้กลิ่นหรือไม่ได้รส พบไม่บ่อยเหมือนเดลตา แต่จริงๆ อาการเหล่านี้สงสัยว่าป่วยโควิดก่อน ไม่ต้องคิดว่าสายพันธุ์อะไร ส่วนสถานการณ์ภายในเดือนมกราคมนี้คาดว่าจะเป็นโอมิครอนทั้งประเทศ”ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
ย้ำทุกคนต้องฉีดกระตุ้นเข็ม3
และว่า จากการศึกษาวิจัย ยังพบเชื้อโอมิครอน มักติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน ไม่ลงปอดมากเหมือนเดลตา ทำให้อาการไม่ค่อยรุนแรง แต่แพร่ง่าย แพร่เร็ว เพราะจามง่ายขึ้น ทั้งนี้ มีการศึกษาพบว่า การจะมีภูมิฯช่วยลดติดเชื้อ หรือติดเชื้อที่มีอาการมากจำเป็นต้องได้รับวัคซีน 3 เข็ม ดังนั้น คนฉีด 2 เข็ม ขอให้ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ห่างกัน 3 เดือน แต่ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อเสนอแนะว่า ให้ฉีดทุกๆ 3-6 เดือน เพราะยังต้องติดตามสถานการณ์ไวรัสนี้ต่อไป และอีกไม่กี่เดือนจะมีวัคซีนรุ่นสองออกมาอีก ดังนั้น คนฉีดเข็ม 2 ให้ฉีดเข็ม 3 แต่คนฉีดเข็ม 3 แล้วขอให้ติดตามข้อมูลก่อน ยกเว้นกลุ่มเสี่ยงมากๆ ต้องฉีดเข็ม 4 นี่คือเหตุผลทั่วโลกมีการฉีดเข็มกระตุ้นเหมือนไทย
นายกฯจับตาให้ดื่มในร้านถึง5ทุ่ม
ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งการตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม สัปดาห์แรกที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.)อนุมัติให้ร้านอาหารที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน 8 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวเละพื้นที่สีส้ม 25จังหวัดเปิดให้บริการได้ถึงเวลา 23.00 น.และต้องตรวจสอบต่อไม่ให้เปิดดื่มในร้านหลัง 5ทุ่ม ย้ำต้องเข้ม COVID Free Setting โดยผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด พร้อมกำชับตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ให้ดูแลสถานประกอบการที่ทำผิด หากพบคนทำผิดหรือเจ้าหน้าที่ทำผิดกฎหมาย ต้องลงโทษทางวินัย ร้านไหนขายเหล้า ร้านไหนลักลอบปิดเกินเวลาที่กำหนด ปิดหน้าร้านบังหน้า แอบเปิดหลังร้าน ขอให้เจ้าหน้าที่สอบสวน จับกุม ยึดใบอนุญาต และถ้าเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องให้เอาผิดทางวินัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี