โฆษกศาลยุติธรรมแจงขั้นตอนออกหมายจับ ‘รังสิมันต์ โรม’ คดีหมิ่นฯมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ ชี้ไม่ปรากฏติดประชุม กมธ.11 มี.ค. ส่อบ่ายเบี่ยงเรื่อยๆ สันนิษฐานว่าจะหลบหนี ไม่มาตามหมายเรียก
วันที่ 25 มีนาคม 2565 นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม ได้ชี้แจงขั้นตอนกระบวนการพิจารณาคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับ กรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ซึ่งถูกพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5จังหวัดผู้เสียหาย โดยโพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียล และให้สัมภาษณ์ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกระบวนการยื่นคำขอออกหมายจับและคำสั่งออกหมายจับของศาลอาญาตลิ่งชัน ว่า
เมื่อวันที่ 27 ต.ค.64 พนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับ นายรังสิมันต์ ผู้ต้องหา โดยอ้างเหตุผู้ต้องหาไม่พบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก 2 ครั้ง คือ ในวันที่ 15 ต.ค.64 และวันที่ 26 ต.ค.64 โดยศาลอาญาตลิ่งชัน ดำเนินการไต่สวนผู้ร้องแล้วเห็นว่าในวันดังกล่าวยังไม่มีเหตุออกหมายจับเนื่องจากปรากฏตามรายงานว่า ผู้ต้องหาติดประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ระหว่างวันที่ 25-27 ต.ค.64 จึงมีเหตุผลที่ผู้ต้องหาไม่อาจไปพบพนักงานสอบสวนได้ ศาลจึงมีคำสั่งยกคำร้อง
ต่อมาวันที่ 5 มี.ค.65 พนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ ได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับเป็นครั้งที่ 2 โดยอ้างเหตุผู้ต้องหาไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก
ศาลไต่สวนแล้ว เห็นว่าขณะที่ออกหมายเรียกยังอยู่ในสมัยประชุมรัฐสภาอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2560 มาตรา 125 เมื่อผู้ต้องหาไม่ได้ไปพบผู้ร้องในวันนัด จึงไม่เป็นการขัดหมายเรียก ให้ยกคำร้อง
ต่อมาวันที่ 14 มี.ค.65 พนักงานสอบสวน สน.บางขุนนท์ ยื่นคำร้องขอออกหมายจับครั้งที่ 3 โดยอ้างเหตุว่าผู้ต้องหาไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกในวันที่ 11 มี.ค. 65 ศาลไต่สวนพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบพยานเอกสารคำร้องขอความเป็นธรรมของนายรังสิมันต์ ที่ยื่นต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว
กระทั่งวันที่ 15 มี.ค.65 ศาลอาญาตลิ่งชัน มีคำสั่งให้ออกหมายจับผู้ต้องหา เนื่องจากปรากฏพยานหลักฐานจากการไต่สวนว่า พนักงานสอบสวนยืนยันว่า ได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดีนี้จนเสร็จสิ้นแล้วมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายรังสิมันต์ โรม ผู้ต้องหาในความผิดฐาน หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาฯ เสนอผู้บังคับบัญชาแล้ว ต่อมาผู้บังคับบัญชามีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2564 ผู้ร้องประสงค์จะนำตัว ผู้ต้องหาพร้อมสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 142 จึงออกหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ลงวันที่ 6 ต.ค. 2564 ให้ไปพบผู้ร้องในวันที่ 15 ต.ค. 2564 แต่ในวันที่ 15 ต.ค. 2564 ผู้รับมอบอำนาจของผู้ต้องหา ได้ แจ้งเหตุขัดข้องว่า ผู้ต้องหาติดประชุมพรรคก้าวไกลขอเลื่อนการเข้าพบเป็นวันที่ 26 ต.ค. 2564 ผู้ร้องจึงได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ลงวันที่ 14 ต.ค. 2565 ให้ผู้ต้องหามาพบผู้ร้องในวันที่ 26 ต.ค.2564
ครั้นในวันที่ 25 ต.ค. 2564 ผู้รับมอบอำนาจผู้ต้องหาได้แจ้งเหตุขัดข้องว่า ผู้ต้องหาติดประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการ ทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ... จึงขอเลื่อนเข้าพบผู้ร้องออกไปก่อน แต่ผู้ร้องได้แจ้งแก่ ผู้รับมอบอำนาจผู้ต้องหาว่า วันนัดที่ 26 ต.ค. 2564 เป็นวันที่ผู้ต้องหาเป็นผู้กำหนดเองจึงขอให้ไป แจ้งผู้ต้องหาให้มาพบผู้ร้องในวันดังกล่าว แต่ผู้ต้องหาก็ไม่ได้มาตามนัดและตามหมายเรียก
ต่อมาผู้ร้อง โทรศัพท์ไปหาทนายความของผู้ต้องหาเพื่อสอบถามผู้ต้องหาว่า จะมาพบผู้ร้องได้เมื่อไร ทนายความ ของผู้ต้องหาแจ้งแก่ผู้ร้องว่าผู้ต้องหาตกลงจะมาพบผู้ร้องในวันที่ 3 พ.ย. 2564 แต่ผู้ต้องหาก็ไม่ได้มาตามที่นัด
กระทั่งผู้ร้องได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งล่าสุดลงวันที่ 5 มี.ค. 2565 ให้มาพบผู้ร้องวันที่ 11 มี.ค 2565 แต่ผู้ต้องหาก็ไม่ได้มาพบเพียงแต่ให้ผู้รับมอบ อำนาจแจ้งเหตุขัดข้องว่า ติดประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน จึงขอเลื่อนวันเข้าพบวันที่ 31 มี.ค. 2565 โดยได้แนบ หลักฐานสรุปผลการประชุมคณะทำงานการบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายปกครองหรือตำรวจครั้งที่ 2 ลงวันที่ 5 มี.ค. 2565และประกาศคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และ การมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ตั้งคณะทำงานศึกษาการบังคับใช้กฎหมายของ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจโดยผู้ต้องหามีตำแหน่งรองประธานคนที่ 2 เท่านั้น แต่ไม่ปรากฎรายละเอียดที่แสดงว่าผู้ต้องหาติดประชุมในวันที่ 11 มี.ค. 2565 ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด
ทั้งนี้ผู้ร้องยังได้ตรวจสอบเว็บไซต์คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ก็ไม่พบว่ามีการนัดประชุมในวันที่ 11 มี.ค.นี้
ศาลจึงเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างของผู้ต้องหาที่ไม่มาพบผู้ร้องในวันที่ 11 มี.ค.65 ตามหมายเรียกโดยอ้างเหตุว่าติดประชุมไม่อาจรับฟังได้ เนื่องจากไม่ปรากฏรายละเอียดที่แสดงว่าผู้ต้องหาติดประชุมตามที่กล่าวอ้าง และส่อไปในทางบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่มาตามหมายเรียก ถือว่าเป็นการไม่มาตามหมายเรียกโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควรและให้สันนิษฐานว่า ผู้ต้องหาจะหลบหนี เมื่อได้ความว่าผู้ร้องมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ฯ จึงเป็นกรณีที่มีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดอาญา และมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนีไม่ยอมมาพบผู้ร้องตามหมายเรียก
ดังนั้นศาลอาญาตลิ่งชันจึงอนุญาตให้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามขอ และเมื่อจัดการตามหมายจับได้แล้วให้ส่งบันทึกการจับกุมต่อศาลภายใน 7 วัน
ต่อมาวันที่ 17 มี.ค.65 นายรังสิมันต์ ผู้ต้องหา มีหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกรณีการขอออกหมายจับยื่นถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาตลิ่งชัน ซึ่งอธิบดีผู้พิพากษาฯ พิจารณาทุกประการแล้วเห็นว่าพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอให้ออกหมายจับเมื่อวันที่ 14 มี.ค.65 ศาลได้ไต่สวนพยานบุคคล พยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งพยานเอกสารคำร้องขอความเป็นธรรม แล้วมีคำสั่งในวันที่ 15 มี.ค.65 ให้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามคำขอ.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี