ไทยติดเชื้อ 1.4 หมื่นราย รวมเอทีเค 2.5 หมื่นราย ดับยังสูง 127 ราย ศบค. ชี้แนวโน้มป่วยทรงตัว ค่อยๆ ลดลง เล็งแยกสาเหตุการเสียชีวิต 2 กลุ่ม ตายเพราะโควิด-โรคร่วม วอนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เร่งเข้าโรคประจำถิ่นไวขึ้น ยันไม่เลิกไทยแลนด์พาส แค่ลดขั้นตอน
วันที่ 28 เม.ย.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,437 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 14,336 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 14,229 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 107 ราย มาจากเรือนจำ 24 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 77 ราย เป็นผู้มีผลบวกจากการตรวจหาเชื้อแบบเอทีเค 11,396 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้รวม 25,833 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 18,509 ราย อยู่ระหว่างรักษา 158,768 ราย อาการหนัก 1,827 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 850 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 127 ราย เป็นชาย 69 ราย หญิง 58 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 101 ราย มีโรคเรื้อรัง 20 ราย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,224,008 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,036,969 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 28,271 ราย
พญ.สุมนี กล่าวว่า ทิศทางการติดเชื้อในประเทศไทยขณะนี้ถือว่าค่อยๆ ลดลง แนวโน้มยังทรงๆ ลดลงอย่างช้าๆ เป็นเพราะความร่วมมือของประชาชนในการป้องกันตนเอง แม้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เราคาดการณ์ว่าผู้ติดเชื้อจะสูง แต่เพราะความร่วมมือทำให้การติดเชื้อน้อยลง หากสถานการณ์ดีขึ้นเช่นนี้เรื่อยๆ จะผ่อนคลายกิจการกิจกรรมต่างๆ ให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นตามแผนที่วางไว้ ขณะที่แนวโน้มผู้เสียชีวิตยังทรงๆ ตัว มีผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยรายมา 19 วันแล้ว ทั้งนี้ ในที่ประชุมอีโอซี กระทรวงสาธารณสุขได้มีการหารือถึงรายละเอียดของผู้เสียชีวิต จากนี้จะต้องวิเคราะห์การเสียชีวิตเป็น 2 ส่วน คือ เสียชีวิตจากโควิด-19 และเสียชีวิตจากโรคร่วมและตรวจพบเชื้อในภายหลัง โดยผู้เสียชีวิตวันนี้จาก 127 ราย เป็นผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 66 ราย หรือ 52% และเสียชีวิตจากโรคร่วม 61 ราย หรือ 48% แต่ทั้งสองกลุ่มส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตจะเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว จึงควรแยกแยะให้ชัดเจน
พญ.สุมนี กล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ป่วยปอดอักเสบสูงสุด ได้แก่ กทม. 160 ราย นครราชสีมา 87 ราย ขอนแก่น 77 ราย กาญจนบุรี 71 ราย สมุทรปราการ 59 ราย สุพรรณบุรี 58 ราย อุบลราชธานี 56 ราย นนทบุรี 49 ราย อุดรธานี 48 ราย พิษณุโลก 46 ราย โดยแนวโน้มอัตราครองเตียงลดลงอยู่ที่ 24.1% จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่กว่า 30% นอกจากนี้ สำหรับตัวเลขการฉีดวัคซีนในปัจจุบัน มีผู้ฉีดเข็มสามไปแล้วจำนวน 36.9% แต่การจะเป็นโรคประจำถิ่นได้นั้น ผู้ฉีดวัคซีนเข็มสามต้องเกิน 60% จึงขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดการแพร่ระบาดและไม่ให้โรคกลายพันธุ์ จะได้เข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นไวขึ้น
เมื่อถามว่า มีเสียงสะท้อนเรื่องไทยแลนด์พาส และมีกระแสข่าวยกเลิกไทยแลนด์พาส พญ.สุมนี กล่าวว่า ไทยแลนด์พาสเป็นระบบที่เมื่อนักเดินทางและนักท่องเที่ยวเข้ามาจะต้องลงทะเบียนผ่านระบบนี้ แต่จากการมาตรการที่เราผ่อนคลาย มีการยกเลิกเทสต์แอนด์โก ทำให้ไม่มีขั้นตอนการจองโรงแรมและจองตรวจ RT-PCR ทำให้ระบบดำเนินการได้เร็วขึ้น อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ไวขึ้น แต่การลงทะเบียนยังคงมีอยู่ และไม่น่าจะมีปัญหาหรือติดขัดอะไร โดยหลังจากวันที่ 1 พ.ค.ที่เริ่มมาตรการ ศบค.ต้องติดตามหน้างานเป็นระยะ ถ้าดีขึ้นเราจะได้ดำเนินการตามแผนผ่อนคลายต่อไป
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี