ตร.ภาค5โชว์จับยาบ้า
1ล้านเม็ดซุกรถแตงโม
นรข.จับ‘ยาบ้า-กัญชา’
ลอบขนปท.เพื่อนบ้าน
ตำรวจภูธรภาค 5 แถลง จับผู้ต้องหา ยึดยาบ้ากว่า 1 ล้านเม็ดซุกรถขนแตงโมอำพราง มุ่งหน้าส่งกทม. จนท.เร่งขยายผล ด้านนรข.หนองคาย ยึดยาบ้า 3 แสนเม็ด -กัญชาเกรดพรีเมี่ยม 185ห่อ ลอบขนจากประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ ตชด.อุบลฯจับหนุ่มขับสิบล้อตกงาน หลงผิดหันค้ายา อ้างหาเงินหมั้นแฟนสาว
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พ.ต.อ.วินิจฉัย พินิจศักดิ์ ผกก.สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พร้อมคณะ แถลงจับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วย นายอนิรุท วาหะรักษ์ นายปรีชา รอดจิตต์ นางพัชาภรณ์ เขียวสด นางธัญลักษณ์ รอดจิตต์ และเด็กอีก 3 คน ทั้งหมดเป็นชาว จ.สุราษฎร์ธานี , กระบี่ และเชียงใหม่ พร้อมของกลาง ยาบ้ากว่า 1 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่บนรถขนแตงโม จับกุมได้ที่ด่านตรวจแก่งปันเต๊า ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 ราย
การจับกุมดังกล่าว เนื่องจากตำรวจ สภ.เชียงดาว ร่วมกับทหาร และอาสาสมัคร ได้ออกปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและการกระทำผิดกฎหมาย โดยตั้งด่านตรวจเพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมาย กระทั่งพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุสเปซแคป สีเขียว ทะเบียน บล 5437 เชียงใหม่ ขับผ่านมาอย่างน่าสงสัย จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบว่านายอนิรุท เป็นคนขับ ส่วนการตรวจปัสสาวะ พบว่ามีสีม่วงหรือมีสารเสพติด ส่วนในรถมีผู้โดยสารมาด้วย 6 คน และมีการขนผลแตงโม มาเต็มคันรถ
อย่างไรก็ดี เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นอย่างละเอียด จึงพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในกล่องพลาสติก 3 กล่อง มีถุงแตงโมวางทับไว้ รวมแล้วกว่า 1 ล้านเม็ด จึงยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนคุมตัวนายอนิรุท และคนในรถไว้สอบสวนดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงดาว ดำเนินคดีและขยายผลการจับกุมต่อไป จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ายาบ้าทั้งหมด มีปลายทางนำส่งไปในพื้นที่ กทม.
ส่วนน.อ.ราฆพเทวประทีป ผบ.หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) หนองคาย มอบหมายให้ น.ท.ภาณุทัต ทิพย์วงษ์ทอง หัวหน้า สน.เรือรัตนวาปี นำกำลังออกสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติด โดยกำลังเจ้าหน้าที่สามารถยึดยาบ้า 300,000 เม็ด กัญชาแห้ง 125 ห่อ ภายในรถยนต์ที่จอดไว้ด้านหลังศาลาอเนกประสงค์บ้านตาลชุม ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ซึ่งการเข้าตรวจยึดยาเสพติดของกลางดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่ามีขบวนการค้ายาเสพติดลอบขนยาเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน จึงวางแผนติดตาม กระทั่งพบชายต้องสงสัย 4 คน กำลังแบกกระสอบจากท่าน้ำ มานำใส่รถยนต์ที่จอดรออยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่แสดงตัวเพื่อเข้าตรวจค้น ทั้งหมดได้ทิ้งของกลางแล้วพากันวิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าฟีด สีขาว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดไว้ ผ่านในมีกระสอบ 4 ใบ ซุกซ่อนยาบ้าและกัญชาแห้งเกรดพรีเมี่ยมของกลาง จึงยึดไว้ โดยนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตนวาปี ดำเนินคดีและเร่งขยายผลติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป
วันเดียวกัน พ.ต.อ.รินณวัฒน์ภูวัฒนติกานต์ ผกก.ตชด.ที่ 22 จ.อุบลราชธานี นำกำลังจับกุมนายกชมนต์ บุญเรือง อายุ 24 ปี พร้อมของกลาง ยาบ้า 400 เม็ด ขณะกำลังขับจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีม่วงเทา ไม่ติดป้ายทะเบียน เพื่อไปส่งยาบ้าดังกล่าวให้ลูกค้า จับกุมได้ที่ถนนเขมราฐ-อุบลราชธานี หลัก กม.ที่ 18 เขตบ้านโนนสว่าง อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี
สอบสวนนายกชมนต์ รับสารภาพว่า มีอาชีพขับรถสิบล้อส่งสินค้า แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีงานเนื่องจากนายจ้างประสบปัญหาขาดทุน จึงสั่งหยุดวิ่งรถ ทำให้ขาดรายได้และตัดสินใจไปรับซื้อยาบ้าจากเพื่อนชาวลาว ในราคาเม็ดละ 20 บาท นำไปจำหน่ายให้กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ โดยให้จ่ายได้ทั้งเงินสดและผ่อน ในราคาเม็ดละ 50-100 บาท เพื่อหาเงินไปซื้อสร้อยคอและแหวนทองเพื่อหมั้นแฟนสาว แต่ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจปัสสาวะพบว่ามีสีม่วงหรือมีสารเสพติดด้วย จึงคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสภ.กุดข้าวปุ้น รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี