ตม.สงขลาสกัดจับ

รถตู้ขนแรงงานเถื่อน

ซุกชาวเมียนมา36คน

ค่าหัวพุ่งคนละ8หมื่น

ตม.สงขลาสกัดจับรถตู้ขนแรงงานเถื่อนชาวเมียนมา 36 คน บนถนนสายเอเชียพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ขณะขนจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปส่งที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ได้ค่าจ้าง2หมื่นบาท ในขณะที่ค่าหัวเพิ่มเป็น5ล้านจ๊าด หรือกว่า80,000บาท เพราะเจ้าหน้าที่กวาดล้างจับกุมอย่างหนัก

เมื่อวันที่ 12พฤษภาคม 2565 พ.ต.อ.ศุภโชค หยงสตาร์ รอง ผบก.ตม. 6 , พ.ต.อ.ณรงค์ ชนะภัยกุล ผกก.ตม.จว.สงขลา และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จังหวัดสงขลา ร่วมกับตำรวจ สภ.รัตภูมิและตำรวจทางหลวง สกัดจับรถตู้ซึ่งเป็นรถรับจ้างไม่ประจำทางจำนวน 2 คัน ซึ่งลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองทั้งหญิงและชายมาจำนวน 36 คน โดยสกัดจับได้บนถนนสายเอเซีย พื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ขาเข้า จ.สงขลา คันแรกเป็นรถตู้สีขาว หมายเลขทะเบียน 30-0705 สมุทรสาคร มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมานั่งมาในรถ 14 คน และมีนายสถาพร พลเภา อายุ 59ปี เป็นคนขับ คันที่สองเป็นรถตู้สีเหลือง หมายเลขทะเบียน 30-0955 สมุทรสาคร มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมานั่งมาในรถ 22 คน มีนายปรีชา ช่อผกาแก้ว อายุ 67 ปี เป็นคนขับ

นายปรีชา และ นายสถาพร ให้การตรงกันว่า ได้รับการติดต่อจากนายหน้าชาวไทยไม่ทราบชื่อจริง ให้รับคนต่างด้าวบริเวณป่าละเมาะ ในพื้นที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปส่งยังบริเวณป่าละเมาะ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ตกลงค่าจ้างคันละ 20,000 บาท โดยขนมาพร้อมๆ กัน 3 คัน แต่อีกคันซึ่งเป็นรถตู้ หมายเลขทะเบียน ฮฮ 2614 กรุงเทพฯ ซึ่งมีรถของนายนายจักรพงศ์ หรือ ต๋อย กลโคกกรวด หรือต๋อย เป็นคนขับ ถูกตำรวจทางหลวงบางสะพานเรียกตรวจและถูกจับกุมได้ ส่วนพวกตนทั้งสองหลุดรอดมาได้และยอมรับว่าเคยขนมาแล้วหลายครั้ง ส่วนปลายทางแรงงานชาวเมียนมากลุ่มนี้จะเดินทางไปยังพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อลักลอบเดินทางต่อไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย

จากการสอบสวนชาวเมียนมาให้การว่า ลักลอบเดินทางเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ บริเวณชายแดนด้าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย จ่ายค่าเดินทางให้นายหน้าคนละ 8 หมื่นบาทหรือราว 5 ล้านจ๊าด จ่ายไปแล้ว 2 หมื่นบาท อีก 6 หมื่นบาทจ่ายเมื่อถึงปลายทาง ซึ่งขณะเดินทางนายหน้าจะทำสัญลักษณ์ผูกริบบิ้นสีเขียวเพื่อเเยก กลุ่มการเดินทางได้ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดส่ง สภ.รัตภูมิ ดำเนินคดี

โดยในส่วนของ นายปรีชา และนายสถาพร ถูกดำเนินคดี กระทำความผิดฐานให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุมจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ส่วนคนต่างดำเนินคดีในข้อหา กระทำความผิดฐาน เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญา