จัดสายตรวจ55ชุด
สกัดของแพงเทศกาลตรุษจีน
พณ.จับมือตำรวจป้องกัน
ยอมรับสินค้าขึ้นราคาบ้าง
ปศุสัตว์ตรวจห้องเย็นหมู
สุราษฎร์ธานีไม่พบกักตุน
พาณิชย์ จับมือ ตำรวจ ตรวจสต๊อกสินค้าหลายจังหวัด ทั้งโรงกลั่นปาล์มน้ำมัน หวั่นกักตุนฟันกำไรช่วงตรุษจีน พร้อมจัดสายตรวจ 55 ชุดลุยแหลก ถ้าพบทำผิด กักตุน-ค้ากำไรเกินควร จะดำเนินคดีเด็ดขาด แต่ยอมรับสินค้าอาจปรับราคาขึ้นเล็กน้อย ส่วนเนื้อหมูราคาทรงตัว สุราษฎร์ธานีตรวจห้องเย็นแปรรูปเนื้อสุกรรายใหญ่ 3 บริษัทไม่พบกักตุน
เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ความต้องการสินค้าไหว้เจ้าหลายรายการมีความต้องการมากกว่าปกติ ราคาจึงอาจจะปรับขึ้นบ้าง แต่เป็นการปรับขึ้นเล็กน้อย และสินค้าหลายตัวก็ปรับลดลง แต่สินค้าที่หลายคนกังวล คือ เนื้อหมู ขณะนี้แนวโน้มราคาหมูเนื้อแดงในท้องตลาดเริ่มปรับลดลงแล้ว จากการที่กรมการค้าภายในหารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกร โรงเชือด และห้างสรรพสินค้า ขณะนี้ราคาเริ่มทรงตัว และมีแนวโน้มปรับลดลง แต่หากพบเห็นการขึ้นราคาในช่วงนี้ ซึ่งไม่มีเหตุผล เพราะมีการตรึงราคาหน้าฟาร์มไว้ที่ 110 บาทต่อกิโลกรัม อย่างเช่นราคาหน้าฟาร์ม ของภาคตะวันออก ปรับลดลงเหลือ 104 บาทต่อกิโลกรัม ภาคตะวันออก เหลือกิโลกรัมละ 106 บาท ทำให้ราคาหน้าเขียงเฉลี่ยอยู่ 210-220 บาท
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ยอมรับว่าปีนี้ราคาปรับตัวสูงขึ้นจริง แต่ถือเป็นปีทองของชาวสวนปาล์ม จากปีที่ผ่านมาราคาตกต่ำ ซึ่งปัจจุบัน ราคาผลปาล์มขยับขึ้นไป 11 บาทกว่า แต่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ประมาณการณ์ว่าผลผลิตจะเริ่มทยอยออกสู่ตลาด และจะออกมากขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป จึงคาดว่าแนวโน้มสถานการณ์ราคาน่าจะอ่อนตัวลงตามกลไกตลาด ซึ่งที่ผ่านมาได้ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง และขอความร่วมมือโดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า ให้ช่วยกันประคับประคองราคา แต่ต้องยอมรับว่าปริมาณผลปาล์มปีนี้ ไม่สูงมากจากสถานการณ์โควิด ทำให้ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบลดลงในตลาดโลกลดลง ราคาก็ปรับสูงขึ้นตาม แต่สถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย จะทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบอ่อนตัวลงตาม
สำหรับการดูแลราคาสินค้า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ มีวอร์รูม ทั้งจัดชุดสายตรวจ 55 ชุด ที่จะออกไปตรวจสถานการณ์ราคาและบริการให้เป็นไปตามกฎหมาย ถ้าพบการกระทำความผิด ไม่ปิดป้ายราคาสินค้า หรือ ขายเกินราคาป้ายที่ปิดไว้ รวมทั้งถ้าพบการกักตุนหรือการค้ากำไรเกินควร จะมีการดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด ซึ่งสายตรวจ 55 ชุด นี้ไม่นับรวมในส่วนของภูมิภาค ที่จะมีผู้ว่าราชการจังหวัด จะเป็นแกนกลางในการทำงานและฝากเตือนผู้ค้า ไม่ควรฉวยโอกาส ในสถานการณ์นี้ โดยเฉพาะร้านธงฟ้า ถ้าพบจะถูกถอดสิทธิ์ทันที
ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ มีความห่วงใยจากสถานการณ์ที่ราคาปาล์มน้ำมันพรุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสาเหตุสภาพอากาศ ฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันน้อยกว่าปกติอย่างมาก หวั่นผู้ประกอบการรายใหญ่กักตุนสินค้า ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันทั้งระบบพุ่งสูงขึ้นไปอีก ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภคอุปโภคเป็นวงกว้าง จึงสั่งการให้ ตร. จัดชุดตรวจร่วมบูรณาการกับ กรมการค้าภายใน พาณิชย์จังหวัด ตรวจสต๊อกปาล์มน้ำมัน โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ โรงกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ตลอดจนคลังน้ำมันปาล์มฯ อีกด้วย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่าพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ กองบังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จัดชุดเฉพาะกิจ ร่วมกับ กรมการค้าภายใน พาณิชย์จังหวัด และตำรวจพื้นที่ เข้าตรวจสอบโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งพบว่ามีอยู่ในพื้นที่ 25 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้ เช่น กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช ปัตตานี พังงา ระนอง พัทลุง สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี นราธิวาส เป็นต้น
นอกจากนี้แล้ว ให้ทำการสุ่มตรวจโรงงานสต๊อกปาล์มน้ำมัน โรงกลั่นและคลังน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ หากพบว่าไม่มีการแจ้งการครอบครอง ก็จะถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง หรือหากมีการแจ้งการครอบครองไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.137 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รอง ผบ.ตร.ฯกล่าวว่าได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่สนับสนุนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อดำเนินการกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาปาล์มน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น หากพบเบาะแส สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือ สายด่วน กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ 1569
วันเดียวกัน นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานีได้รับรายงานจากนายวิสูตร อินทรกำเนิด นายอำเภอพุนพิน พร้อมด้วย พ.ต.อ.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี , พาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการที่สต็อกเนื้อสุกรแปรรูปเเช่เเข็งรายใหญ่ในพื้นที่ อ.พุนพิน จำนวน 3 แห่ง ได้เเก่ บริษัท ซีพีเเรม จำกัด , บริษัท ซีพีเอฟเทรดดิ้ง จำกัด เเละบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ซึ่งเป็นคลังกระจายสินค้า โดยขั้นตอนเข้าไปตรวจสอบได้ปฏิบัติตามกฎของบริษัทอย่างเคร่งครัดโดยต้องสวมใส่ชุดปลอดเชื้อขณะอยู่ในห้องเย็น
นายวิสูตร รายงานว่า ผลการตรวจสอบบริษัทฯ ทั้ง 3 เเห่ง ในเบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติ และไม่มีการกักตุนสินค้า ปริมาณเนื้อสุกรใกล้เคียงตามปริมาณยอดคำสั่งซื้อ(order)เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการฉวยโอกาสของผู้ประกอบการ จึงได้เเจ้งกำชับผู้ประกอบการห้ามกักตุนโดยเด็ดขาดจะมีความผิดตามกฎหมายซึ่งมีโทษทางอาญา และอำเภอจะคุมเข้มเพื่อสกัดการกักตุนเนื้อสุกร และหากตรวจพบ
รายงานข่าวแจ้งว่าล่าสุดจากปัญหาเนื้อสุกรแพงทำความเดือดร้อนให้ผู้บริโภค ได้มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจภูธรทุกพื้นที่ลงสำรวจฟาร์มเลี้ยงสุกรส่งข้อมูลรายงานเป็นรายวัน ประกอบด้วยข้อมูล เจ้าของฟาร์มชื่อ อายุ เบอร์โทร ชื่อสถานที่ ตั้งอยู่ที่ พิกัด ละติจูด ลองติดจูด จำนวนสุกรกี่ตัว มีใบอาชญาบัตร (ใบเชือด) หรือไม่ หากมีอนุญาตวันละกี่ตัว ขอทราบราคา กรณีไม่มีใบอาชญาบัตร เชือดวันละกี่ตัว หรือเชือดเกินใบอาชญาบัตร วันละกี่ตัว ขอทราบราคา (กรณีไม่เชือดเลย ส่งหมูไปเชือดที่ไหน คราวละกี่ตัว ขอทราบราคา)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี