อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง ทบ.คดี'ชัยภูมิ ป่าแส' ชี้พยานหลักฐานไม่สามารถเอาผิดได้

อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง ทบ.คดี'ชัยภูมิ ป่าแส' ชี้พยานหลักฐานไม่สามารถเอาผิดได้

วันพุธ ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2565, 12.26 น.

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 26 มกราคม 2565 ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในกรณีที่ครอบครัวของ นายชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักกิจกรรมชาติพันธุ์ลาหู่ ยื่นฟ้องกองทัพบกเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ทหารทั้งสองที่วิสามัญฆาตกรรม นายชัยภูมิ ป่าแส

โดยครอบครัว นายชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาติพันธ์ล่าหู่ ได้ต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับลูกชายที่ถูก 2 ทหาร บริเวณด่านบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ วิสามัญฆาตกรรม และอีก 1 เดือนเท่านั้นจะครบ 5 ปี ของการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนายชัยภูมิมาอย่างยาวนาน ที่ถูกกระทำละเมิดทั้งการทวงถามเรื่องกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ แต่ไม่มีการตอบรับใดๆ จากเจ้าหน้าที่ จนนำมาสู่การยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ทหารทั้งสองที่วิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิ


ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2563 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง และให้กองทัพบกไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายตามคำฟ้องของมารดานายชัยภูมิ

โดยศาลระบุในคำพิพากษาบางช่วงว่า นายชัยภูมิมีระเบิดแบบเว้าสเตจ และจะขว้างใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายรัษฎา มนูรัษฎา ทนายความของครอบครัวนายชัยภูมิ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเห็นต่างจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น 6 ประเด็น ดังนี้

1.ศาลยกคำให้การของ นายพงศนัย แสงตะหล้า ซึ่งเป็นเพื่อนที่นั่งมาในรถคันเดียวกันกับนายชัยภูมิ ในชั้นพนักงานสอบสวนมากเป็นพิเศษ ซึ่งนายพงศนัยไม่ได้มาเบิกความในศาลในคดีนี้

2.ถ้าคนที่นั่งมาร่วมกันในรถคันเดียวกันแล้วรถคันนั้นมีของกลางเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย โดยปรกติแล้วจะต้องถูกตั้งข้อหาร่วมกัน แต่คดีมันไม่เป็นแบบนั้น เพราะนายพงศนัยไม่ได้ถูกตั้งข้อกล่าวหา

3.กล้องวงจรปิดถือว่าเป็นพยานหลักฐานสำคํญที่มีคุณค่าควรแก่การรับฟัง ถึงแม้ในคดีนี้ได้มีความพยายามจากทนายความครอบครัวและองค์กรสิทธิมนุษยชน ในการส่งหนังสือไปถึงกองทัพบกให้เปิดเผยความจริง จนกระทั่งถึงการสืบพยาน แต่แล้วกล้องวงจรปิดก็ไม่ปรากฏทั้งในชั้นสอบสวนและในชั้นศาล

4.ในส่วนประเด็นของยาเสพติดของกลาง ศาลยังไม่ได้หยิบยกเรื่องของดีเอ็นเอหรือสารพันธุกรรมหรือลายพิมพ์นิ้วมือแฝงที่ปรากฎที่หีบห่อของยาเสพติดที่ไม่เชื่อมโยงกับสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอของนายชัยภูมิ

5.ศาลไม่ได้ยกคดียาเสพติดในอีกคดีของ นาหวะ จะอื่อ ผู้ดูแลนายชัยภูมิ และผู้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับนายชัยภูมิ แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หลังจากติดคุกมาประมาณ 1 ปีในที่สุด ศาลเชียงใหม่ก็ได้ยกฟ้องนาหวะ เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ

6.การเข้าตรวจที่สถานที่เกิดเหตุในกรณีวิสามัญฆาตกรรมไม่เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรค 2,3,4 ระบุว่าในเหตุการณ์ที่มีการวิสามัญฆาตกรรมจะต้องมีฝ่ายที่เกี่ยวข้องอาทิ แพทย์ ตำรวจ ผู้นำชุมชน ฝ่ายปกครอง ครอบครัวและญาติเข้ามาร่วมตรวจสอบในจุดเกิดเหตุทันทีเพื่อให้เกิดความโปร่งใส แต่ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงในกรณีนายชัยภูมิ

ด้วย 6 ประเด็นดังกล่าวนี้จึงนำมาสู่การยื่นการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเพื่อเรียกความยุติธรรมกลับคืนมาให้กับครอบครัวของนายชัยภูมิ

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกกษาและพยานหลักฐานแล้ว ที่ศาลชั้นอุทธรณ์พิพาษายกฟ้องตามศาลชั้นต้น มานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์โจทก์ไม่ขี้น พิพากษยืน

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top