มติศบค.ยังคง4มาตรการโควิด
ไม่ห้ามจัด‘สงกรานต์’
งดสาดน้ำ/ขอแค่‘ริน รด พรม’
จำกัดดื่มในร้านไม่เกิน5ทุ่ม
นายกฯย้ำทุกจว.เร่งฉีดวัคซีน
ลุยแจกชุดATK22.8ล้านชิ้น
สั่งสปสช.หาวิธีทำให้ราคาถูก
ติดใหม่รวมATK4.8หมื่น/ดับ89
ศบค.ถกชุดใหญ่เห็นชอบคงมาตรการจัดสงกรานต์ คงสถานการณ์พื้นที่โควิด ไม่ออกมาตรการเพิ่ม เดินหน้าแจกชุดตรวจ ATK 22.8 ล้านชิ้น ไฟเขียวจัดหาวัคซีนสำเร็จรูปให้กลุ่มเสี่ยงสูง สร้างภูมิคุ้มกันทันที ย้ำแนวทางจัดสงกรานต์ห้ามสาดน้ำ แค่ “ริน รด พรม” เน้นตามประเพณีเท่านั้น นายกฯสั่งสปสช.หาแนวทางให้ ATK ราคาถูกลง พร้อมหนุนชุดตรวจสัญชาติไทยฝีมือศิริราช เป็นไปได้ให้เพิ่มกำลังผลิตเดือนละ 1 ล้านชิ้น ย้ำ ผู้ว่าฯทั่วประเทศ เร่งฉีดวัคซีนให้มากที่สุดโดยเฉพาะกลุ่ม 608 ก่อนลูกหลานกลับบ้าน เผยขอดูสถานการณ์หลังสงกรานต์หากยอดติดเชื้อลดเดือนพฤษภาคมอาจผ่อนคลายเพิ่มบางมาตรการ ส่วนการยกเลิกตรวจ RT-PCR นักท่องเที่ยวเข้าไทยแค่เห็นชอบหลักการ ยังไม่สรุป
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.แถลงผลประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธาน พร้อมสรุปจำนวนผู้ติดเชื้อ เสียชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยอาการหนักและผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจที่ขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ติดเชื้อ25,140-ตาย89/โคมาเฉียด1.9พัน
สำหรับสถานการณ์ระบาดในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25,140 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 24,991 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 24,750 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 241 ราย มาจากเรือนจำ 49 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 100 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 3,833,048 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 24,854 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 3,558,917 ราย อยู่ระหว่างรักษา 248,254 ราย ส่วนผู้ป่วยอาการหนัก 1,899 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 815 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 89 ราย คิดเป็น 0.26% เป็นชาย 40 ราย หญิง 47 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 71 ราย มีโรคเรื้อรัง 12 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 25,877 ราย
สถานการณ์ไทยไม่ได้แย่-อีสานแชมป์ตาย
“ถือว่าสถานการณ์ไม่ได้แย่กว่าประเทศอื่นในโลกที่อัตราเสียชีวิตสูงกว่าไทย อยู่ในศักยภาพระบบสาธารณสุขที่ดูแลได้ หากมาดูสถิติเส้นกราฟติดเชื้อรายวันจะอยู่ประมาณ 25,000 ราย หากรวมผู้ป่วยที่ตรวจ ATK จะอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 ราย แต่ตัวเลขผู้ป่วยปอดอักเสบ ที่เป็นตัวเลขสำคัญอยู่ที่ 1,899 ราย ค่อยๆพุ่งขึ้น อัตราติดเชื้อและเสียชีวิตจะอยู่ที่ผู้สูงอายุ กว่า 93% โดยเฉพาะ ภาคอีสานที่มีอัตราผู้เสียชีวิตสูงสุด ช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีแรงงานเดินทางกลับภูมิลำเนาไปภาคอีสานที่มีการฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 หรือกลุ่มโรคร้ายและผู้สูงอายุค่อนข้างน้อย ดังนั้น จึงขอความร่วมมือให้ฉีดวัคซีนก่อนที่ลูกหลานจะเดินทางกลับมา”นพ.ทวีศิลป์กล่าว
กทม.นำโด่งติดเชื้อ-ปอดอักเสบสูงสุด
และว่า สำหรับ 10 อันดับที่มีผู้ติดเชื้อปอดอักเสบกำลังรักษาในโรงพยาบาลมากที่สุด ดังนี้ กรุงเทพฯ นครราชสีมา สมุทรปราการ กาญจนบุรี ชลบุรี บุรีรัมย์ นนทบุรี เชียงราย อุดรธานี และสงขลา อัตราการครองเตียงยังมีเพียงพอ ส่วนจังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุด 10 อันดับนั้น อันดับที่ 1 ยังคงเป็นกรุงเทพฯ 3,078 ราย ชลบุรี 1,225 ราย ขอนแก่น 1,174 ราย สมุทรปราการ 856 ราย นครศรีธรรมราช 848 ราย นนทบุรี 806 ราย สมุทรปราการ 703 ราย นครปฐม 668 ราย ราชบุรี 631 ราย และอุดรธานี 537 ราย ถือว่ายังอยู่ในช่วงการต่อสู้กับการติดเชื้อ
วอนร่วมมือกดยอดติดเชื้อให้เข้าระยะ3
นพ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า นายกฯขอให้ทำให้ดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ เพื่อที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลง ทั้งนี้ จะต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนจึงจะสามารถผ่านเข้าช่วงระยะที่ 2 คือช่วงหลังสงกรานต์ ถ้าตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่สูงขึ้นมา ระยะ 3 ที่อัตราการติดเชื้อลดลง ก็จะเกิดขึ้นได้เร็ว นอกจากนี้ ยังขอให้สปสช.เพิ่มคู่สาย 1330 เพื่อให้การเข้าถึงบริการของประชาชนรวดเร็วยิ่งขึ้น และขอให้เร่งฉีดวัคซีนนักเรียน รองรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 กลางเดือนพฤษภาคมนี้
ทุ่ม170ล.แจกATK22.8ล.ชิ้นให้กลุ่มเสี่ยง
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบคงระดับสถานการณ์พื้นที่เดิม เปิดให้จัดสงกรานต์ได้ และขอจัดเล่นสงกรานต์อย่างปลอดภัย โดยแนะนำให้ “ ริน-รด-พรม”แทนการสาดน้ำ ให้ขออนุญาตจัดงานกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ปฏิบัติตามมาตรการ Thai Stop COVID 2-Plus และมาตรการ COVID Free Setting นอกจากนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ได้รายงานเรื่องการเตรียมชุดตรวจเอทีเค (ATK) กระจายให้กลุ่มเสี่ยงระหว่างเดือนมีนาคม- กันยายนว่า เตรียมไว้ประมาณ 22.8 ล้านชิ้น กระจายไปแล้ว 3.1 ล้านชิ้น มีผู้ได้รับ 1.2 ล้านคน มีผลเป็นบวก 2.3% ใช้ต้นทุนต่อชุดประมาณ 55 บาท โดยอนุมัติงบประมาณไปแล้ว 170 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมติที่ประชุมคง 4 มาตรการควบคุมการระบาดของโควิดช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565 ประกอบด้วย จำกัดเวลาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (พื้นที่สีฟ้า) และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (พื้นที่สีส้ม) ไม่เกิน 23.00 น. ร้านอาหารดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2-Plus และมาตรการ COVID Free Setting สถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ เปิดแบบร้านอาหารได้ ขออนุญาตคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกทม. และWork From Home ตามความเหมาะสม
หนุนATKสัญชาติไทยชุดละ40บ.
ขณะเดียวกัน ยังมีการรายงานว่า ศิริราชพยาบาลได้พัฒนาชุดตรวจเอทีเคสัญชาติไทย ราคา 40 บาทต่อชิ้น ผลิตได้ 2 แสนชิ้นต่อเดือน โดยนายกฯระบุว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเพิ่มการผลิตให้ได้ 1 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขแจ้งว่าเป็นไปได้ โดยภาครัฐต้องเข้ามาช่วยดำเนินการ เพราะจะเป็นกลไกหนึ่งที่ทำให้เอทีเคราคาไม่สูงเกินไป
รอดูหลังสงกรานต์เคาะเลิกPCRเข้าปท.
นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงการเดินทางเข้าประเทศหลังมีการออกมาตรการยกเลิกการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศว่าการเดินทางประเทศเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา มีผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งหมด 4.2 แสนคน ส่วนปี 2565 ระหว่าง เดือนมีนาคม-เมษายนมีผู้เดินทางเข้ามาแล้วถึง 4.7 แสนคน ทำให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นผู้นำเปิดประเทศ และชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาประเทศไทยจำนวนมาก โดยที่ประชุมรับทราบแนวทางปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรที่จะเริ่มเดือนพฤษภาคมว่า อาจปรับลดหลักฐานที่ต้องใช้ในระบบไทยแลนด์พลัส ผ่อนคลายวงเงินประกันเดิม 2 หมื่นดอลลาร์ที่อาจสูงเกินให้ต่ำลงมา ปรับรูปแบบตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางเข้าประเทศมาเป็นตรวจเอทีเค แต่ทั้งนี้ยังเป็นเพียงหลักการยังไม่ได้ข้อสรุป จะพิจารณาเรื่องนี้ในการประชุม ศบค.ครั้งต่อไป เพราะจะให้มีผลเดือนพฤษภาคม อีกทั้ง นายกฯต้องการดูผลช่วงสงกรานต์ก่อน
ฉีดวัคซีนสะสมกว่า130ล.โดส
นพ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมยังได้รายงานเกี่ยวกับเหตุไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ว่า มีจำนวนผู้ฉีดวัคซีนจนถึงวันที่ 3 เมษายน 130,139,978 โดส พบอาการไม่พึงประสงค์ร้ายแรงที่เกี่ยวกับวัคซีน 123 ราย หรือคิดเป็น 0.9 รายต่อล้านโดส เสียชีวิตที่สรุปได้ว่าเกี่ยวกับวัคซีน 6 ราย หรือคิดเป็น 0.04 รายต่อล้านโดส ข้อมูลตรงนี้จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้ในการเข้ารับวัคซีนให้มากขึ้น อีกทั้ง ปัจจุบันมีกลุ่ม 608 ที่ยังไม่ได้ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นถึง 60%
เล็งจัดหาวัคซีนภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป
นอกจากนี้ ศบค.ยังมีแผนจัดหา Long-acting antibody (LAAB) ซึ่งเป็นวัคซีนภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปสำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งเมื่อฉีดไปแล้วจะมีภูมิคุ้มกันทันที ไม่ต้องรอสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับสัญญาที่สั่งซื้อวัคซีนจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้าให้เราได้รับวัคซีนดังกล่าวโดยใช้กรอบวงเงินเดิม
ย้ำงดสาดน้ำเน้น“ริน รด พรม”
ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงการปฏิบัติตัวช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า จะเตรียมความพร้อม 2 ด้านคือ 1.เตรียมตัวประชาชนให้ปลอดภัยด้วยการฉีดวัคซีน และ2.เตรียมสถานที่ให้พร้อมตามมาตรการโควิดฟรีเซตติ้งก่อนทำกิจกรรม ซึ่งจะมีรูปแบบการประเมินตัวเองก่อนจัดงาน สำหรับกิจกรรมที่จัดในครอบครัว ทั้งสรงน้ำพระ รดน้ำดำหัว รับประทานอาหารร่วมกันสามารถทำได้ แต่ขอแนะนำให้จัดในพื้นที่โล่ง ลดความใกล้ชิด กลุ่ม 608 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนขออย่าร่วมกิจกรรม ส่วนกิจกรรมขนาดเล็ก ในหมู่บ้าน ชุมชนดำเนินการได้เลย โดยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ให้รับทราบ ขอให้เน้นกิจกรรมตามประเพณี ริน รด พรม แต่การฉีดน้ำที่รุนแรงหรือสาดน้ำโดยไม่ขออนุญาตถือเป็นการทำผิดกฎหมายปกติอยู่แล้ว ขอให้ละเว้น
คัดกรองคนร่วมงานจำกัดพื้นที่1:4
ส่วนกิจกรรมขนาดใหญ่ ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อกำหนดมาตรการให้สอดคล้องกับสถานที่ ที่สำคัญเมื่ออนุญาตไปแล้วคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดต้องเข้าไปควบคุมติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการ ขอย้ำผู้จัดกิจกรรมต้องรับผิดชอบและควบคุมการจัดงานเพื่อให้มีเทศกาลสงกรานต์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งเสริมประเพณีควบคู่ไปกับการควบคุมโรค
ขณะที่นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะควบคุมดูแลจัดกิจกรรมที่ขออนุญาต เพื่อให้ประชาชนทำตามมาตรการที่ออกมา และให้จังหวัดสำรวจจุดจัดกิจกรรมขนาดใหญ่และให้หารือกับผู้จัดงานเพื่อกำหนดมาตรการว่าอะไรทำได้แค่ไหน เรามีหลักเกณฑ์กลางคือ การคัดกรองผู้ร่วมงาน การให้พื้นที่ 1 คนต่อ 4 ตารางเมตรเป็นหลัก ขณะที่มาตรการเพิ่มเติมให้ทำตามความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ และให้ประชาชนร่วมมือกับมาตรการที่ออกมาด้วย
เจอจับกทม.เข้มห้ามเล่นน้ำที่สาธารณะ
นพ.สุนทร สุนทรชาติ ผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ปีนี้มีทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานภาคประชาชน ขออนุญาตจัดกิจกรรมสงกรานต์เข้ามา 15 ราย ส่วนกิจกรรมในครอบครัวไม่ห้าม เล่นน้ำในครอบครัวได้ตามประเพณี แต่ต้องขอความร่วมมือในทางปฏิบัติตามมาตรการ ทั้งนี้ ศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยมีเพียงพอ แต่ถ้ามีมากต้องขอประชาชนช่วยกันไม่ให้ระบาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กทม. เน้นแนวทางปฏิบัติตามกระทรวงสาธารณสุขกำหนด ห้ามปาร์ตี้โฟม ห้ามเล่นในที่สาธารณะ ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งปลัด กทม.ประชุมกำชับผู้อำนวยการเขตไปแล้ว เพื่อร่วมทำงานกับฝ่ายความมั่นคงช่วยกันดูแลแนะนำประชาชน ทั้งนี้ สงกรานต์ปีนี้ไม่มีเล่นน้ำในที่สาธารณะของกทม. โดยประสานตำรวจนครบาลไว้แล้วว่าหากพบให้ดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนเรื่องปิดถนนยังไม่มีใครขออนุญาต
ศปม.ส่ง1,738ชุดคุมเข้มพื้นที่จัดงาน
พล.ท.ชิดชนก นุชฉายา เจ้ากรมยุทธการทหาร กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง(ศปม.)บูรณาการทำงานกับทหาร ตำรวจ กระทรวงสาธารณสุข พลเรือน กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร ที่ปกติจะมีชุดตรวจกิจการหรือกิจกรรมการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิดอยู่ทั่วประเทศ 1,738 ชุด ออกตรวจสถานประกอบการ เราจะเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยกิจกรรมช่วงสงกรานต์ จะมีตำรวจเป็นผู้ปฏิบัติหลัก ร่วมกับฝ่ายทหาร เพื่อประสานจังหวัดและกรุงเทพมหานครลงพื้นที่สำรวจทั่วประเทศ เน้นพื้นที่จัดกิจกรรมสงกรานต์ขนาดใหญ่ ขณะนี้มี 34 พื้นที่ ใน 21 จังหวัด และอาจมีเพิ่มเติม เบื้องต้นเชิญผู้จัดงานมาฟังคำชี้แจงและขอความร่วมมือในการปฏิบัติ และจัดชุดตรวจร่วมลงไปช่วยตรวจ ให้คำแนะนำการเตรียมมาตรการและช่วงที่มีการจัดงานจะมีชุดตรวจเคลื่อนที่ลงตรวจพื้นที่จัดงานให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุขกำหนด
รับติดเชื้อวันละแสน-ตายพิ่ม3-4เท่า
ทั้งนี้ นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษา ศบค.ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมศบค.ชุดใหญ่ถึงมาตรการป้องกันการระบาดโควิด-19 ช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงที่ แต่ถ้าดูตัวเลขผู้ติดเชื้อปอดอักเสบ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์มีประมาณ 500 ราย แต่ตอนนี้ขึ้นไปถึง 1,800 - 1,900 ราย เพิ่มขึ้นคิดเป็น 3-4 เท่า ส่วนผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจมีประมาณ 800 ราย เพิ่มขึ้นคิดเป็นเกือบ 8 เท่า ส่วนจำนวนผู้ป่วยตายเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์มีเพียง 10-20ราย แต่วันนี้ขึ้นมาถึง 89 ราย เพิ่มขึ้น 3-4 เท่า หมายความว่าจำนวนผู้ป่วยยังมีจำนวนมากวันละ5-6หมื่นราย ซึ่งยังมีที่ยังไม่ได้ตรวจอีกประมาณ 2-3 เท่า ทำให้รวมติดเชื้อวันละกว่าแสนราย
ไม่เพิ่มมาตรการขอช่วยตัดวงจรระบาด
“ที่กลัวคือจะระบาดกระจายช่วงสงกรานต์ เพราะมีการรวมตัวกัน การประชุม ศบค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค.จึงอยากมาย้ำเรื่องมาตรการโดยเฉพาะกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่ต้องไปเคร่งครัดมาตรการ เพราะจะไม่เพิ่มมาตรการใดๆแล้ว ขณะนี้มีแต่ผ่อนอย่างเดียว แต่เมื่อเราผ่อนประชาชนต้องช่วยดูแลตัวเอง เพื่อตัดวงจรระบาด ทำให้กราฟผู้ติดเชื้อที่สูงราบลงมาให้ได้”นพ.อุดมกล่าว
ย้ำเคร่งมาตรการสาธารณสุขจริงจัง
และว่า เราไม่ได้ห้ามเดินทางไปไหน แต่ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หากเว้นไม่ได้ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา เทศกาลสงกรานต์นี้กลับบ้านได้ แต่ต้องจริงจังกับการรักษามาตรการ ที่สำคัญตอนนี้ต้องฉีดวัคซีน เพราะป้องกันได้จริง และเหตุที่ต้องฉีดเข็มกระตุ้น เพราะไวรัสกลายพันธุ์ ซึ่งขณะนี้ไทยเพิ่งฉีดเข็ม 3 ประมาณ 35% ถือว่าต่ำมาก ส่วนกลุ่ม 608 ฉีดเข็มกระตุ้นได้ไม่ถึง 40% ด้วยซ้ำ ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาระบุว่า จำเป็นต้องฉีดเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันเชื้อโอมิครอน ขณะที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA)ระบุว่าต้องฉีดเข็ม 4 ด้วย แต่คนยังไปเชื่อข้อมูลเก่าที่ไม่ถูกต้อง จึงไม่ไปฉีดกัน
ฉีดเข็ม4ป้องกันอาการหนักได้90%
นพ.อุดมกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลของอิสราเอลที่ฉีดเข็ม 5 แล้ว มีข้อมูลว่าหากฉีดเข็ม 3 จะติดเชื้อ 360 รายต่อแสนคน และหากฉีดเข็ม 4 จะติดเชื้อเพียง 177 คนต่อแสนคน ส่วนข้อมูลของไทยพบว่าการฉีดเข็ม 4 ป้องกันอาการรุนแรงได้กว่า 90% ดังนั้น การฉีดเข็ม 3 และ เข็ม 4 ลดอัตราความรุนแรง และการเสียชีวิตได้ ข้อมูลจากต่างประเทศระบุการฉีดเข็มกระตุ้นลดอาการลองโควิดได้ถึง 50% ส่วนคนที่บอกว่าไม่ฉีดวัคซีน เพื่อให้ติดเชื้อธรรมชาติดีกว่านั้น เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะอัตราเสียชีวิตทั่วโลกยังสูงอยู่
เปิดปท.ฟื้นศก.แต่ต้องเคร่งมาตรการสธ.
ผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นด้วยหรือไม่ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้ยกเลิกการตรวจ RT-PCR มาใช้ ATK แทนกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ นพ.อุดม กล่าวว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เดินทางเข้าประเทศขณะนี้น้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่ตกวันละกว่าแสนคน เพราะที่ผ่านมามีการผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศตามลำดับ และเป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันทั่วโลก เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้ เพียงแต่ต้องเคร่งครัดมาตรการสาธารณสุข
เปิดผลวิจัยยันเข็มกระตุ้นลดโคมา-ตาย
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงประสิทธิผลของวัคซีนโควิดที่มีต่อสายพันธุ์โอมิครอนว่า จากการศึกษาประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริงในจ.เชียงใหม่ ระยะที่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม โดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เชียงใหม่ศึกษาพบว่า การฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มไม่ป้องกันติดเชื้อ แต่ยังป้องกันเสียชีวิตได้มากกว่าร้อยละ 85 ฉีดวัคซีน 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ ร้อยละ 34-68 ป้องกันเสียชีวิตสูง ร้อยละ 98-99 และฉีดวัคซีน 4 เข็ม ป้องกันติดเชื้อร้อยละ 80-82 ยังไม่มีผู้รับวัคซีน 4 เข็ม เสียชีวิตจากโควิด
สูตรฉีดวัคซีนได้ผลดีโดยเฉพาะกลุ่ม608
ทั้งนี้ ในกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปีพบ การฉีดวัคซีน 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ ร้อยละ 43 และฉีด 4 เข็ม ป้องกันติดเชื้อร้อยละ 82 สูงกว่ากลุ่มอายุ 18-59 ปี ที่ฉีด 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ ร้อยละ 31 และฉีด 4 เข็มป้องกันติดเชื้อร้อยละ 79 ขณะที่การฉีดวัคซีน 3 เข็ม แต่ละสูตร มีประสิทธิผลป้องกันติดเชื้ออยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งจากผลการศึกษาดังกล่าวสรุปว่า ช่วงการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน สูตรฉีดวัคซีนโควิดในไทยยังมีประสิทธิผลป้องกันเสียชีวิตและป่วยรุนแรงได้ดี โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ดังนั้น ต้องเร่งฉีดเข็มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) เน้นกลุ่มเสี่ยงเจ็บป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ ร่วมกับมาตรการป้องกันส่วนบุคคลและมาตรการทางสาธารณสุขด้วย ดังนั้น ช่วงสงกรานต์นี้ก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนา ขอให้คนที่ยังไม่ได้วัคซีนไปฉีด หรือยังไม่ได้รับเข็มกระตุ้นไปฉีดกระตุ้นก่อน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน จะช่วยให้หลังสงกรานต์จำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิต ไม่สูงขึ้น
นายกฯจี้ปูพรมฉีดวัคซีนให้มากที่สุด
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) หรือศบค. แถลงหลังประชุมศบค. ชุดใหญ่ว่า ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์และแนวโน้มการระบาดและผู้ติดเชื้อ หลายคนตกใจตัวเลขต่างๆ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้เสียชีวิตและอาการหนักถือว่าเปอร์เซ็นต์ยังน้อยอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการเสียชีวิต จะเป็นโรคประจำตัวอยู่ในกลุ่ม 608 และส่วนหนึ่งเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเพราะมีปัญหาส่วนตัวทำให้ยังไม่ได้ฉีด ซึ่งตนเร่งรัดระดมการฉีดให้มากขึ้น ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่ตลอดเวลา
สั่งสปสช.หาวิธีทำATKราคาถูกลง
นายกฯกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีรายงานตรวจหาเชื้อโควิด โดยชุดตรวจ ATK ที่ทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าถึงสะดวก และราคาเหมาะสม ตนให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ไปดูว่าจะทำอย่างไรที่ทำให้ราคาถูกลง เนื่องจากประชาชนต้องใช้จำนวนมาก ซึ่งวันนี้มีการผลิตในประเทศไทยเดือนละ 2 แสนชิ้น ก็ต้องเร่งผลิตให้มากขึ้น นอกนั้นเป็นการนำเข้าที่จะต้องควบคุมมาตรฐานให้ดี
นับถอยหลังพค.ปลดล็อครับท่องเที่ยว
ส่วนเรื่องผลดำเนินการเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งทางบก ทางอากาศนั้น นายกฯระบุว่า ได้ดำเนินการมาตามลำดับ จะมีการเตรียมการเดือนพฤษภาคมว่ามีอะไรที่ปลดล็อกได้บ้าง เพื่อให้เกิดผลดีกับการท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากกว่าเดิมพอสมควรก็ต้องไปดูให้ครบวงจร โดยต้องชั่งน้ำหนักกันให้ดีทั้งเรื่องสุขภาพและเศรษฐกิจ ตนเข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน รวมถึงการเตรียมความพร้อมมาตรการควบคุมโรคแบบบูรณาการในการจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์
ขอร้องใช้ขันรดน้ำอย่าสาดอันตราย
“ขอให้เป็นสงกรานต์ปลอดภัย เป็นสงกรานต์ตามประเพณีไทยที่มีอยู่ อะไรที่ไม่ควรทำจะชี้แจงให้ทราบต่อไป ไม่ได้ห้ามจัด แต่ต้องจัดอย่างปลอดภัยควบคู่ไปกับการเดินทางช่วงวันหยุดยาว ขอให้ช่วยกัน ทั้งนี้ ขอให้ใช้ขันน้ำรดน้ำ อย่าสาดน้ำมันอันตราย ขอร้องแล้วกัน อย่าให้ต้องบังคับกันทุกเรื่อง”นายกฯกล่าว และว่า การปรับลดมาตรการนำเข้าแรงงานต่างด้าว มีกติกาทั้งหมด ทั้งก่อนเข้าและเข้ามาแล้ว เหมือนการนำนักท่องเที่ยวเข้ามาจากต่างประเทศ วันนี้การติดเชื้อในประเทศไทยต้องดูตัวเลข 2 ตัวคือ ตัวเลขตรวจ RT-PCR และการตรวจ ATK ถ้าเอาตัวเลข 2 อันมารวมกันแล้ว ดูตัวเลขผู้เสียชีวิตถือว่าน้อยมากหากเทียบกับต่างประเทศ แต่คนเดียวเราก็ไม่อยากเกิด ที่สำคัญการฉีดวัคซีนดีกว่าไม่ฉีด เราอยากได้อะไรต้องช่วยกันทำ
ศบค.มท.สั่งผวจ.ทั่วปท.รับมือสงกรานต์
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สงกรานต์ปีนี้คาดประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเยี่ยมญาติหรือท่องเที่ยวกับครอบครัวจำนวนมาก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.)แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์รณรงค์แนวปฏิบัติสาธารณสุข เพื่อป้องกันการระบาดโควิด-19 ทั้งมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด (Universal Prevention) และมาตรการป้องกันส่วนบุคคล (DMHTT) เช่น ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ลดแออัด ล้างมือบ่อยๆ หากสงสัยเสี่ยงตรวจด้วย ATK บ่อยๆ เพื่อยืนยันว่าติดเชื้อหรือไม่ รวมถึงแจ้งผู้ประกอบการและผู้จัดกิจกรรมดำเนินมาตรการปลอดภัย และให้ยึดมาตรการ COVID Free Setting สำหรับจัดกิจกรรมรวมกลุ่มในชุมชนและจัดงานสงกรานต์ พร้อมกันให้จังหวัดประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุไปรับวัคซีนทั้งคนที่ยังไม่ได้ฉีด และคนที่ยังไม่ได้รับเข็มกระตุ้น เพื่อร่วมกันลดการระบาดโควิดอย่างเข้มข้นและจริงจัง ทั้งนี้ หากพบว่าตนเป็นผู้ติดเชื้อ ต้องกักตัว และไม่พบปะรวมกลุ่มกับบุคคลอื่น และเข้าสู่กระบวนการรักษา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี