ศบค.ตามจี้กลุ่มเสี่ยงฉีดเข็มกระตุ้น
ห่วงโควิดยังพ่ง
ติดเชื้อรวมATKครึ่งแสนดับเฉียดร้อย
นอนโคม่าใกล้2พัน/กรุงเทพฯหนักสุด
ทั่วโลกป่วยใหม่เกิน1ล้าน/ไทยอยู่ที่10
แนะมาตรการป้องกันเข้มช่วงสงกรานต์
สวมหน้ากาก-ล้างมือ-เลี่ยงสถานที่แออัด
ไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก 25,298 ราย ATK 22,431 ราย รวมกันเป็น 47,729 ราย อาการหนัก 1,936 ราย ยอดเสียชีวิตรายวันนิวไฮ 98 ศพ ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นถึง 92 รายขณะที่ กทม.ติดเชื้อพุ่ง 3,220 รายกรมควบคุมโรค แนะนำมาตรการป้องกันไวรัสร้าย ช่วงสงกรานต์ เน้นสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงไปในที่เสี่ยงต่างๆ ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก และขอให้กลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ รีบไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็ว
เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน โดยพบผู้ป่วยรายใหม่ 25,298 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อในประเทศ 25,170 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 24,983 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 187 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ 50 ราย อีก 78 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 3,858,346 รายหายป่วยเพิ่ม 22,003 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 251,451 ราย โดยในจำนวนนี้มีอาการหนัก 1,936 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 821 ราย
ส่วนผู้เข้าข่ายติดเชื้อโควิด-19 รายวัน จากการตรวจ ATK มีจำนวน 22,431 ราย เมื่อรวมกับยอดป่วยยืนยันประจำวัน จะมีจำนวน 47,729 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 98 ราย มาจาก กทม. 10 ราย ปริมณฑล 7 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 ราย ภาคเหนือ 19 ราย ภาคใต้ 6 ราย และภาคกลาง 38 ราย แบ่งเป็นชาย 66 ราย หญิง 32 ราย อายุระหว่าง 20 - 97 ปี ค่ามัธยฐานวันที่พบเชื้อ-เสียชีวิต 7 วัน และพบเชื้อวันเสียชีวิต 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 608 คิดเป็น 98% จำแนกเป็น ผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี 80 ราย คิดเป็น 82% ป่วยเรื้อรัง 14 ราย คิดเป็น 14% และไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 4 ราย คิดเป็น 4% สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค ได้แก่ มีโรคประจำตัว โดยติดเชื้อจากคนรู้จัก ครอบครัว และอยู่ในพื้นที่ระบาด ทั้งนี้ เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ถึง 92 ราย ยอดรวมผู้เสียชีวิตสะสม 25,975 ราย
กทม.นำโด่ง ติดเชื้อเกิน3พันราย
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด ตามลำดับ ได้แก่ กทม. 3,220 ราย ชลบุรี 1,149 ราย สมุทรสาคร 823 ราย สมุทรปราการ 817 ราย นนทบุรี 805 ราย ขอนแก่น 709 ราย นครปฐม 682 ราย นครศรีธรรมราช 611 ราย ฉะเชิงเทรา 599 ราย และสุพรรณบุรี 550 ราย
ขณะที่ การกระจายวัคซีนในประเทศ พบผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มเติม จำนวน 42,463 ราย ผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 40,877 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 3 จำนวน 118,343 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 130,863,690 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 55,851,670 ราย คิดเป็น 80.3% ผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 50,512,586 ราย คิดเป็น 72.6% และผู้ได้รับเข็มที่ 3 จำนวน 24,499,434 ราย คิดเป็น 35.2%
เดินทางเข้าไทยติดเชื้อใหม่ 78 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 78 ราย ทั้งหมดเดินทางเข้ามาแบบไม่ต้องกักตัว (Test and Go) 48 ราย แบบแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) 3 ราย แบบกักตัว (Quarantine) 11 ราย และแบบลักลอบ 16 ราย ทำให้ผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ เดือน เม.ย. สะสมรวม 453 ราย จำแนกเป็น แบบไม่ต้องกักตัว (Test and Go) 380 ราย แบบแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) 55 ราย แบบกักตัว (Quarantine) 18 ราย
ทั่วโลกป่วยเพิ่มเกิน1ล้าน-ไทยอันดับ10
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 1,087,407 ราย รวม 497,834,901 ราย อาการหนัก 54,327 ราย หายป่วย 433,202,851 ราย เสียชีวิต 6,199,275 ราย โดยประเทศที่พบผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ เกาหลีใต้ พบผู้ป่วยใหม่เฉลี่ย 7 วันย้อนหลัง 1,607,876 ราย สะสม 15,169,189 ราย เยอรมนี พบผู้ป่วยใหม่เฉลี่ย 7 วันย้อนหลัง 1,074,086 ราย สะสม 22,534,061 ราย ฝรั่งเศส พบผู้ป่วยใหม่เฉลี่ย 7 วันย้อนหลัง 934,559 ราย สะสม 26,698,031 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก
แนะมาตรการป้องกันเข้มช่วงสงกรานต์
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อพบปะญาติพี่น้องจำนวนมาก ประกอบกับในช่วงนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงพบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ Self Clean Up และ Universal Prevention เพื่อให้ปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์
สำหรับมาตรการเตรียมพร้อมก่อนเดินทาง Self Clean Up ปลอดเชื้อโควิด 19 ดังนี้ 1.ขอให้บุตรหลานพาพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ โดยฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ไปฉีดวัคซีน หากได้รับวัคซีนครบโดสแล้วให้ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น สามารถฉีดได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน พร้อมตรวจเช็คตนเองหากมีความเสี่ยงให้รีบตรวจ ATK 2.ให้ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention เน้นการสวมหน้ากาก 100% เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ อย่าใช้มือสัมผัสใบหน้า 3.หลังกลับจากสงกรานต์ ให้สังเกตอาการตนเอง 7 วัน ตรวจ ATK เมื่อมีอาการสงสัยติดเชื้อ และ WFH ตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ สถานที่จัดกิจกรรมสามารถจัดกิจกรรมตามประเพณีได้ เช่น การรดน้ำดำหัว หรือสรงน้ำพระ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการ Covid Free Setting อย่างเคร่งครัด จัดกิจกรรมในที่โล่ง และงดรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มร่วมกันเป็นเวลานาน
ยึดกฎจราจร-กม.คุมน้ำเมาเคร่งครัด
นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีผู้เดินทางจำนวนมากและอาจเกิดอุบัติเหตุได้ จึงขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะปฏิบัติตามกฎจราจรและกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ 3 ม. ได้แก่ ไม่เมา สวมหมวก ใส่แมส ร่วมกับมาตรการเกราะป้องกัน 3 ด่าน ได้แก่ ด่านตนเอง ควรตระหนักหากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ควรขับรถ ด่านครอบครัว ตักเตือนและป้องกันไม่ให้คนในครอบครัวดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และด่านชุมชน คัดกรองและประเมินคนเมาที่ขับขี่ โดยเน้นที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนถนนสายรอง เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางและป้องกันอุบัติเหตุทางถนน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
สปสช.ชี้แจงค่าบริการ“เจอ แจก จบ”
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ ในฐานะโฆษก สปสช. กล่าวว่า ตามที่ได้มีวิเคราะห์ข่าวในประเด็น “สปสช.ดึง ร้านขายยา 700 แห่ง ดูแลผู้ป่วยโควิด” ทางสื่อออนไลน์ (ฐานเศรษฐกิจออนไลน์) นั้น สปสช.ในฐานะหน่วยงานที่ดำเนินการในนโยบายนี้และถูกพาดพิงขอชี้แจงว่า นโยบายในการดึงร้านยา 700 แห่ง ร่วมดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยการให้บริการแบบผู้ป่วยนอกแยกกักตัวที่บ้าน หรือ “เจอ แจก จบ” เนื่องด้วยปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่เพิ่มสูงอย่างมาก และส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการหรือมีอาการไม่มาก สปสช. ได้ร่วมมือกับสภาเภสัชกรรม เพื่อให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้เข้าถึงระบบบริการรักษาโดยสะดวก ขณะเดียวกันยังลดความแออัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาล ที่ช่วยเพิ่มการเข้าถึงการรักษาให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการมากทั้งกลุ่มสีเหลืองและสีแดง และผู้ป่วยโรคอื่นๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล
มีร้านยาขึ้นทะเบียนแล้ว500แห่ง
สำหรับร้านยาที่เข้าร่วมให้บริการผู้ป่วยโควิด-19 ตามนโยบายนี้ มีหลักเกณฑ์ระบุชัดเจนต้องเป็นร้านยาที่มีเภสัชกรประจำ โดยได้รับการเชิญชวนและคำแนะนำจากสภาเภสัชกรรมในการเข้าร่วมให้บริการ ซึ่งขณะนี้มีร้านยาที่สนใจและสมัครเข้ามาประมาณ 700 แห่ง ขึ้นทะเบียนในระบบแล้ว 500 แห่ง
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า ขั้นตอนการเข้ารับริการเจอ แจก จบ ที่ร้านยานั้น เช่นเดียวกับการเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลและหน่วยบริการอื่นๆ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยก่อนให้บริการจะมีการพิสูจน์ตัวตนของผู้รับบริการเพื่อยืนยันการเข้ารับบริการโดยใช้บัตรประชาชน และบันทึกข้อมูลการให้บริการผ่านโปรแกรม AMED Telehealth ระบบบริการการแพทย์ทางไกล ซึ่งพัฒนาโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการบันทึกข้อมูลเพื่อส่งเบิกกับ สปสช.
ระบบจ่ายตรงร้านยา ไม่ผ่านคนกลาง
ทั้งนี้ ในส่วนของการจ่ายชดเชยค่าบริการให้กับร้านยารายละ 700 บาทนั้น สปสช.วางระบบเป็นการจ่ายตรงเข้าบัญชีของร้านยาตามที่ลงทะเบียนไว้ โดยไม่มีการจ่ายผ่านคนกลางแต่อย่างใด ซึ่งตามที่ได้เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังมีจำนวนการเบิกค่าบริการเข้ามาไม่มาก มีเพียงราว 1,200 รายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขอเรียนไปยังร้านยาที่ต้องการเข้าร่วมโครงการว่า ท่านสามารถสมัครเข้าร่วมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย กรณีที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามโดยตรงที่ สปสช. และหากพบว่ามีการทุจริตหรือมีพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใสในขั้นตอนใด ขอให้แจ้งโดยตรงที่เลขาธิการ สปสช. จะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
โฆษก สปสช. ยังได้กล่าวขอบคุณสื่อมวลชนที่ได้ร่วมกันวิเคราะห์และตั้งประเด็นการแสวงหาผลประโยชน์ในนโยบายนี้เพื่อให้เกิดการร่วมตรวจสอบในสังคม ซึ่ง สปสช.มีความยินดี เพราะเราเป็นหน่วยงานที่ยึดหลักคุณธรรม ส่งเสริมความโปร่งใสและป้องกันการทุจริต และจะนำข้อสังเกตที่ได้รับมาตรวจสอบและเฝ้าระวังต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ คลิก https://lin.ee/zzn3pU6
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี