ลุยจับ‘หมอเถื่อน’ปลอมวุฒิ รับเสริมความงาม ‘ดารา’เป็นเหยื่อเกือบ10ราย
7 เมษายน 2565 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. , พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ปอท. รรท.รอง ผบก.ปคบ. , พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. , กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมหมอเสริมความงามเถื่อน
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (กก.4 บก.ปคบ.) รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมาก ให้ทำการตรวจสอบแพทย์ที่ทำการรักษาสถานพยาบาลเสริมความงามแห่งหนึ่ง ซึ่งมีการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กพบว่ามีการโฆษณาระบุแพทย์ที่ทำการรักษา ชื่อนายแพทย์ ธนากร (สงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบข้อมูลกับแพทยสภา ไม่พบว่า นายธนากร ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาล
ต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับเลขที่ 592/2565 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2565 ในข้อหา “โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน,ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้คำว่า แพทย์ นายแพทย์ แพทย์หญิง หรือนายแพทย์หญิง หรือใช้อักษรย่อของคำดังกล่าวหรือใช้คำแสดงวุฒิการศึกษาทางแพทย์ศาสตร์ หรือใช้อักษรย่อของวุฒิดังกล่าว ประกอบกับชื่อนามสกุลของตน หรือใช้คำหรือข้อความอื่นใดที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 และ พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525
ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 13.10 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. พร้อมกับเจ้าหน้าที่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ร่วมกันนำหมายค้นของศาลอาญา ที่ 236/2565 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2565 เข้าตรวจค้นสถานพยาบาล ย่านแขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ พบนายธนากร กำลังให้การรักษาประชาชนผู้มารับบริการอยู่ในสถานพยาบาลดังกล่าว และจากการตรวจสอบใบประวัติผู้เข้ารับการรักษาพยาบาล พบว่า มีการรักษาเสริมความงามให้กับดารานักแสดง 8 คนอีกด้วย
เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุม นายธนากร ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจากการสอบสวนนายธนากร รับว่าตนเองไม่ได้จบแพทย์แต่อย่างใด โดยวุฒิการศึกษาที่ตนอ้างว่าจบมาจากต่างประเทศ เป็นวุฒิที่ไม่เป็นความจริง
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม 1. พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์(ฉบับที่ ๒) พ.ศ.2560 ฐานโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 2. พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. กล่าวว่า ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกเข้ารับบริการเสริมความงามกับสถานพยาบาลเสริมความงามที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้ ซึ่งแพทย์ที่ทำการรักษาในคลินิกจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม และขอเตือนผู้ที่แอบอ้างเป็นแพทย์เพื่อประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือสถานพยาบาลเสริมความงามที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที หากตรวจพบจะดำเนินคดีถึงที่สุด เพราะท่านกำลังทำให้ผู้ประชาชนผู้ใช้บริการได้รับความเสี่ยงในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในการเสริมความงามที่ไม่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ. เตือนภัยผู้บริโภค
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี