นายกฯปลื้มกระแสไทยยัง‘บูม’ ต่างชาตินิยมใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ โทรทัศน์ โฆษณา โกยรายได้อื้อ ขณะที่‘โฆษกรัฐบาล’ลงพื้นที่ภูเก็ต เช็คความพร้อมรับนักท่องเที่ยว พบบรรยากาศคึกคัก คาดสงกรานต์ภูเก็ตเงินสะพัดกว่า 3 พันล้านบาท เผยนายกฯแนะเตรียมพร้อมก่อนเดินทางช่วงเทศกาล เน้นมาตรการ Self Clean Up สำรวจอาการตนเองอย่างสม่ำเสมอ ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ
10 เมษายน 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีต่อกระแสความนิยมของประเทศไทยที่ยังคงเป็นประเทศตัวเลือกอันดับต้นๆในการถ่ายทำของหมู่ผู้สร้างภาพยนตร์ต่างชาติ โดย ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ (Film) ถือเป็น 1 ใน 5 F อุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพที่รัฐบาลมุ่งขับเคลื่อน และผลักดัน “Soft Power”ความเป็นไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ สร้างรายได้และภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ
ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า หลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรนให้กองถ่ายภาพยนตร์ โทรทัศน์ โฆษณา สามารถถ่ายทำต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศสามารถเดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยได้นั้น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 จนถึง 16 มีนาคม 2565 ภาพยนตร์ต่างประเทศ 196 เรื่อง เดินทางเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย โดย 86 เรื่องมีทีมผลิตเป็นของตัวเอง และผู้สร้างภาพยนตร์ 86 คนนี้มาจาก 33 ประเทศ สร้างรายได้ถึง 4.24 พันล้านบาทให้กับประเทศ โดย 5 ประเทศที่เดินทางมาใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ในช่วงเวลาดังกล่าวมากที่สุด ได้แก่ อินเดีย ฝรั่งเศส สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร ซึ่ง 3 ประเทศที่ใช้จ่ายในการสร้างภาพยนตร์มากที่สุดในประเทศไทยในช่วงเวลานั้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 1.95 พันล้านบาท ออสเตรเลีย 702 ล้านบาท และฮ่องกง 616 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำหนดนโยบายสนับสนุน Soft power ให้ประเทศ โดยอาศัยต้นทุนทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่มาต่อยอดให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของรัฐบาล และเร่งเดินหน้าส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยใน 15 สาขา อาทิ งานฝีมือและหัตถกรรม ดนตรี ศิลปะการแสดง และภาพยนตร์ เป็นต้น ขณะเดียวกันก็ผลักดันวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ 5 F ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น (Fashion) มวยไทย (Fighting) แลการอนุรักษ์และขับเคลื่อน เทศกาล ประเพณีสู่ระดับโลก (Festival) โดยเชื่อมั่นว่ายังจะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมส่งออกสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังยุคโควิด -19 ที่สำคัญของไทย
“นโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแหล่งถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จ ของการบูรณาการการทำงานอย่างแข็งขันของทุกฝ่ายที่มุ่งผลักดันนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดรายได้แก่เศรษฐกิจไทย ทั้งภาพรวม และระดับท่องถิ่นแล้ว ยังเป็นโอกาสเผยแพร่ความงดงามของศิลปวัฒนธรรมไทย และธรรมชาติอันหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ที่เผยแพร่ไปสู่สายตาของชาวโลกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เอง จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาได้หลังสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลาย และเป็นหนึ่งในนโยบายที่นายกรัฐมนตรีผลักดัน soft power เพื่อแก้ปัญหามิติเศรษฐกิจของชาติ”นายธนกรกล่าว
นายธนกร กล่าวด้วยว่า เมื่อวานนี้ (9 เม.ย.65) ตนได้เดินทางไปที่ จ.ภูเก็ต เพื่อดูความพร้อมมาตรการรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบบรรยากาศการท่องเที่ยวของภูเก็ตยังคงคึกคักมากตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ตั้งแต่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต สังเกตเห็นได้ว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาใช้บริการเป็นจำนานมาก ขณะเดียวกัน เมื่อสำรวจบรรยากาศโดยรอบแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดภูเก็ต พบเห็นกิจการร้านค้า เปิดให้บริการในระดับปกติด้วย และยังคงเข้มงวดในมาตรการ COVID Free Setting พร้อมรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้ หลังจากพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในโครงการ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ตอนนี้ยอดนักท่องเที่ยวสะสมอยู่ที่ 445,801 คนแล้ว (ข้อมูล ณ 8 เมษายน 2565)
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของสถานการณ์ท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-17 เมษายน 2565 (5 วัน) ได้มีจำนวนห้องพักเปิดให้บริการ 70,000 ห้อง คิดเป็น 70% ของห้องพักที่เปิดให้บริการ จากจำนวนห้องพักทั้งหมดในจังหวัดภูเก็ต อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 44.46% หลังจากนี้ ททท. ยังคาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นสูงถึง 60% เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่นิยมจองแบบ last minute คืนพักเฉลี่ย 2.49 คืน จำนวนผู้เยี่ยมเยือน (นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ) 188,245 คน ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนเฉลี่ย 3,241.26 ล้านบาท
“จากการลงไปพูดคุยสอบถามกับผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า-แม่ค้า ยังได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ให้ “ภูเก็ต” เป็นจังหวัดนำร่องในการเปิดประเทศ ทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่คึกคัก ทั้งนี้ ในช่วงสงกรานต์ จังหวัดภูเก็ตจะมีการจัดกิจกรรม Water Festival เทศกาลวิถีน้ำ…วิถีไทย ครั้งที่ 7 “สายน้ำ ยาม ฟ้าใส” โดย ททท.ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 11-12 เมษายน 2565 ณ บริเวณสนามหญ้าบริเวณสี่แยกชาร์เตอร์ อาคารพิพิธภัณฑ์เพอรานากันนิทัศน์ อาคารสถานีตำรวจภูธรตลาดใหญ่เดิม (นาฬิกา) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์และสืบสานประเพณีไทยตามมาตรการของ ศบค.และจังหวัดอย่างเคร่งครัด” นายธนกร กล่าว
นายธนกร กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ แนะประชาชนที่จะเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้เตรียมพร้อมก่อนเดินทางเน้นมาตรการ Self Clean Up เพื่อให้มั่นใจว่าตนเองปลอดจากเชื้อโควิด-19 ตรวจ ATK คัดกรองตนเองเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อและเมื่อถึงภูมิลำเนาควรออกนอกบ้านเท่าที่จำเป็น ไม่ไปในสถานที่เสี่ยง แออัด พร้อมสำรวจอาการตนเองเข้าข่ายได้รับเชื้อโควิด – 19 หรือไม่ อาทิ อาการไอ น้ำมูก เจ็บคอ ปวดเมื่อยเนื้อตัว
สำหรับมาตรการเตรียมพร้อมก่อนเดินทาง Self Clean Up มีดังนี้ 1) ขอให้บุตรหลานพาพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ โดยฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ไปฉีดวัคซีน หรือวัคซีนเข็มกระตุ้น 2) ให้ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention เน้นการสวมหน้ากาก 100% เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ อย่าใช้มือสัมผัสใบหน้า 3) หลังกลับจากสงกรานต์ ให้สังเกตอาการตนเอง 7 วัน ตรวจ ATK เมื่อมีอาการสงสัยติดเชื้อ และ WFH ตามความเหมาะสม
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี