จากแก้จนถึงสร้างสันติภาพ  ภารกิจ‘บพท.’ในถิ่นด้ามขวาน

จากแก้จนถึงสร้างสันติภาพ ภารกิจ‘บพท.’ในถิ่นด้ามขวาน

วันพุธ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2565, 06.05 น.
Tag :

หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มีภารกิจส่งเสริมการ “แก้จนแบบแม่นยำ” โดยเมื่อเร็วๆ นี้ มีการเปิดเผยโครงการแก้จน ที่ จ.พัทลุง โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง บพท. กับ มหาวิทยาลัยทักษิณ ซึ่งจากฐานข้อมูลระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (TP-MAP) จำนวน 13,902 ครัวเรือน พบคนจนจำนวน 14,342 คน

ทีมวิจัยจึงได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลอย่างละเอียดทั้ง 11 อำเภอ ภายใน 73 พื้นที่ ครอบคลุม 65 ตำบลและ 8 เขตเทศบาล คิดเป็น 100% ของพื้นที่จังหวัดพัทลุง เพื่อบันทึกลงในระบบ PPP-connext โดยพบว่ามีครัวเรือนยากจนจำนวน 14,205 ครัวเรือน และค้นพบคนจนรวมทุกครัวเรือนจำนวน 59,449 คน ทั้งนี้พื้นที่ที่มีคนจนกระจุกตัวอยู่มากที่สุดของจังหวัดพัทลุงคือ อ.ควนขนุน อ.เมือง และ อ.ปากพะยูน


รศ.ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยทักษิณ กล่าวว่า กลุ่มคนจนที่ทางคณะทำงานให้ความสำคัญ คือกลุ่มคนจนระดับอยู่ลำบากและกลุ่มคนจนอยู่ยาก โดย จ.พัทลุง ในภาพรวม ทุนมนุษย์ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.85 ก็ถือว่าอยู่ยาก ทุนทางสังคม เช่น การรวมกลุ่มการช่วยเหลือ ความขัดแย้ง ฯลฯ อยู่ที่ 1.53 ก็ถือว่าอยู่ระดับน้อยก็อยู่ลำบาก ส่วนทุนกายภาพทุนทางเศรษฐกิจหรือทุนทรัพยากรธรรมชาติถือว่าอยู่ระดับที่ประมาณ 2.7 และ 2.8 ถือว่าพออยู่ได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่มาที่เลือกทำที่ 3 อำเภอนี้

หนึ่งในตัวอย่างคือโครงการนำร่องแก้จนที่ อ.ควนขนุน เกิดขึ้นภายใต้หลักคิดของการผสมผสานเรื่ององค์ความรู้ที่เป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่น เข้ากับระบบภูมินิเวศและองค์ความรู้ที่เป็นวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมจากมหาวิทยาลัย ทั้ง 3 ส่วนนี้เข้าด้วยกันจะทำให้เกิดการขับเคลื่อนเพื่อการแก้ไขปัญหาคนจนได้อย่างมีศักยภาพและมีพลัง ซึ่งโครงการนี้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนและการแสดงออกโดยกลุ่มคนจนเป้าหมายที่จะเข้ามาเป็นผู้ออกแบบหรือวางแผน เพื่อจัดทำกิจกรรมด้วยพลังและกระบวนการกลุ่มที่คนกลุ่มนี้จัดทำขึ้นเอง

“เราเชื่อมั่นว่า กระบวนการปลุกจะทำให้เกิดการเสริมแรง เสริมพลังและเติมความมั่นใจให้กลุ่มคนจนเหล่านี้ได้แสดงออก แล้วร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขาได้ นอกจากนี้ยังเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับกลุ่มคนจนเป้าหมาย รวมถึงผู้ประกอบการในพื้นที่อย่างกิจการกระจูดวรรณี ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงในการนำเอากระจูดไปเผยแพร่จนเป็นที่โด่งดังทั้งระดับประเทศและระดับโลก ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และหน่วยงานภาครัฐในระดับจังหวัดที่เข้ามาร่วมกันเติมเต็ม” รศ.ดร.ณฐพงศ์ กล่าว

นอกจากการแก้จนแบบแม่นยำแล้ว บพท.ยังมีส่วนร่วมในการ “ส่งเสริมสันติภาพ” ในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทำงานร่วมกับ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี จ.ปัตตานี ใช้ “มัสยิด” ศาสนสถานของศาสนาอิสลาม เป็นฐานการเรียนรู้เพื่อให้ทั้งชาวมุสลิมเอง รวมถึงศาสนิกชนในศาสนาอื่นๆ เข้าใจคำสอนที่ถูกต้องของศาสนาอิสลาม ที่มุ่งหวังให้สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข

อับดุลฆอนี เจะโซะ อาจารย์คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยฟาฏอนี กล่าวว่า เหตุผลที่เลือกขับเคลื่อนแพลตฟอร์มการเรียนรู้ โดยใช้มัสยิดเป็นแกนกลาง เพราะมัสยิดเป็นกลไกหนึ่งที่ใกล้ชิดกับคนในพื้นที่มากที่สุด โดยมัสยิดที่ถูกเลือกจะพิจารณาจากคุณลักษณะที่สามารถเป็นตัวอย่างให้แก่มัสยิดอื่นๆ นำไปขยายผลได้ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายแห่งกระจายอยู่ใน 7 อำเภอ 10 ชุมชน เช่น มัสยิดสุลตานมูซัฟฟาร์ซาห์ หรือมัสยิดกรือเซะ ที่มีความโดดเด่นในมิติเชิงพหุวัฒนธรรม

มัสยิดอัตตะอาวุน ซึ่งโดดเด่นเรื่องการท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิถี และความเป็นสื่อกลางที่สร้างความเข้าใจสังคมพหุวัฒนธรรม หรือมัสยิดตะลุบัน ซึ่งมีความโดดเด่นด้านกระบวนการจัดการการคลังชุมชนเพื่อชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตสู่สันติในสังคมพหุวัฒนธรรมรวมทั้งมัสยิดนูรุลชารีฟ ซึ่งมีกองทุนคิดมัต เป็นกองทุนช่วยเหลือสาธารณประโยชน์ ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นสถาบันการเงินของชุมชน

“คณะผู้วิจัยได้เข้าไปถ่ายทอดองค์ความรู้การบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ในพื้นที่มัสยิดกลางปัตตานี ให้เกิดประโยชน์ในการสร้างรายได้แก่มัสยิด ขณะเดียวกัน ก็นำองค์ความรู้ไปช่วยจัดระเบียบการบริหารจัดการกองทุนคิดมัต ของมัสยิดนูรุลชารีฟ ให้เกิดประโยชน์ในการช่วยเหลือดูแลคนในชุมชนได้อย่างมั่นคง รวมทั้งยังได้นำองค์ความรู้จากงานศึกษาวิจัยแบบที่ชาวบ้านมีส่วนร่วมไปช่วยพัฒนามัสยิดอื่นๆ ในพื้นที่ นอกจากนี้ ก็ยังบูรณาการความรู้ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ในการสร้างสันติสุขในพื้นที่ให้มีความยั่งยืน” อับดุลฆอนี กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top