ไทยติดเชื้อ 2.5 หมื่นราย ดับ 89 ราย ‘บิ๊กตู่’ หนุน ATK สัญชาติไทยโดยศิริราช สั่งเพิ่มกำลังผลิตให้ได้เดือนละ 1 ล้านชิ้น เปิดข้อมูลผลข้างเคียงวัคซีนทำตายแล้ว 6 คน จากทั้งหมด 130 ล้านโดส ประชุม ศบค.ครั้งหน้าถกแผนเข้าประเทศเหลือตรวจแค่ ATK ไฟเขียวจัดหาวัคซีนสำเร็จรูปกลุ่มเสี่ยงสูง
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 8 เมษายน 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธาน ว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25,140 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 24,991 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 24,750 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 241 ราย มาจากเรือนจำ 49 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 100 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 3,833,048 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 24,854 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 3,558,917 ราย อยู่ระหว่างรักษา 248,254 ราย อาการหนัก 1,899 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 815 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 89 ราย เป็นชาย 40 ราย หญิง 47 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 71 ราย มีโรคเรื้อรัง 12 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 25,877 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 496,549,028 ราย เสียชีวิตสะสม 6,195,441 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค.เห็นชอบคงระดับสถานการณ์พื้นที่เดิม นอกจากนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้รายงานเรื่องการเตรียมชุดตรวจเอทีเค (ATK) กระจายให้กับกลุ่มเสี่ยงระหว่าง มี.ค.-ก.ย.65 ว่า ได้เตรียมไว้ประมาณ 22.8 ล้านชิ้น กระจายไปแล้ว 3.1 ล้านชิ้น มีผู้ได้รับ 1.2 ล้านคน มีผลเป็นบวก 2.3% ใช้ต้นทุนต่อชุดประมาณ 55 บาท โดยมีการอนุมัติงบประมาณไปแล้ว 170 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังมีการรายงานว่า ศิริราชพยาบาลได้พัฒนาชุดตรวจเอทีเคสัญชาติไทย ราคา 40 บาทต่อชิ้น ผลิตได้ 2 แสนชิ้นต่อเดือน โดยนายกฯระบุว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเพิ่มการผลิตให้ได้ 1 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุขแจ้งว่าเป็นไปได้ โดยภาครัฐจำเป็นต้องเข้ามาช่วยดำเนินการ เพราะจะเป็นกลไกหนึ่งที่ทำให้เอทีเคราคาไม่สูงเกินไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงการเดินทางเข้าประเทศหลังมีการออกมาตรการยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศว่าการเดินทางประเทศเมื่อปี 64 ที่ผ่านมาว่า มีผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งสิ้น 4.2 แสนคน ส่วนปี 65 ระหว่าง มี.ค.-เม.ย. มีผู้เดินทางเข้ามาแล้วถึง 4.7 แสนคน ทำให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นผู้นำในการเปิดประเทศ และชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาประเทศไทยจำนวนมาก โดยที่ประชุมได้รับทราบแนวทางการปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรที่จะเริ่มในเดือน พ.ค. ว่าอาจจะปรับลดหลักฐานที่จะต้องใช้ในระบบไทยแลนด์พลัส ผ่อนคลายวงเงินประกัน เดิม 2 หมื่นดอลลาร์ที่อาจสูงเกินให้ต่ำลงมา ปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางเข้าประเทศมาเป็นตรวจเอทีเค แต่ทั้งนี้ ยังเป็นเพียงหลักการที่ยังไม่ได้ข้อสรุป จะมีการพิจารณาเรื่องนี้ในการประชุมศบค.ครั้งต่อไป เพราะจะให้มีผลในเดือน พ.ค. อีกทั้งนายกฯต้องการดูผลในช่วงสงกรานต์ก่อน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุมยังได้มีการรายงานเกี่ยวกับเหตุไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ว่า มีจำนวนผู้ฉีดวัคซีนทั้งสิ้นถึงวันที่ 3 เม.ย.จำนวน 130,139,978 โดส พบอาการไม่พึงประสงค์ร้ายแรงที่เกี่ยวกับวัคซีนจำนวน 123 ราย หรือคิดเป็น 0.9 รายต่อล้านโดส มีการเสียชีวิตที่สรุปได้ว่าเกี่ยวกับวัคซีนจำนวน 6 ราย หรือคิดเป็น 0.04 รายต่อล้านโดส ข้อมูลตรงนี้จะทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในการเข้ารับวัคซีนให้มากขึ้น อีกทั้งในปัจจุบันมีกลุ่ม 608 ที่ยังไม่ได้ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นถึง 60%
นอกจากนี้ ศบค.ยังมีแผนจัดหา Long-acting antibody (LAAB) ซึ่งเป็นวัคซีนภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปสำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงที่ภูมิคุ้มกันต่ำ โดยเมื่อฉีดไปแล้วจะมีภูมิคุ้มกันทันที ไม่ต้องรอสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับสัญญาที่สั่งซื้อวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซเนก้าให้เราได้รับวัคซีนดังกล่าวโดยใช้กรอบวงเงินเดิม
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี