วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 เครือข่ายพลเมืองเน็ต นำโดย นายอาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่อง ขอให้บังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งฉบับ ครบทุกมาตรา ตามกำหนด ระบุว่า เครือข่ายพลเมืองเน็ต ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิด้านข้อมูลข่าวสารและสิทธิพลเมืองกับเทคโนโลยี และได้ติดตามการร่างพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลฯ มาโดยตลอดตั้งแต่ร่างฉบับปี พ.ศ. 2552
เห็นว่า พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลฯ พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบันนั้น มีโครงสร้าง หลักการ และเหตุผล ตั้งอยู่บนร่างฉบับปี พ.ศ. 2558 ซึ่งเสนอโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และตั้งแต่ช่วงเวลาดังกล่าว ได้มีการนำร่างฉบับปรับปรุงต่างๆ ที่ตั้งอยู่บนร่างปี พ.ศ. 2558 มาเผยแพร่เพื่อรับฟังความคิดเห็น ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการมาโดยตลอด นับจนถึงปัจจุบัน
ผู้ประกอบการและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง มีเวลาได้รับทราบ ว่าจะมีกฎหมายลักษณะดังกล่าวออกมาบังคับใช้แล้วไม่น้อยกว่า 6 ปีเต็ม และได้รับทราบถึงเนื้อหารายมาตราของพ.ร.บ.ฉบับที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษามาแล้วเป็นเวลาเกือบ 3 ปีเต็ม ผู้ประกอบการในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับประโยชน์จากการใช้ข้อมูลดังกล่าว จึงไม่ควรอ้างถึงความไม่พร้อมในการเตรียมการอีกต่อไป
สำหรับความพร้อมของหน่วยงานกำกับกิจการ ปัจจุบัน คณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคลได้เริ่มปฏิบัติงานครบทั้งคณะแล้ว หลังประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้รับการสรรหาและอนุมัติแต่งตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2563 และวันที่ 11 ม.ค. 2565 และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2565 โดยร่วมประชุมพร้อมกันเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2565 และในเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2565 ได้แต่งตั้งประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงถือได้ว่าหน่วยงานกำกับกิจการมีความพร้อมแล้ว ทั้งในส่วนของคณะกรรมการหลัก และในส่วนของสำนักงาน
สำหรับความพร้อมของกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่คณะกรรมการยังได้รับแต่งตั้งไม่ครบ สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งทำหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามบทเฉพาะกาล ได้ทำงานร่วมกับศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการสนับสนุนของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อศึกษาและจัดทำร่างกฎหมายลำดับรอง จำนวน 3 กลุ่มกฎหมาย โดยได้จัดฟังรับฟังความคิดเห็นสาธารณะจากกลุ่มธุรกิจ 7 กลุ่ม รวม 21 รอบ ในระหว่างเดือน พ.ย. 2563–ต.ค. 2564
และได้ร่างพระราชกฤษฎีกา ประกาศ ระเบียบ และข้อบังคับ ที่อยู่ในรูปแบบพร้อมนำไปพิจารณาประกาศใช้ จำนวน 29 ฉบับ ครอบคลุมทุกประเด็นที่จำเป็นตามที่กำหนดไว้ในพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว เช่น การขอความยินยอม การแจ้งวัตถุประสงค์ บันทึกรายการกิจกรรม การส่งหรือโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ กระบวนการรับเรื่องร้องเรียน ความรับผิดชอบของผู้ประมวลผลข้อมูล
ขอบเขตการบังคับและการตั้งตัวแทนในราชอาณาจักร ฯลฯ จึงถือได้ว่ากระบวนการจัดเตรียมกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมแล้ว และหากมีส่วนใดที่ยังไม่สมบูรณ์ก็สามารถประกาศเพิ่มเติมได้หลังพ.ร.บ.ประกาศใช้ไปแล้ว เช่นที่เกิดขึ้นกับกฎหมายในชุดเดียวกันอย่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และพ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562
ในภาวะการใช้ชีวิตแบบใหม่ ซึ่งมีการทำงานและการใช้บริการระยะไกลในปริมาณมากขึ้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อมาตรการทางสุขภาพและเพื่อการเดินทางที่จะทวีมากขึ้นเช่นกัน ความจำเป็นที่จะต้องมีกลไกการคุ้มครองข้อมูลที่ครบถ้วนก็มีมากขึ้นตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายพลเมืองเน็ตจึงสนับสนุนจุดยืนของสภาองค์กรของผู้บริโภค และขอให้คณะรัฐมนตรี บังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งฉบับ ทุกมาตรา ตามกำหนด 1 มิ.ย. 2565 นี้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของข้อมูล และเพื่อโอกาสทางเศรษฐกิจของธุรกิจไทยในการให้บริการกับลูกค้าต่างประเทศที่ต้องการกลไกคุ้มครองข้อมูลที่ได้มาตรฐานเทียบเท่าสากล
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเดือน เม.ย. 2565 มีรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เรียกร้องให้เลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ออกไปอีก 2 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี