ศอ.บต.เสนอ 3 มาตรการฟื้นเมืองหาดใหญ่ เปิดสถานบันเทิง 24 ชั่วโมงให้เป็น "ดิวตี้ฟรีโซล" และสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมา เตรียมเสนอ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ที่จะเดินทางมาพบปะกับนักธุรกิจแที่หาดใหญ่ในวันที่ 8 มิ.ย.ที่จะถึงนี้
ที่ห้องประชุม โรงแรมบุรีศรีภูฯ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อเวลา 09,00 น.วันนี้ (17 พ.ค.65) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศอ.บต.ได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คลี่คลาย โดยการเชิญคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา ตัวแทนภาคเอกชนโดยมีนายแวฮามะ บากา รองประธานคณะกรรมการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประธานในที่ประชุม และนายธนวัฒน์ พูลศิลป์ ประธานหอการค้า ได้บรรยายพิเศษ เรื่อง ผลกระทบทางเศรษฐกิจของ จ.สงขลา จากสถานการณ์ของโควิด -19
นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผอ.กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ให้เหตุผลในการประชุมรับฟังความคิดเห็นจาก คณะกรรมการที่ปรึกษาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ฝ่ายเศรษฐกิจ ) และตัวแทนเอกชนใน ซึ่งมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีตัวแทนของจังหวัดสงขลาและตัวเอกที่เป็นนักธุรกิจใน จ.สงขลา มาประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นในการ"ฟื้นฟูธุรกิจการค้าการท่องเที่ยว"ของ จ.สงขลาในวันนี้เพื่อนำข้อมูลข้อเสนอแนะจากที่ประชุมเพื่อนำเสนอต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ที่จะเดินทางมาพบปะกับนักธุรกิจ และภาคส่วนอื่นๆ ที่ อ.หาดใหญ่ ในวันที่ 8 มิ.ย.ที่จะถึงนี้
สำหรับในการประชุมวันนี้ ต้องการเห็นประเด็นของปัญหาและการแก้ปัญหาของ จ.สงขลา ในพื้นที่ อ.เมือง อ.หาดใหญ่ อ.สะเดา ในพื้นที่เมืองชายแดน เทศบาลตำบลสำนักขาม และเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ที่เป็นเมืองชายแดน ซึ่งทั้งหมดมีความซบเซา จากการระบาดของโควิด 19 และขณะนี้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีและมีการเปิดพรมแดนระหว่างประเทศแล้วจึงจำเป็นที่จะต้องฟื้นฟูให้เมืองทั้งหมดกลับมาเป็นเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเช่นเดิมเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของทุกภาคส่วน
ซึ่ง ศอ.บต.ได้เสนอแนวทางในการฟื้นฟู เมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ไว้ 3 ข้อด้วยกัน 1.ผลักดันให้ จ.สงขลา เป็นเขตปลอดภาษี หรือดิวตี้ฟรีโซล 2.ให้สถานบันเทิงเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง และ 3.การสร้างความเชื่อมั่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกกลับมาทำธุรกิจและท่องเที่ยวใน จ.สงขลาอีกครั้ง ซึ่งในที่ประชุมได้มีการให้ข้อคิดเห็น และเห็นด้วยกับทั้ง 3 แนวทางแต่ยังมีประเด็นปัญหาที่ ศอ.บต.ต้องผลักดันให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ตรงจุด เช่นเรื่องของเงินกู้ดอดเบี้ยต่ำ ที่สถาบันการเงินให้กู้แต่กับกลุ่มทุนที่ไม่เสี่ยง แต่ปฏิเสธในการให้กู้กับผู้นำธุรกิจ เอสเอ็มอี และชาวบ้านที่ค้าขายเล็กๆ และประชาชนทั่วไป และรัฐบาลไม่ควรที่จะกลับมาเก็บภาษีที่ดิน ภาษีต่างๆ ในขณะที่ปัญหาต่างๆ เพิ่งจะคลี่คลาย
มีการนำเสนอว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของ อ.หาดใหญ่ อ.เมือง และเมืองชายแดนอย่างด่านนอก และปาดังเบซาร์ มีความต่างกันจะใช้นโยบายเดียวกันไม่ได้ อย่าง อ.เมือง ต้องขายความเก่าหาดใหญ่ขายความทันสมัย บันเทิง และด่านนอก ต้องมองถึงนักท่องเที่ยวที่เป็นเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียเป็นสำคัญและไม่ว่าอย่างไรจะมองเฉพาะเรื่องธุรกิจการค้า การบันเทิงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูที่ภาพรวม เช่นอาชีพเกษตรกร ประมง และอื่นๆ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ถ้าอาชีพเหล่านี้มีปัญหา ไม่มีกำลังซื้อการที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นตามที่ต้องการเห็นก็เป็นไปได้อยาก
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล เลขานุการคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นผู้สรุปการประชุมในครั้งนี้ ได้กล่าวว่า เห็นด้วยในการที่จะฟื้นหาดใหญ่แบบเฉาะหน้าด้วยการเปิดสถานบริการ ไม่ต้อง 24 ชั่วโมงแต่ให้อนุญาตให้เปิดได้ถึงตี 4 อาจจะทำให้หาดใหญ่ฟื้นคืนชีพได้ เพราะในอดีตหาดใหญ่ รุ่งเรืองเติบโตจากสถานบันเทิงซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่เดินทางมาเที่ยวในยามราตรี
ทุกวันนี้สถานบันเทิงส่วนใหญ่ในหาดใหญ่ในสงขลาก็เปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว โดยการจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ถ้าเปิดได้ถึง 4 นาฬิกาจะได้ไม่ต้องทำผิดกฎหมายและไม่ต้องจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการค้ามนุษย์ และเรื่องศีลธรรมให้มาก ต้องมีการป้องกันในเรื่องนี้ ในส่วนเรื่องดิวตี้ฟรีโซล เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ต้องมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องหลายเรื่อง ซึ่งเคยพูดกันมากว่า 10 แล้วแต่ไม่ได้ทำอย่างจริงจัง
ในเรื่องของความเชื่อมั่นในพื้นที่ จ.สงขลา ยกเว้น 4 อำเภอไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งการสร้างความเชื่อมั่นเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก ที่ยากกว่าคือการ ฟื้นฟูเมืองชายแดนอย่างด่านนอก อ.สะเดา เมืองเศรษฐกิจชายแดนไทย-มาเลเซียเพราะเมืองนี้เกิดขึ้นแบบไร้แบบแผนและเติบโตด้วยธุรกิจผิดกฎหมาย มีปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ และผลประโยชน์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่และเป็นเมืองที่ต้องพึ่งพา ชาวมาเลเซียมากกว่าคนในพื้นที่ ซึ่งการฟื้นฟูเมืองเศรษฐกิจเมืองนี้ ต้องให้เจ้าของธุรกิจ นักลงทุนในพื้นที่มีส่วนในการเสนอความคิดเห็นด้วย จึงจะสามารถหาแนวทางในการฟื้นฟู
สำหรับหาดใหญ่ ในระยะยาวต้องมีการสร้าง "จุดขาย" เพราะหาดใหญ่ในอดีตโตมาจากสินค้าหนีภาษี เรื่องโสเภณีไม่ได้โตจากการท่องเที่ยว หาดสวย น้ำใส ซึ่งเป็นการเติมโตที่พึ่งพึงชาวมาเลเซีย เป็นความรุ่งเรื่องเมื่อ 40 ปีก่อน ที่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่ภูมิทัศของ ธุรกิจการค้า ก็เปลี่ยน แต่คนส่วนหนึ่งของหาดใหญ่ยังไม่เปลี่ยน ยังอยู่กับอดีตและยังคาดหวังว่าหาดใหญ่จะฟื้นด้วยชาวมาเลเซีย หาดใหญ่วันนี้ไม่มีจุดขาย
หากไม่มีการสร้างจุดขายใหม่ขึ้นมา หาดใหญ่ก็จะเป็นเมืองผ่าน ซึ่งการเป็นเมืองผ่านก็ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรกับการเป็นเมืองผ่าน และเจ้าของธุรกิจรุ่นเก่าๆ ยังมีอิทธิพล ในหาดใหญ่ ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตนเองตาม ภูมิทัศน์ทางการค้าที่เปลี่ยนไปแล้ว จริงอยู่ องค์กรต่างๆ ที่เป็นของเอกชน มีการเปลี่ยนผู้นำเป็น คนรุ่นใหม่ แต่ถ้า เจ้าของธุรกิจ ไม่เชื่อ ไม่ฟัง ไม่ให้ความร่วมมือการขับเคลื่อนองค์กรก็เป็นไปยาก และที่สำคัญราชการคือปัญหาใหญ่ของการเปลี่ยนแปลง
ในการประชุมครั้งนี้ได้มีการนำรายการสนธิทอล์กที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็น "หาดใหญ่ตายแล้ว" และใครทำให้หาดใหญ่ตาย มาเปิดให้ผู้เข้าประชุมได้รับฟังข้อมูล ที่มีการนำไปวิพากษ์วิจารณ์ ด้วย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี