เลื่อนอ่านฎีกาครั้งที่ 3 "ธาริต"อดีต อธ.ดีเอสไอ กับพวกปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เหตุ"ธาริต"ติดโควิด ขอนอนรักษาตัว 3 เดือน มาแปลก! เสนอหลักฐานใหม่ในคดี แถมวางเงินให้มาร์ค-สุเทพ คนละ 3 แสน เพื่อบรรเทาผลร้าย ทนายไม่ขอรับเงิน ชี้เป็นการประวิงคดี ไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลคำพิพากษาได้ ศาลให้ส่งคำร้องขอคำพิพากษาคืนให้ศาลฎีพิจารณามีคำสั่ง เพื่อนัดฟังคำพิพากษาใหม่
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 21 เมษายน 2565 ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 3 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553 , พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 - 4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง
กรณีเมื่อระหว่างเดือน ก.ค. 54 - 13 ธ.ค.55 จำเลยทั้งสี่ในฐานะพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวนและตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสอง ฐานสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษ จากการที่ ศอฉ.ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ ให้ออกจากตำแหน่งนายกฯ จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา ยกฟ้องจำเลยทั้งสี่ โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย
ต่อมาศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสี่ กระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษากลับให้จำคุกจำเลย คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
พวกจำเลยยื่นฎีกา
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานายธาริต จำเลยที่ 1 ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยทนายจำเลยได้ยื่นคำร้อง และพยานหลักฐานใหม่ในคดี พร้อมวางเงินเพื่อบรรเทาผลร้ายแก่โจทก์คนละ 3 แสนบาท และทนายความนายธาริต ยังได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปนาน 3 เดือน เนื่องจากนายธาริต มีอาการอ่อนเพลีย ติดเชื้อโควิด ต้องขอพักรักษาตัว
ขณะที่ทนายความโจทก์ทั้งสองคัดค้าน อ้างว่า พยานหลักฐานในคดีมีอยู่แล้วในสำนวน แต่จำเลยกลับปล่อยเวลาเนิ่นนานไม่ยอมยื่นเข้ามาในสำนวนคดี แต่เพิ่งมายื่นภายหลัง ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาออกมาแล้ว ถือว่าเป็นการประวิงคดี
นอกจากนี้ ทนายความโจทก์ยืนยันไม่ขอรับเงินจำนวน 3 แสนบาท เนื่องจากเป็นสิทธิฟ้องร้องทางแพ่ง และเป็นคดีอาญา ไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาได้
ส่วนที่ นายธาริต จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาฎีกาออกไปอีก 3 เดือน เนื่องจากมีอาการหายใจไม่ออกขอพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 เดือน นั้น ทนายความโจกท์ทั้งสอง ไม่เห็นด้วย เนื่องจากระยะเวลานานเกินไป และก่อนหน้านี้ก็ขอเลื่อนพักรักษาตัวในโรคอื่นลักษณะเช่นนี้มาแล้ว
ศาลสอบทนายโจทก์ที่ 1 - 2 แล้ว แถลงร่วมกันว่าไม่คัดค้านการ อาการป่วยของจําเลยที่ 1 แต่ขอคัดค้านว่า การที่จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีออกไป 3 เดือนนั้นเป็น เวลานานเกินไป ประกอบกับในนัดที่แล้วจำเลยที่ 1 ก็ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างอาการป่วยทำ ให้ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ในลักษณะเดียวกัน การที่ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ออกไปเป็นระยะเวลานาน จึงมีลักษณะเป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า ขอให้ศาลพิจารณาการ อ่านคําพิพากษาลับหลังจําเลยที่ 1
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ประกอบกับจำเลยที่ 1 มีอาการป่วย ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ เห็นควรส่งคำร้องของจำเลยที่ 1 พร้อมเอกสารแนบท้ายสำนวน และคำพิพากษาศาลฎีกา ไปยังศาลฎีกา เพื่อพิจารณาสั่งก่อน หากศาลฎีกามีคำสั่งประการใด จะแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไป
ด้าน นายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทนายความนายอภิสิทธิ์ โจทก์ที่ 1 เปิดเผยว่า ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา แต่เนื่องจากว่านายธาริต ยื่นคำร้องเข้ามา 3 ฉบับ ฉบับแรกเป็นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปให้ศาลฎีกาโดยแนบเอกสารเข้ามาเพื่อประกอบการพิจารณาอีก ซึ่งเราคัดค้านว่า เอกสารดังกล่าวที่เอามายื่นเป็นเอกสารนอกสำนวน ที่สามารถยื่นได้ในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ แต่เพิ่งจะกลับมายื่นเมื่อศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จแล้ว คำร้องฉบับที่ 2 จำเลยได้วางเงินบรรเทาผลร้ายให้กับจำเลยทั้งสองคนละ 3 แสนบาท แต่เราปฏิเสธไม่ขอรับเงินจำนวนดังกล่าว เพราะว่ามีสิทธิฟ้องในทางแพ่งอยู่แล้ว ส่วนจะฟ้องคดีแพ่งหรือไม่ก็เป็นสิทธิของโจทก์ อีกทั้งการรับเงินในคดีอาญา ไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ส่วนคำร้องสุดท้ายขอให้เลื่อนคดีอ้างว่า นายธาริตติดโควิด-19 เราไม่ได้คัดค้านประเด็นการติดโควิด-19 แต่ที่บอกว่าขอเลื่อนคดีไปอีก 3 เดือนนั้น เราดูว่านานเกินไป จึงคัดค้านและขอให้พิจารณาคดีลับหลัง แต่เนื่องจากนายธาริต จำเลยได้ยื่นคำร้องเข้ามาเพื่อขอให้ส่งสำนวนคดีไปให้ศาลฎีกาพิจารณา วันนี้ศาลอาญาจึงต้องส่งสำนวนคืนไปให้ศาลฎีกาพิจารณาว่าจะอ่านคำพิพากษาลับหลังได้หรือไม่ ทำให้คดีนี้ต้องล่าช้าไป
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี