ศาลสั่งจำคุก ส.ต.ต.สังกัด อคฝ. 1 ปี 15 วัน ปรับ 4 พันบาท เหตุซิ่งบิ๊กไบค์ชน “หมอกระต่าย” ดับ ระหว่างเดินข้ามทางม้าลาย ชี้ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ สั่งยึดบิ๊กไบค์ของกลาง เพิกถอนใบขับขี่รถจยย.ศาลอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างยื่นอุทธรณ์คดี พ่อจำเลยใช้ตำแหน่ง ร.ต.ต.ประกัน ศาลตีราคาประกัน 2 แสน
เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก อายุ 21 ปี ผบ.หมู่ กองร้อย 2 กก.1 บก.อคฝ.จำเลยในความผิดฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน และกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาอื่นๆ รวม 9 ข้อหากรณีเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 จำเลยได้ขับจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ยี่ห้อดูคาติ ทะเบียน 1 กผ 9942 เชียงราย ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย จักษุแพทย์ ในระหว่างเดินข้ามทางม้าลาย หน้าสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท แขวงและเขตราชเทวี กทม.ด้วยความเร็ว 108-128 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกินกว่ากฎหมายกำหนดที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นเหตุให้ พญ.วราลัคน์ ถึงแก่ความตาย
ต่อมาวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 อัยการได้นำตัวจำเลย ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา รวม 9 ข้อหา โดยท้ายคำฟ้องอัยการขอให้ศาลมีคำสั่งริบจักรยานยนต์ที่พนักงานสอบสวนยึดไว้เป็นของกลาง และขอให้ศาลเพิกถอนหรือพักใช้ใบอนุญาตขับขี่จำเลยด้วย ซึ่งจำเลยแถลงรับสารภาพ ไม่ต่อสู้คดี ศาลจึงมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติ สืบเสาะและพินิจประวัติการศึกษา สถานะทางครอบครัว และอื่นๆ ของจำเลย แล้วรายงานให้ศาลทราบ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาพิพากษาทั้งนี้ จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณา โดยศาลตีราคาประกัน 50,000 บาท
วันเดียวกันนี้ จำเลยเดินทางมาศาล ขณะที่ครอบครัว พญ.วราลัคน์ ส่งทนายความมาแทน ศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป โดยฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 291 จำคุก 1 ปี ฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น จำคุก 15 วัน ฐานนำรถที่มิได้ติดแผ่นป้ายเลขทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ ปรับ 1,000 บาท ฐานใช้รถที่มิได้เสียภาษีประจำปี ปรับ 1,000 บาท ฐานใช้รถที่ไม่ได้จัดให้มีการประกันความเสียหาย ปรับ 1,000 บาท ฐานใช้รถโดยมีส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์ สำหรับรถไม่ครบถ้วน ปรับ 1,000 บาท รวมโทษจำคุก 1 ปี 15 วัน และปรับ 4,000 บาท
ศาลพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจของจำเลยแล้วเห็นว่าการกระทำความผิดของจำเลยดังกล่าวถือเป็นเหตุร้ายแรง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษหากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 สำหรับจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด จึงให้ริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) และหากจำเลยขับรถต่อไปอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นจึงให้เพิกถอนใบอนุญาตขับจักรยานยนต์ และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ตามพ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 162วรรคหนึ่ง
ด้านนายสนทยา น้อยเจริญ ทนายความของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ กล่าวว่า ส.ต.ต.นรวิชญ์ ยังรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงยอมรับสารภาพซึ่งหลังจากศาลพิพากษาลงโทษ ได้ใช้ตำแหน่งบิดา ยศ ร.ต.ต.ยื่นประกันตัว ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์ตีราคาประกัน 200,000 บาท
ขณะที่นายณัฐพล ชิณะวงศ์ ทนายความของครอบครัว พญ.วราลัคน์ เปิดเผยว่า พึงพอใจในคำพิพากษาซึ่งจะหารือกับครอบครัว พญ.วราลัคน์ เพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ส่วนคดีแพ่งที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก ส.ต.ต.นรวิชญ์ , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 72 ล้านบาท และกรุงเทพมหานคร 72 ล้านบาท รวม 144 ล้านบาทนั้น ศาลได้นัดพิจารณาคดีในวันที่ 8 สิงหาคมนี้
วันเดียวกัน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภายหลังศาลอาญา มีคำพิพากษาสั่งจำคุก ส.ต.ต.นรวิชญ์ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีคำสั่งให้ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ออกจากราชการทันที อย่างไรก็ดี เมื่อมีการยื่นอุทธรณ์คดี หากศาลมีคำพิพาษาเป็นอื่น ส.ต.ต.นรวิชญ์ ก็มีสิทธิยื่นเรื่องขอเข้ารับราชการได้ จึงขึ้นอยู่กับคำพิพากษาศาล