ผู้ช่วยอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เมืองกาญจนบุรี แจงข่าวโต้หญิงชราวัย 64 ปีขอคืนมีดตัดมันฯคืนรับหากสังคมดูว่าก้าวร้าวพร้อมกราบโทษสังคม ส่วนอาการมึนเมาเหตุกินยาแก้แพ้ผนวกกับของมึนเมานิดหน่อย เผยหากถูกพาดพินจนเสียหาย พร้อมดำเนิคดีต่อผู้กระทำ เจ้าตัวเชื่อปมแค้นส่วนตัว
ความคืบหน้ากรณีพบคลิปถูกแชร์ลงในไลน์กลุ่มหน่วยงานของรัฐหน่วยงานหนึ่งในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีจำนวน 2 คลิปความยาวรวมกัน 7 นาที 13 วินาทีโดยผู้ถ่ายคลิปเป็นเสียงของเป็นหญิง และมีผู้หญิงสูงวัยกำลังเจรจาอยู่กับเจ้าหน้าที่เป็นชายการแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ โดยผู้ที่ถ่ายคลิปได้บอกเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวว่าขอมีดตัดมันสำปะหลังจำนวน 3 เล้มที่เจ้าหน้าที่เอามาจากไร่คืน แต่ชายคนดังกล่าวปฏิบัติพร้อมกับถามกลับมาว่า...แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าใครเอามา...จากนั้นผู้ถ่ายคลิปพูดว่า ขอแค่ได้มีดกลับไปเท่านั้นก็จบแล้วคะ เขาจะได้เอาไปฟันต้นมันฯและที่สำคัญตลอดการเจรจาเพื่อขอมีดคืนนั้น ชายแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ มีอาการมึนเมาเป็นอย่างมาก
อีกทั้งยังได้พูดจาลักษณะข่มขู่หญิงสูงวัยด้วยว่า ป้ามีดของป้านะ ผมจะเอามาทำ...เห้....อะไร เมื่อคุณยายคนดังกล่าวได้ยิน จึงตอบกลับไปว่า เออ นี่เอ็งพูดเองนะ ข้าไม่ได้ว่าเอ็งนะ เอ็งบอกว่าเอ็งจะเอาไปทำ...เห้....อะไร จากนั้นคุณยายจึงลุกยืนขึ้นมา พร้อมมองหน้าชายคนดังกล่าวอย่างสมเพส และพูดขึ้นมาว่า ข้าเกิดมาอายุ 64 ปีข้ามันรุ่นแม่เอ็งแล้วนะ...แต่ชายคนดังกล่าวกลับไม่รู้สึก พร้อมกับพูดตอบโต้ขึ้นมาว่า...อย่าเอาอายุมาพูดกันเลย...จากนั้นคุณยายกับผู้ถ่ายคลิปจึงเดินทางกลับ...แต่ระหว่างกำลังเดินทางกลับชายผู้แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ได้หันกลับมาชี้หน้าผู้ถ่ายคลิป... พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า...ไอ้ที่ถ่ายไว้นะให้เก็บไว้แล้วเอาไปพูดกัน...แล้วให้บอกผู้ใหญ่ จั๊ว ด้วยว่า...ถ้าเจ๋งมาเจอกัน... โดยคลิปถูกเผยแพร่ช่วงคืนวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (22 ก.พ.65) ว่าที่ร้อยตรี สิทธิศักดิ์ ฉันสิมา นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ผู้ที่ตกเป็นข่าวตามคลิปได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อนายยุทธพงศ์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ โดยหนังสือชี้แจงฉบับดังกล่าวระบุว่า ด้วยเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 ข้าพเจ้า ว่าที่ร้อยตรีสิทธิศักดิ์ ฉันสิมา นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ทรัพยากร อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจส่วนกลางและเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ศร.2 (ดงใหญ่) ได้ออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ในพื้นที่รับผิดชอบตามพื้นที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด โดยได้ออกปราบปรามการกระทำผิดบริเวณป่าบ้านปากเหมือง (ดงเล็ก) ท้องที่หมู่ที่ 7 ตำบลด่านแม่แฉลบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งในช่วงที่ผ่านในพื้นที่หมู่บ้านดังกล่าว
คณะเจ้าหน้าที่ได้เคยจับกุมผู้กระทำผิดในคดีเกี่ยวกับการทำไม้และล่าสัตว์บ่อยครั้ง ซึ่งได้รับแจ้งจากสายข่าวมาว่ามีการแอบลักลอบทำไม้ จึงได้ออกตรวจปราบปรามในบริเวณพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว โดยได้เข้าไปทำการดังซุ่มและออกตรวจฟังเสียงปืนและเลื่อยโซ่ยนต์ รวมถึงออกตรวจบริเวณพื้นที่ทำกินที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการกระทำความผิดในช่วงเวลากลางคืน เวลาตั้งแต่ 20.00-22.00 น.
จากการออกตรวจปราบรามฯ ยังไม่พบการกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้แต่อย่างใด จึงได้สิ้นสุดการปฏิบัติงานและกลับมาพักค้างบริเวณที่ตั้งบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ศร.2 (ดงใหญ่) ท้องที่หมู่ที่ 7 ตำบลด่านแม่แฉลบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้กำลังพลได้นอนพักผ่อนหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่ปฏิบัติหน้าที่ในการป้องปรามการกระทำผิดของคณะเจ้าหน้าที่แล้วนั้น
จนเมื่อเวลาประมาณ 23.30 น.มีชาวบ้านหมู่บ้านปากเหมือง (ดงเล็ก) ได้ขับรถยนต์กระบะ Revo ตอนเดียว ทะเบียน บว 2661 โดยเป็นผู้หญิงจำนวน 4 คนได้เดินทางมาที่หน่วยฯและมีท่าทีส่งเสียงเอะอะโวยวาย เข้ามายังในหน่วยพิทักษ์ฯ ยามวิกาล และพูดจากล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ฯ ทำนองว่า มีคณะเจ้าหน้าที่ได้หยิบมีด จำนวน 3 เล่มของตนมาด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติงานในช่วงเวลาดังกล่าว ยืนยันว่าไม่มีผู้ใดนำมีดหรือทรัพย์สินอื่นใดมาจากการออกปฏิบัติงานในช่วงเวลาดังกล่าว ตามที่กล่าวอ้างและในช่วงเวลาที่มีการเจรจามีผู้หญิงที่มากับคณะชาวบ้าน ได้ทำการบันทึกภาพเคลื่อนไหว (VDO) ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ แจ้งว่าสามารถบันทึกภาพได้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการปฏิบัติงาน
อีกทั้งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นยามวิกาลและเจ้าหน้าที่ได้พักผ่อนแล้ว ซึ่งหลังจากเจรจาเสร็จสิ้นแล้วชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวได้เดินทางกลับในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน จากสถานการณ์ดังกล่าวคณะเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงและกระทำไปตามอำนาจหน้าที่
ต่อมาวันที่ 22 กันยายน 2565 ข้าพเจ้าได้เห็นคลิปวีดีโอ ถูกนำไปออกสื่อต่างๆ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้ว ข้าพเจ้ากับเจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นผู้หยิบมีดดังกล่าวตามกล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้สถานที่ถ่ายคลิปวีดีโอดังกล่าว เป็นหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ศร.2 (ดงใหญ่) ซึ่งข้าพเจ้ากับเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการพักผ่อนในที่พักแล้ว แต่มีกลุ่มบุคคลได้เข้ามาโวยวายที่หน่วยฯ
ข้าพเจ้าในฐานนะหัวหน้าชุดจึงได้ออกมาชี้แจงว่าไม่ได้เป็นคนเอามีดไป ซึ่งมีคนกล่าวหา ซึ่งพูดจากอยู่นาน จนปรากฏในคลิปตามสื่อไปพูดถึงการพูดจาตอบโต้ของตนก็เพื่อที่ปกป้องศักดิ์ศรีฯของข้าพเจ้า ทั้งในคลิปก็ไม่มีอะไรรุนแรง แต่หากสังคมดูว่าตนเองก้าวร้าวไปบ้าง ตนก็กราบขอกราบโทษสังคม ในส่วนที่มองว่าตนมีอาการมึนเมาเนื่องจากตนอาการไม่ค่อยดี และได้ทานยาแก้แพ้ผนวกกับของมึนเมานิดหน่อยจากนอกเขตอุทยานฯ ก่อนที่จะเข้าพักที่พักในหน่วยฯ
ทั้งนี้ พื้นที่หมู่บ้านปากเหมือง (บ้านดงเล็ก-ดงใหญ่) เป็นพื้นที่ป่าที่อยู่ใจกลางอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ท้องที่หมู่ที่ 7 ตำบลด่านแม่แฉลบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงต่อการกระทำผิดทุกประเภท ฝ่ายอนุรักษ์ทรัพยากรได้ตรวจสอบโดยตั้งแต่ปี พ.ศ.2560-2565 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดพื้นที่บุกรุกจำนวน 10 แปลง เนื้อที่ 84-3-75 ไร่ คดีทำไม้ 9 คดี ผู้ต้องหา 9 คน รวมปริมาตรไม้หวงห้าม 6.387 ลูกบาศก์เมตร คดีล่าสัตว์จำนวน 16 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 22 คนและคดีฐานความผิดฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 1 คดี
ทั้งนี้ จากการปฏิบัติงานในการป้องกันกวดขันดูแลทรัพยากรอย่างเข้มงวด อาจทำให้ผู้มีส่วนได้เสียสูญเสียประโยชน์ และหาช่องทางทำให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความเสียหายก็เป็นได้ หากมีสิ่งใดที่พาดพิงเสียหายต่อชื่อเสียงของข้าพเจ้าในส่วนที่ไม่เป็นความจริงข้าพเจ้าพร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมาย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี