วันที่ 17 พฤษภาคม 2565 เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภาค 7 พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.โชคชัย เนียลเซ็น ผกก.สภ.ท่ายาง ร่วมแถลงข่าวจับกุมตัว น.ส. น.ส.จันทิมา อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาฆ่านางตี๋ อายุ 70 ปีเสียชีวิตภายในบ้านพัก บ้านน้ำลัด ต.ท่าแลง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พร้อมของกลาง ณ บริเวณหน้า ภ.จว.เพชรบุรี
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภาค 7 เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 ร.ต.อ.เดชาพล บุญเติมนิติกุล รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.ท่ายาง ได้รับแจ้งว่าพบผู้เสียชีวิตภายในบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 4 บ้านน้ำลัด ต.ท่าแลง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ตรวจสอบภายในบ้านพบศพนางตี๋ อายุ 70 ปี นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนที่นอนในสภาพลำคอมีรอยเขียวช้ำ ใบหน้ามีบาดเเผล เสื้อถลกขึ้นมาที่คอและผ้านุ่งหลุดออกตัว ใกล้กันพบไม้ท่อนยาวประมาณ 70 ซม.ตกอยู่บนพื้นคอนกรีต 1 ท่อน แพทยร์ชันสูจน์เบื้องต้นเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน โดยญาติติดใจการเสียชีวิต คาดว่า นางตี๋ ผู้ตายถูกคนร้ายเข้าไปฆาตรกรรมชิงทรัพย์จึงส่งศพไปพิสูจน์ยังสถาบันนิติเวช แพทย์ระบุนางตี๋เสียชีวิตผิดธรรมชาติอาจขาดอากาศหายใจหรือการบาดเจ็บ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวทราบว่านอกจากนางตี๋ผู้ตายประกอบอาชีพทำไร่แล้วยังปล่อยเงินกู้ ไม่มีครอบครัวอยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว จากการรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่ามีญาติและบุคคลใกล้ชิดหลายคนมากู้ยืมเงินจากผู้ตาย พบว่าเงินในบัญชีธนาคารของผู้ตายส่วนใหญ่ได้มอบให้กับครอบครัวของน้องชายผู้ตายยืมไป และผู้ตายได้วางใจ น.ส. จันทิมาให้ยืมเงิน และช่วยจัดการเกี่ยวกับเรื่องเงินในบัญชี ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนที่แล้วผู้ตายได้มอบเงินให้นางสาวจันทิมายืมไปเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท รวมหนี้เงินทั้งหมดประมาณ 300,000 บาท และพบว่าในวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีการทำธุรกรรมทางเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทยของน.ส. จันทิมาผิดปกติจำนวนเงิน 300'000 บาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมท พ.ต.ท.ประทีป แสงทองอร่าม รอง ผกก.สส. สภ.ท่ายาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงขอหมายศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ 110/2565 ลงวันที่ 16 พ.ค.2565 เข้าจับกุม น.ส.จันทิมาได้ที่บ้านพัก
น.ส.จันทิมา ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของนางตี๋ผู้ตาย สอบสวน น.ส.จันทิมา รับสารภาพว่า ตนเป็นคนลงมือทำร้ายนางตี๋จนเสียชีวิตจริง ส่วนสาเหตุเกิดจากการบันดาลโทสะที่นางตี๋ มักด่าทอและทวงเงินคืนจากตน เนื่องจากก่อนหน้านั้น ตนได้นำใบมอบฉันทะจากธนาคารมาหลอกให้นางตี๋เซ็นชื่อ และแอบนำบัตรประชาชน พร้อมสมุดบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ไปถอนเงินเกือบ 2 แสนบาทของนางตี๋ออกมาใช้จ่ายส่วนตัวและใช้หนี้รายวัน ต่อมาทางธนาคารเกิดความสงสัยว่าทำไมนางตี๋ถึงมีการมอบฉันทะให้ตนมาเบิกเงินออกจากบัญชีอยู่บ่อยครั้ง ทางเจ้าหน้าที่จึงเดินทางมาสอบถามข้อเท็จจริง ทำให้นางตี๋ทราบว่ ถูกตนหลอกให้เซ็นชื่อเพื่อนำไปยักยอกทรัพย์
ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงบ่ายวันที่11 พฤษภาคม ขณะที่ตนได้ขี่รถจักรยานยนพ่วงพานางตี๋ไปทำธุระ ระหว่างทางนางตี๋ได้ทวงเงินและด่าทออย่างหนัก ตนจึงพานางตี๋กลับเข้าบ้านและเกิดการโต้เถียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง ตนจึงระงับอารมณ์ไม่อยู่ บันดาลโทสะผลักนางตี๋ล้มลงกับพื้นบริเวณครัว ภายในบ้านแล้วขึ้นค่อมร่างบีบคอจนนางตี๋แน่นิ่ง จากนั้นได้ลากร่างของนางตี๋เข้ามานอนไว้บนเตียง แต่ระหว่างนั้นนางตี๋เกิดรู้สึกตัวและพยายามจะลุกขึ้นมา ตนจึงใช้ท่อนไม้ยาวประมาณ 70 ซม.ตีซ้ำเข้าไปที่ใบหน้า 3 ครั้ง แล้วใช้หมอนอุดจมูกจนนางตี๋แน่นิ่ง จากนั้นตนสร้างสถานการณ์ว่ามีโขมยเข้ามาชิงทรัพย์และทำร้ายนางตี๋ โดยถลกเสื้อและถอดผ้านุ่งออกจากร่าง แล้วกางมุ้งเพื่อคุมร่าง จากนั้นนำไม้ไปงัดไม้แปรที่ขวางหน้าต่างออก เบี่ยงเบนเพื่อให้เข้าใจว่ามีโขมยเข้ามาทางหน้าต่าง จากนั้นได้เปิดพัดลมหันมาทางร่างของนางตี๋ และหยิบเงินสดจากกระเป๋าสตางค์ที่นางตี๋พกติดไว้ที่เอวจำนวนกว่า3หมื่นบาท โดยบางส่วนได้นำไปใช้หนี้ และบางส่วนนำไปฝากโอนผ่านเข้าบัญชี
จากนั้นได้ขี่รถจักรยายนนต์มาอยู่ที่บ้านพัก ตนรู้สำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายนางตี๋จนถึงแก่ชีวิต เพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ จึงอยากขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่ายางดำเตินคดีทางกฎหมายต่อไ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี