ผวาโอมิครอน‘BA.2.12.1’ลามเข้าไทย
สธ.พร้อมรับมือ
โควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ทำลายภูมิคุ้มกัน
ศูนย์จีโนมฯเตือนปชช.ต้องฉีดวัคซีน
‘ChulaCov19’ขอทดลองในคนเฟส1
ป่วยใหม่รวมATKลด12,993/ตาย62
โควิดไทยลดลงต่อเนื่อง ติดเชื้อใหม่ 7,705 ราย บวก ATK อีก 5,288 ราย รวมป่วยเพิ่มขึ้น 12,993 คน ตายเพิ่ม 62 ศพ ปอดอักเสบ 1,622 ราย อย.เผย ChulaCov19 ขอทดลองในคนเฟส 1 แล้ว ด้าน ศูนย์จีโนมฯเตือนคนไทยฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ให้ได้มากที่สุด ห่วงโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่ “BA.4 –BA.5 และ BA.2.12.1” ลามไทย ขณะที่นายกฯกำชับ สธ.เตรียมพร้อมรับมือโควิดกลายพันธุ์ แม้สถานการณ์ติดเชื้อในประเทศลดลง ต้องเตรียมแผนรับมือ ปรับมาตรการให้เหมาะสม ปลื้ม WHO ยกย่องไทยประเทศต้นแบบรับมือสกัดโควิดอยู่หมัด ยันพร้อมคลายมาตรการเพิ่มตามสถานการณ์
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) รายงานภาพรวมสถานการณ์ระบาดประจำวัน ที่ทิศทางผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง
ติดเชื้อรวมATKลดต่อเนื่อง12,993ราย
ศบค.ระบุว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 7,705 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากในประเทศ 7,695 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 10 ราย ผู้ป่วยสะสมนับตั้งแต่ระลอกมกราคม 2565 มีจำนวน 2,084,884 ราย ขณะที่ ผู้ติดเชื้อเข้าข่ายจากผลแอนติเจน เทสต์ คิท (ATK )อีก 5,288 ราย หายป่วยกลับบ้าน 11,252 ราย หายป่วยสะสม ตั้งแต่ 1 มกราคมมีจำนวน 2,013,177 ราย กำลังรักษา 97,672 ราย
ปอดอักเสบ1,622-ตายเพิ่ม62คน
ส่วนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,622 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 21 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 20.1 มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 62 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 มียอดสะสมสูงถึง 28,976 ราย สำหรับข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 4,308,319 ราย หายป่วยแล้ว 4,181,671ราย
กทม.ต่ำกว่า3พัน/7จว.อีสานติดท็อปเท็น
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับ 1 ยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร(กทม.)มีผู้ติดเชื้อ2,185 ราย อันดับ 2 บุรีรัมย์ 294 ราย อันดับ 3 สมุทรปราการ 268 ราย อันดับ 4 ศรีสะเกษ 246 ราย อันดับ 5 ขอนแก่น 226 ราย อันดับ 6 ชลบุรี 203 ราย อันดับ 7 นครราชสีมา 199 ราย อันดับ 8 ร้อยเอ็ด 185 ราย อันดับ 9 สุรินทร์ 176 ราย และอันดับ 10 อุบลราชธานี 155 ราย
ChulaCov19 ขอทดลองในคนเฟส 1 แล้ว
ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะผู้ศึกษาวิจัยวัคซีน ChulaCov19 ชนิด mRNA ของศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาล (รพ.) จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยทยอยส่งเอกสารขออนุญาตขึ้นทะเบียนผลิตวัคซีนโดยโรงงานในประเทศไทย โดยบริษัท ไบโอเน็ตเอเชีย กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อนำไปทดสอบในคนระยะที่ 1 จากเดิมที่ขอขึ้นทะเบียนผลิตในโรงงานที่ต่างประเทศ เมื่อเปลี่ยนโรงงานผลิตจึงต้องขออนุญาตขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตแห่งใหม่เพิ่มเติม
“เบื้องต้นมีการส่งเอกสารประกอบเข้ามาเรื่อยๆ ทางอย.ยังไม่ต้องขอข้อมูลอะไรเพิ่ม การพิจารณาก็อยู่ที่ว่าทางคณะผู้วิจัยจะขึ้นทะเบียนใช้อย่างไร จะใช้เป็นเข็มที่ 1 เข็มที่ 2 หรือเข็มกระตุ้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต้องมาเริ่มที่เฟส 1 และต้องเริ่มในคนที่มีสุขภาพดี”นพ.ไพศาล กล่าว
จี้วัคซีนตัวอื่นขึ้นทะเบียนใช้ภาวะปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีวัคซีนโควิดตัวอื่นยื่นขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมหรือไม่ นพ.ไพศาล กล่าวว่า ที่เพิ่งขึ้นทะเบียนไปเมื่อเร็วๆนี้คือ วัคซีนโคโวแวกซ์ นอกจากนี้ วัคซีนตัวอื่นๆ ที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยไปก่อนหน้านี้ ซึ่งใบอนุญาตจะมีอายุ 1 ปีนั้น ทุกตัวได้ต่ออายุใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างประชาสัมพันธ์ให้ผู้รับผิดชอบยื่นเรื่องปรับการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิดชนิดต่างๆ เป็นวัคซีนที่ใช้ในสถานการณ์ทั่วไป จากปัจจุบันที่ยังขึ้นทะเบียนใช้ในภาวะฉุกเฉิน เหมือนที่สหรัฐอเมริกาปรับขึ้นทะเบียนวัคซีนไฟเซอร์เป็นการใช้ในสถานการณ์ปกติ เพราะขณะนี้ข้อมูลน่าจะมีครบแล้ว
ถามต่อว่า หากปรับขึ้นทะเบียนเป็นวัคซีนที่ใช้ในสถานการณ์ทั่วไปแล้ว เท่ากับว่าเอกชนสามารถนำเข้าได้เองใช่หรือไม่ นพ.ไพศาลกล่าวว่า ได้ แต่ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิต/จำหน่ายว่า จะเจรจาขายกันหรือไม่ อย่างไร แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นการขายให้รัฐ
ศูนย์จีโนมฯจี้คนไทยเร่งฉีดบูสเตอร์
ด้านศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลออกประกาศคำเตือนให้ประชาชนที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือยังไม่ได้รับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) เข้ารับวัคซีนให้ทั่วถึง เพื่อระงับการระบาดของโรคโควิด-19 ในอนาคต โดยระบุเพิ่มเติมว่า ผู้ติดเชื้อโอมิครอนรายใหม่และผู้เสียชีวิตทั่วโลก รวมทั้งไทยมีจำนวนลดลงต่อเนื่อง จนอาจเข้าสู่ภาวะโลกประจำถิ่นที่ระบบสาธารณสุขเราควบคุมการระบาดได้ แต่เหตุใดเรายังต้องฉีดวัคซีนเข็มแรกหากยังไม่เคยฉีดและฉีดเข็มกระตุ้นทันทีเมื่อครบกำหนด
เตรียมรับมือโอมิครอนพันธุ์ใหม่ลามไทย
คำตอบคือโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ในแอฟริกาและBA.2.12.1 ในสหรัฐอเมริกากำลังเกิดการระบาดระลอกใหม่ (next wave) เข้ามาแทนที่ BA.2 และมีแนวโน้มสูงที่แพร่ไปทั่วโลกเหมือนเหตุการณ์ระบาดใหญ่ของโอมิครอนจากแอฟริกาใต้เมื่อพฤศจิกายน 2564 ทั้งนี้ จากการศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่าแอนติบอดีที่ร่างกายเราสร้างขึ้น จากการติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 ตามธรรมชาติ (natural infection) ไม่สามารถปกป้องการติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ที่อุบัติใหม่อย่าง BA.4, BA.5 และBA.2.12.1 ได้
“คนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนแต่เพิ่งหายจากการติดเชื้อ BA.1 ความสามารถของแอนติบอดีในร่างกายที่จะต่อต้านไวรัส BA.4 และ BA.5 ลดลงมากกว่า 7 เท่า เมื่อเทียบกับความสามารถต่อต้าน BA.1 ในขณะที่ผู้ที่เคยฉีดวัคซีน และเพิ่งหายจากการติดเชื้อ BA.1 ตามธรรมชาติ ความสามารถของแอนติบอดีในร่างกายที่จะต่อต้านไวรัส BA.4 และ BA.5 ลดลงไปเพียง 3 เท่า หมายถึงลำพังแอนติบอดีจากการติดเชื้อ BA.1 ตามธรรมชาติไม่สามารถปกป้องการติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 ได้ดีนัก แต่หากฉีดวัคซีนก่อนและติดเชื้อ BA.1 ร่วมด้วย แอนติบอดีที่ร่างการสร้างขึ้นจะยับยั้งไวรัส BA.4 และ BA.5 ได้ระดับหนึ่ง ทำให้ไม่ป่วยไม่ตาย เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนแต่ติดเชื้อ BA.1 ตามธรรมชาติแต่เพียงอย่างเดียว”ศูนย์จีโนมฯระบุ
และว่า ดังนั้น ช่วงที่จำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนรายใหม่และผู้เสียชีวิตลดลง จึงควรรีบไปฉีดวัคซีนและเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันติดเชื้อซ้ำ หากมีการระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5 และ BA.2.12.1 เข้ามาในประเทศไทย เพราะภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติจาก BA.1 อาจไม่ช่วยปกป้องเรามากนักจากโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่
เปิดคลินิกLong COVIDในรพ.9แห่ง9พ.ค.
ขณะที่นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.)เปิดเผยว่า สำนักการแพทย์ของกทม.เตรียมเปิดคลินิกรักษาผู้ป่วย Long COVID ตามแนวทางกรมการแพทย์ เพื่อดูแลผู้ป่วยโควิดที่พ้นระยะเฉียบพลันและยังคงมีอาการผิดปกติในระบบของร่างกาย โดยจะครอบคลุมการให้คำปรึกษา การตรวจประเมิน การส่งตรวจห้องปฏิบัติการหรือตรวจพิเศษ การวินิจฉัย การดูแลรักษา ติดตามอาการ และส่งต่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ในรูปแบบการให้บริการแบบผู้ป่วยนอก โดยเปิดคลินิก 1 วัน/สัปดาห์ เริ่มวันที่ 9 พฤษภาคมเป็นต้นไป ในวันและเวลาราชการ ซึ่งผู้ป่วยที่เข้ารักษาในคลินิก Long COVID ได้ต้องเป็นผู้ป่วยโควิดที่หายป่วยมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป การให้บริการจะเน้นติดตามอาการที่เกิดหลังหายป่วยโควิด โดยผู้ป่วยสามารถรับบริการผ่าน 2 ช่องทางคือ 1.ผู้ป่วยมาเข้ารับบริการที่คลินิกปกติ และแพทย์วินิจฉัยอาการที่เข้าได้กับ Long COVID จึงส่งผู้ป่วยมาที่คลินิกดังกล่าว และ 2. ผู้ป่วยที่สงสัยอาการตนเองและเข้ามารับบริการที่คลินิก Long COVID โดยตรง รูปแบบการให้บริการเป็นแบบ One stop service จัดให้มีการบริการคัดกรอง พบแพทย์ในจุดเดียว
ทั้งนี้ ผู้ป่วยโควิดที่หายป่วยมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป สามารถรับบริการได้ที่โรงพยาบาลสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานครทั้ง 9 แห่ง โดยสามารถนัดหมายรับบริการผ่านศูนย์บริหารราชการฉับไวใสสะอาด (Bangkok Fast & Clear: BFC) ของโรงพยาบาล และขยายช่องทางให้บริการตรวจรักษาผ่านระบบ telemedicine ในแอปพลิเคชัน“หมอ กทม.” รองรับให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผ่านการเบิกจ่ายค่ารักษาตามสิทธิ
โรงพยาบาลทั้ง 9 แห่งมี ดังนี้ 1.โรงพยาบาลกลาง คลินิกประกันสุขภาพ ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 13.00-16.00 น. 2.โรงพยาบาลตากสิน ณ ARI Clinic ทุกวันจันทร์ เวลา13.00-16.00 น. 3.โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ณ คลินิกอายุรกรรม ทุกวันพุธ เวลา 13.00-16.00น. 4.โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธฺโร อุทิศ ณ คลินิกอายุรกรรม ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 13.00-16.00น. 5.โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ ณ คลินิกอายุรกรรม ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 13.00-16.00 น.
6.โรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร ณ คลินิกอายุรกรรม ทุกวันอังคาร เวลา 08.00-12.00 น. 7.โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ ณ ARI Clinic ทุกวันพุธ เวลา 13.00-16.00 น. 8.โรงพยาบาลสิรินธร ณ คลินิกวัณโรค ทุกวันอังคาร เวลา 08.00-12.00 น. 9.โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ณ คลินิกผู้ป่วยนอก ทุกวันพุธ 13.00-16.00 น.
นายกฯถกศบศ.ชูความสำเร็จคุมโควิด
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) หรือ ศบศ. ก่อนประชุมนายกฯกล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยถือว่าประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดโควิด-19 เห็นได้จากสถานการณ์มีแนวโน้มคลี่คลายต่อเนื่อง รัฐบาลได้เร่งกระจายวัคซีนให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ผู้ป่วยอาการรุนแรงและผู้เสียชีวิตอยู่ในการดูแลตามศักยภาพของระบบสาธารณสุขที่เตรียมการไว้ ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลจากการทำงาน ในการบริหารจัดการควบคุมการระบาดของทุกฝ่าย ที่ร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างดี
ปลื้มWHOชูไทยต้นแบบ-ย้ำรับมือพันธุ์ใหม่
นายกฯระบุอีกว่า ขณะที่องค์การอนามัยโลก(WHO) ยกย่องไทย เป็นประเทศต้นแบบที่บริหารจัดการ และรับมือการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เรายังคงต้องระมัดระวัง และติดตามสถานการณ์ระบาดของโอมิครอน และสายพันธุ์ใหม่ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตใกล้ชิดต่อไป ต้องเตรียมแผนรับมือ ปรับมาตรการให้เหมาะสมและทันท่วงที
เล็งผ่อนคลายเพิ่มรับท่องเที่ยว-เปิดเทอม
จากข้อมูลฝ่ายสาธารณสุขรายงานว่า การเปิดรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ หรือเข้ามาในโครงการนำร่องท่องเที่ยวและบริการ แม้ตรวจพบผู้ติดเชื้ออยู่บ้าง แต่เป็นจำนวนน้อย สามารถควบคุมได้ จึงอาจไม่ใช่ปัจจัยที่มีผลทำให้การติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลกในปัจจุบัน หลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรค มีการเปิดประเทศควบคู่ไปกับการส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อให้อยู่ร่วมกับโควิดได้ ตรงกับนโยบายรัฐบาล ดังนั้น ศบค. จึงพิจารณาผ่อนคลายมาตรการต่อเนื่อง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งการกำหนดพื้นที่นำร่อง เงื่อนไขการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร รวมทั้งเตรียมความพร้อมรองรับเปิดภาคเรียนที่ 1 ปี 2565
วอนทำบ้านเมืองสงบ-ปลอดโควิดฟื้นปท.
ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงหลังประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019ว่า วันนี้เป็นการประชุมติดตามสถานการณ์ระบาดโควิด และมาตรการด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเราสบายใจขึ้นในเรื่องการท่องเที่ยวที่มีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงนี้ และคาดการณ์ว่าปลายปีนี้ ในไตรมาสที่ 4 ที่เป็นช่วงการท่องเที่ยวต่อเนื่องไตรมาส 1 ปี 2566 ถ้าเรารักษาสถานภาพตรงนี้ไว้ได้จะเป็นการดี จึงขอความร่วมมือภาคเอกชน และประชาชนระมัดระวังทำให้บ้านเมืองสงบสุข และมีความปลอดภัยในด้านโควิด
“จะเห็นว่ายอดนักท่องเที่ยวแต่ละวันที่เข้ามามากพอสมควร และมากขึ้นต่อเนื่องมีนัยยะสำคัญ คนก็อยากจะมาท่องเที่ยวในประเทศไทย สิ่งสำคัญคือความเรียบร้อย ความสงบทุกๆด้าน ความขัดแย้งต่างๆก็ต้องลดลง ไม่เช่นนั้นคนเดือดร้อนที่สุดคือ ประชาชน ผู้ประกอบการทั้งหลายไม่สามารถฟื้นตัวได้”นายกฯกล่าว
และว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือเรื่องการท่องเที่ยว การจัดงานSpecialised Expo 2028 ที่จ.ภูเก็ต ในปี 2571 ทีต้องวางแผนล่วงหน้า เตรียมรับฉันทานุมัติจัดงานในประเทศไทย หลายอย่างต้องเป็นความร่วมมือระหว่างกัน
ยันเปิดปท.แต่ไม่ทำคนไทยเดือดร้อน
นอกจากนี้ ยังหารือเรื่องการจะถ่ายทำภาพยนตร์อย่างไร เพื่อนำรายได้เข้าประเทศ แต่ยืนยันอย่างเดียวว่ารัฐบาลต้องไม่ทำให้คนไทยเดือดร้อน ฉะนั้นไม่ต้องตื่นตระหนกเรื่องนี้ เดี๋ยวจะมีคนเอาไปบิดเบือนอีก เราต้องการให้เขาเข้ามาใช้เงินในประเทศไทย ตามศักยภาพที่เขามีอยู่ ทั้งนี้ ยังมีการหารือเรื่องงบประมาณ ตนได้ให้ไปหาวิธีว่าจะดูแลห่วงโซ่ต่างๆอย่างไร โดยเฉพาะด้านท่องเที่ยวมีความต้องการจากผู้ประกอบการโรงแรมหลายแห่งที่ต้องการรีโนเวท จากการที่ต้องปิดกิจการไป ซึ่งต้องไปหารือกับธนาคารเพื่อหาเงินหมุนเวียนสภาพคล่องไปให้
สั่ง กก.ศึกษาแนวทางเร่งปฎิบัติ
“วันนี้พูดหลายเรื่องก็ให้แนวทางไปแล้วซึ่งคณะกรรมการจะไปศึกษาเพิ่มเติม เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้โดยเร็วที่สุดหลายเรื่องแล้วต้องทำงานใหม่ๆขึ้นมา เมื่อทำงานใหม่ปัญหาอุปสรรคก็จะมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทำความเข้าใจกัน ผมก็ย้ำตรงนี้ให้ชัดเจน”นายกฯกล่าว
นายกฯสั่ง สธ.จับตาโควิดกลายพันธุ์
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังการระบาดโควิด-19 เริ่มทรงตัว และมีการดูแลรักษาที่บ้าน (Home Isolation) มากขึ้น ทำให้หลายสถานพยาบาลปรับลดการดูแลผู้ป่วยในสถานพยาบาลลง กลับมารักษาผู้ป่วยโรคอื่น รวมถึงรักษาผ่าตัดเพิ่มมากขึ้น อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีการระบาดของโควิดที่รุนแรง แต่ทุกคนต้องร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ป้องกันโควิด แบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) อย่างเคร่งครัดต่อไป เพื่อทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื่อลดลงอีก นอกจากนี้ นายกฯยังชื่นชมและขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วนที่ร่วมปฏิบัติตามมาตรการสาธารสุขจนส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อของไทยลดลงมาอยู่ในหลักพันติดต่อกัน 5 วันแล้ว แต่ยังมอบหมายกระทรวงสาธารณสุข เฝ้าติดตามสถานการณ์โควิดต่อเนื่อง ในการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เพราะเริ่มตรวจพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ย่อยในบางประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี