ศบค.แถลงไทยติดเชื้อ 8 พันราย ดับ 59 ราย พบไม่ฉีดวัคซีนถึง 70% ย้ำยังถอด‘หน้ากาก’เหมือนต่างประเทศไม่ได้ บริบทต่างกัน เร่งฉีดวัคซีนรับเปิดเรียน 17 พ.ค. พร้อมถกปม‘ไทยแลนด์พาส’ 20 พ.ค.นี้
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 12 พฤษภาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,019 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 7,950 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 7,909 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 41 ราย มาจากเรือนจำ 66 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 3 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 8,807 ราย อยู่ระหว่างรักษา 77,427 ราย อาการหนัก 1,353 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 673 ราย
เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 59 ราย เป็นชาย 31 ราย หญิง 28 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 49 ราย มีโรคเรื้อรัง 10 ราย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,353,237 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,246,499 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 29,311 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 519,144,862 ราย เสียชีวิตสะสม 6,282,332 ราย
อย่างไรก็ตาม ในจำนวนผู้เสียชีวิตวันนี้ของประเทศไทย พบว่า ร้อยละ 70 ไม่เคยได้รับวัคซีน และมีถึง 21 ราย อยู่ที่ภาคอีสาน จึงขอรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับวัคซีน นอกจากนี้ ยังมีถึง 3 รายที่เสียชีวิตวันที่ตรวจพบเชื้อ และมี 9 ราย เสียชีวิตหลังการพบเชื้อเพียง 3 วัน จึงฝากเตือนไปยังประชาชนหากมีอาการหรือเสี่ยงให้เร่งเข้ารักษา เพราะวันนี้มีมาตรฐานการรักษาที่ดีแล้ว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กรณีที่มีหลายประเทศผ่อนคลายกิจกรรม กิจการ เปิดสถานบันเทิง รวมถึงไม่ใส่หน้ากากอนามัยนั้น ขอชี้แจงว่า เราไม่สามารถยึดประเทศใดเป็นต้นแบบได้ เพราะบริบทต่างกัน และแม้หลายประเทศจะผ่อนคลายแต่พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ซึ่งทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตสูงขึ้นด้วย ดังนั้น เราต้องยึดประกาศ ศบค. และมาตรการสาธารณสุขเป็นหลัก
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม 2,747 ราย ร้อยเอ็ด 253 ราย ชลบุรี 248 ราย บุรีรัมย์ 229 ราย สมุทรปราการ 195 ราย นครราชสีมา 189 ราย มหาสารคาม 177 ราย อุบลราชธานี 168 ราย ขอนแก่น 147 ราย สุรินทร์ 140 ราย
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กได้มีการหารือถึงการเปิดภาคเรียนในวันที่ 17 พ.ค. โดยกระทรวงศึกษาธิการได้แจ้งข้อมูลการฉีดวัคซีนของเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 5,114,503 ราย มีความประสงค์ฉีดวัคซีน 4,474,211 ราย ฉีดเข็มที่หนึ่ง 4,274,155 ราย ฉีดเข็มที่สอง 3,511,087 ราย ฉีดเข็มที่สาม 56,167 ราย ส่วนเด็กอายุ 5-12 ปี มีทั้งสิ้น 5,263,106 ราย ประสงค์ฉีดวัคซีน 3,369,572 ราย ฉีดเข็มที่หนึ่ง 1,785,414 ราย ฉีดเข็มที่สอง 296,209 ราย
“เราจึงขอให้โรงเรียนต่างๆ ติดตามเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนให้เข้ามารับวัคซีน รวมถึงบุคลากรภายในโรงเรียนด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ความพร้อมของแต่ละโรงเรียนแตกต่างกัน อาจมีมาตรการที่แตกต่างกัน บางแห่งอาจเปิดออนไซต์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ที่ไหนยังไม่พร้อม นักเรียนยังฉีดวัคซีนไม่ครบถ้วน สามารถจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ได้ อยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด” พญ.อภิสมัย กล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 20 พ.ค. จะมีการหารือถึงปัญหาและอุปสรรคหลังจากมีการเปิดด่านผ่านแดนถาวร ส่วนเรื่องระบบไทยแลนด์พาส ยังคงมาตรการอยู่ และพบว่าตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่มีการผ่อนคลายมาตรการ มีจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ศบค.วันดังกล่าวอาจมีหารือเรื่องไทยแลนด์พาสว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่ ต้องหารือกันก่อน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี